มัทธิว 25:1-30

มัทธิว 25:1-30 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

ใน​เวลา​นั้น​อาณาจักร​แห่ง​สวรรค์​จะ​เปรียบ​เหมือน​กับ เพื่อน​เจ้าสาว​สิบ​คน​ที่​ถือ​ตะเกียง​ออก​มา​รอ​รับ​เจ้าบ่าว ใน​พวก​เขา​มี​ห้า​คน​เป็น​หญิง​โง่ และ​อีก​ห้า​คน​เป็น​หญิง​ฉลาด หญิง​โง่​ห้า​คน​นั้น​เอา​ตะเกียง​ไป แต่​ไม่​ได้​เอา​น้ำมัน​สำรอง​ไป​ด้วย แต่​หญิง​ฉลาด​ห้า​คน​นั้น​เอา​น้ำมัน​สำรอง​ไป​พร้อม​กับ​ตะเกียง​ด้วย เจ้าบ่าว​มา​ช้า หญิงสาว​ทั้งหมด​ก็​ง่วง​และ​หลับ​ไป เมื่อ​ถึง​เที่ยงคืน ก็​มี​เสียง​ร้อง​เรียกว่า ‘เจ้าบ่าว​มา​แล้ว ออก​มา​ต้อนรับ​เร็ว​เข้า’ เพื่อน​เจ้าสาว​ทั้งหมด​ตื่น​ขึ้น และ​เตรียม​ตะเกียง​ของ​ตน​ให้​พร้อม แล้ว​หญิง​โง่​ก็​พูด​กับ​หญิง​ฉลาด​ว่า ‘ขอ​แบ่ง​น้ำมัน​ของ​พวก​เธอ​ให้​กับ​พวก​เรา​บ้าง​สิ ตะเกียง​ของ​พวก​เรา​ใกล้​จะ​ดับ​อยู่​แล้ว’ หญิง​ฉลาด​ตอบ​ว่า ‘ไม่​ได้​หรอก เพราะ​น้ำมันนี้​มี​ไม่​พอ​สำหรับ​พวก​เรา​ทุก​คน พวก​เธอ​ไป​หา​ซื้อ​จาก​คน​ขาย​น้ำมัน​เอา​เอง​ก็​แล้ว​กัน’ ขณะ​ที่​หญิง​โง่​ออก​ไป​หา​ซื้อ​น้ำมัน เจ้าบ่าว​ก็​มา​ถึง เพื่อน​เจ้าสาว​ที่​พร้อม​อยู่​แล้ว​ก็​เข้า​ไป​ใน​งาน​แต่งงาน​กับ​เจ้าบ่าว แล้ว​ประตู​ก็​ถูก​ปิด​ลง ต่อมา​เมื่อ​หญิง​โง่​ห้า​คน​นั้น​กลับ​มา ก็​ร้อง​เรียกว่า ‘คุณ​คะ คุณ​คะ ช่วย​เปิด​ประตู​ให้​พวก​เรา​หน่อย​ค่ะ’ แต่​เจ้าบ่าว​ตอบ​ว่า ‘จะ​บอก​ให้ ผม​ไม่​รู้จัก​คุณ​สัก​หน่อย’ ดังนั้น​ให้​พร้อม​อยู่​เสมอ เพราะ​พวก​คุณ​ไม่​รู้​ถึง​วัน​เวลา​ที่​เรา​จะ​กลับ​มา หรือ​เรา​อาจ​จะ​เปรียบ​อาณาจักร​นั้น​เหมือน​กับ​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​กำลัง​จะ​เดินทาง​ไป​ต่าง​ประเทศ จึง​เรียก​พวก​ทาส​มา​และ​ฝาก​ทรัพย์สิน​ให้​พวก​เขา​ดูแล เขา​ให้​เงิน​ห้า​ถุง​กับ​ทาส​คน​หนึ่ง ให้​เงิน​สอง​ถุง​กับ​ทาส​อีก​คน​หนึ่ง และ​ให้​เงิน​หนึ่ง​ถุง กับ​ทาส​คน​สุดท้าย โดย​ได้​แบ่ง​ให้​ตาม​ความ​สามารถ​ของ​แต่​ละ​คน แล้ว​เขา​ก็​ออก​เดิน​ทาง​ไป ทาส​ที่​ได้รับ​เงิน​ห้า​ถุง เอา​เงิน​ไป​ค้าขาย​ทันที และ​ได้​กำไร​มา​อีก​ห้า​ถุง ทาส​ที่​ได้​เงิน​สอง​ถุง เอา​เงิน​ไป​ค้าขาย​เหมือนกัน และ​ได้​กำไร​มา​อีก​สอง​ถุง แต่​ทาส​ที่​ได้​เงิน​หนึ่ง​ถุง​ได้​ขุด​หลุม​ซ่อน​เงิน​ของ​เจ้านาย​ไว้​ใน​พื้นดิน หลัง​จาก​เวลา​ผ่าน​ไป​นาน เจ้า​นาย​กลับ​มา​และ​เรียก​พวก​เขา​มา​ถาม​ว่า​เอา​เงิน​ไป​ทำ​อะไร​กัน​บ้าง ทาส​ที่​ได้​เงิน​ไป​ห้า​ถุง​ได้​นำ​เงิน​กำไร​อีก​ห้า​ถุง​มา​ให้​นาย และ​บอก​ว่า ‘เจ้านาย​ครับ ท่าน​ให้​ผม​ดูแล​เงิน​ห้า​ถุง และ​นี่​ผม​ได้​กำไร​มา​อีก​ห้า​ถุง’ นาย​จึง​พูด​กับ​เขา​ว่า ‘เยี่ยม​มาก เจ้า​เป็น​ทาส​ที่​ดี​และ​ซื่อสัตย์ เจ้า​ได้​ซื่อสัตย์​ใน​สิ่ง​เล็กๆ​น้อยๆ​เรา​จะ​ตั้ง​ให้​เจ้า​ดูแล​ของ​จำนวน​มาก มา​ร่วม​ฉลอง​กับ​เรา’ แล้ว​ทาส​ที่​ได้รับ​เงิน​สอง​ถุง​ก็​มา และ​พูด​ว่า ‘เจ้านาย​ครับ ท่าน​ให้​ผม​ดูแล​เงิน​สอง​ถุง ดู​สิ​ครับ ผม​ได้​กำไร​มา​อีก​สอง​ถุง’ นาย​พูด​กับ​เขา​ว่า ‘เจ้า​ทำ​ดี​มาก เจ้า​เป็น​ทาส​ที่​ดี​และ​ซื่อสัตย์ เจ้า​ซื่อสัตย์​ใน​สิ่ง​เล็กๆ​น้อยๆ เรา​จะ​ตั้ง​ให้​เจ้า​ดูแล​ของ​จำนวน​มาก มา​ร่วม​ฉลอง​กับ​เรา’ แล้ว​ทาส​ที่​ได้รับ​เงิน​ถุง​เดียว​ก็​มา และ​พูด​ว่า ‘เจ้านาย​ครับ ผม​รู้​ว่า​ท่าน​เป็น​คน​ที่​โหดร้าย​ทารุณ ท่าน​เก็บเกี่ยว​ใน​ที่ดิน​ซึ่ง​ท่าน​ไม่​ได้​ปลูก และ​เก็บ​พืชผล​ที่​ท่าน​ไม่​ได้​หว่าน ผม​กลัว​ท่าน ก็​เลย​เอา​ถุง​เงิน​ไป​ฝัง​ดิน​ซ่อน​ไว้ นี่​ไง​ถุง​เงิน​ของ​ท่าน’ นาย​จึง​ด่า​เขา​ว่า ‘ไอ้​ทาส​ชาติชั่ว​จอมขี้เกียจ ใน​เมื่อ​เจ้า​รู้​ว่า​ข้า​เก็บเกี่ยว​ใน​ที่ดิน​ซึ่ง​ข้า​ไม่​ได้​ปลูก และ​เก็บ​พืชผล​ที่​ข้า​ไม่​ได้​หว่าน ถ้า​อย่าง​นั้น เจ้า​ก็​น่า​จะ​เอา​เงิน​ของ​ข้า​ไป​ฝาก​ธนาคาร​ไว้ เพื่อ​ว่า​เมื่อ​ข้า​กลับ​มา ข้า​ก็​จะ​ได้​เงิน​กลับ​มา​พร้อม​ทั้ง​ดอกเบี้ย​ด้วย’ แล้ว​เจ้านาย​ก็​บอก​ให้​เอา​ถุง​เงิน​จาก​เขา​ไป​ให้​คน​ที่​มี​ถุง​เงิน​สิบ​ถุง เพราะ​คน​ที่​ทำ​ประโยชน์​จาก​สิ่ง​ที่​เขา​มี​อยู่ ก็​จะ​ได้รับ​เพิ่ม​มาก​ขึ้น​จน​เหลือ​เฟือ แต่​คน​ที่​ไม่​ได้​ทำ​ประโยชน์​จาก​สิ่ง​ที่​เขา​มี​อยู่ ทุก​สิ่ง​ที่​เขา​มี​จะ​ถูก​ริบ​ไป​จน​หมด​ด้วย จาก​นั้น​เขา​ก็​สั่ง​ให้​เอา​ตัว​ทาส​ที่​ไร้​ประโยชน์นี้​โยน​ออก​ไป​ที่​มืด​ข้างนอก ที่​นั่น​จะ​มี​เสียง​ร้องไห้​โหยหวน​ด้วย​ความเจ็บปวด

มัทธิว 25:1-30 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

“เวลานั้น แผ่นดินสวรรค์จะเปรียบเหมือนหญิงพรหมจารีสิบคนถือตะเกียงของตน ออกไปรับเจ้าบ่าว เป็นคนโง่ห้าคน และเป็นคนมีปัญญาห้าคน คนโง่เหล่านั้นเอาตะเกียงของตนไปแต่ไม่ได้เอาน้ำมันไปด้วย คนที่มีปัญญานั้นเอาน้ำมันใส่ขวดไปกับตะเกียงของตนด้วย เมื่อเจ้าบ่าวมาช้า ก็พากันง่วงเหงาและหลับไป เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนก็มีเสียงร้องว่า ‘เจ้าบ่าวมาแล้ว จงออกมารับท่านเถิด’ หญิงพรหมจารีทั้งหมดนั้นก็ลุกขึ้นตกแต่งตะเกียงของตน บรรดาคนโง่ก็พูดกับพวกที่มีปัญญาว่า ‘ขอแบ่งน้ำมันของพวกท่านบ้าง เพราะตะเกียงของเราจวนจะดับอยู่แล้ว’ พวกที่มีปัญญาจึงตอบว่า ‘น่ากลัวน้ำมันจะไม่พอสำหรับเราและพวกท่าน จงไปหาคนขาย แล้วซื้อสำหรับตัวเองจะดีกว่า’ ระหว่างที่เขาทั้งหลายออกไปซื้อ เจ้าบ่าวก็มาถึง พวกที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วก็ไปกับท่านในงานสมรส แล้วประตูก็ปิด ภายหลังหญิงพรหมจารีอีกห้าคนก็มาร้องว่า ‘ท่านเจ้าคะ ขอเปิดให้เราด้วย’ แต่ท่านตอบว่า ‘เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า เราไม่รู้จักท่าน’ เพราะฉะนั้น จงเฝ้าระวังอยู่ เพราะพวกท่านไม่รู้กำหนดวันหรือเวลานั้น “เพราะว่าเหมือนอย่างชายคนหนึ่งที่กำลังจะออกเดินทาง เขาจึงเรียกบ่าวทั้งหลายของตนมา และฝากทรัพย์สิ่งของของตนกับพวกเขาไว้ คนหนึ่งท่านให้ห้าตะลันต์ คนหนึ่งสองตะลันต์ และอีกคนหนึ่งตะลันต์เดียว ตามความสามารถของแต่ละคน แล้วท่านก็ไป คนที่ได้รับห้าตะลันต์ก็ไปทันที เอาเงินนั้นไปค้าขาย ได้กำไรอีกห้าตะลันต์ คนที่ได้รับสองตะลันต์ก็ได้กำไรอีกสองตะลันต์เหมือนกัน แต่คนที่ได้รับตะลันต์เดียวนั้นออกไปขุดหลุมและซ่อนเงินของนายไว้ หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน นายของบ่าวทั้งหลายก็มาคิดบัญชีกับพวกเขา คนที่ได้รับห้าตะลันต์ก็เอาเงินกำไรอีกห้าตะลันต์มาชี้แจงว่า ‘นายเจ้าข้า ท่านมอบเงินห้าตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า นี่แน่ะ ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกห้าตะลันต์’ นายจึงตอบว่า ‘ดีแล้ว เจ้าเป็นบ่าวที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของจำนวนมาก เจ้าจงร่วมยินดีกับนายของเจ้าเถิด’ คนที่ได้รับสองตะลันต์มาชี้แจงด้วยว่า ‘นายเจ้าข้า ท่านมอบเงินสองตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า นี่แน่ะ ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกสองตะลันต์’ นายจึงตอบว่า ‘ดีแล้ว เจ้าเป็นบ่าวที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของจำนวนมาก เจ้าจงร่วมยินดีกับนายของเจ้าเถิด’ คนที่ได้รับตะลันต์เดียวก็มาชี้แจงด้วยว่า ‘นายเจ้าข้า ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่าท่านเป็นคนใจตระหนี่ เกี่ยวผลในที่ที่ท่านไม่ได้หว่าน รวบรวมในที่ที่ท่านไม่ได้โปรย ข้าพเจ้ากลัวจึงเอาเงินตะลันต์ของท่านไปซ่อนไว้ใต้ดิน ดูซิ นี่เงินของท่าน’ นายจึงตอบว่า ‘ไอ้บ่าวชั่วและเกียจคร้าน เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือว่าเราเกี่ยวในที่ที่เราไม่ได้หว่าน รวบรวมในที่ที่เราไม่ได้โปรย เพราะฉะนั้นเจ้าควรเอาเงินของเราไปฝากกับนายธนาคาร เมื่อเรามาก็จะได้รับเงินทั้งดอกเบี้ยด้วย เพราะฉะนั้น จงเอาเงินตะลันต์เดียวนั้นจากเขาไปให้คนที่มีสิบตะลันต์ เพราะว่าใครที่มีอยู่แล้วจะให้แก่คนนั้นจนมีอย่างเหลือเฟือ แต่คนที่ไม่มี แม้แต่สิ่งที่มีอยู่ก็จะเอาไปจากเขา เอาไอ้บ่าวชั่วช้าไปทิ้งเสียยังที่มืดภายนอก ซึ่งที่นั่นจะมีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน’

มัทธิว 25:1-30 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

“เมื่อถึงวันนั้น อาณาจักรแห่งสวรรค์จะเปรียบเหมือนหญิงพรหมจารี​สิ​บคนถือตะเกียงของตนออกไปรับเจ้าบ่าว ในพวกเธอเป็นคนที่​มี​ปัญญาห้าคน และเป็นคนโง่ห้าคน พวกที่​โง่​นั้นเอาตะเกียงของตนไป แต่​หาได้เอาน้ำมันไปด้วยไม่ แต่​คนที​่​มี​ปัญญานั้นได้เอาน้ำมันใส่ภาชนะไปกับตะเกียงของตนด้วย เมื่อเจ้าบ่าวยังช้าอยู่ พวกเธอทุกคนก็พากันง่วงเหงาและหลับไป ครั้นเวลาเที่ยงคื​นก​็​มี​เสียงร้องมาว่า ‘​ดู​เถิด เจ้​าบ่าวมาแล้ว จงออกมารั​บท​่านเถิด’ บรรดาหญิงพรหมจารี​เหล่​านั้​นก​็​ลุ​กขึ้นตกแต่งตะเกียงของตน พวกที่​โง่​นั้​นก​็​พู​ดก​ับพวกที่​มี​ปัญญาว่า ‘ขอแบ่งน้ำมันของท่านให้เราบ้าง เพราะตะเกียงของเราดั​บอย​ู่’ พวกที่​มี​ปัญญาจึงตอบว่า ‘ทำอย่างนั้นไม่​ได้ เกรงว่าน้ำมันจะไม่พอสำหรับเราและเจ้า จงไปหาคนขาย ซื้อสำหรับตัวเองจะดี​กว่า​’ เมื่อพวกเธอกำลังไปซื้อนั้นเจ้าบ่าวก็​มาถึง ผู้​ที่​พร​้อมอยู่​แล้วก็​ได้​เข​้าไปกั​บท​่านในพิธีสมรสนั้น แล​้วประตู​ก็​ปิด ภายหลังหญิงพรหมจารี​อี​กพวกหนึ่​งก​็​มาร​้องว่า ‘ท่านเจ้าข้าๆ ขอเปิดให้ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย’ ฝ่ายท่านตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราไม่​รู้​จักท่าน’ เหตุ​ฉะนั้นจงเฝ้าระวังอยู่ เพราะท่านทั้งหลายไม่​รู้​กำหนดวันหรือโมงที่​บุ​ตรมนุษย์จะเสด็จมา อาณาจักรแห่งสวรรค์ยังเปรียบเหมือนชายผู้​หน​ึ่งจะออกเดินทางไปยังเมืองไกล จึงเรียกพวกผู้​รับใช้​ของตนมา และฝากทรัพย์​สมบัติ​ของเขาไว้ คนหนึ่งท่านให้ห้าตะลันต์ คนหนึ่งสองตะลันต์ และอีกคนหนึ่งตะลันต์​เดียว ตามความสามารถของแต่ละคน แล​้​วท​่านก็ออกเดินทางทั​นที คนที​่​ได้​รับห้าตะลันต์นั้​นก​็เอาเงินนั้นไปค้าขาย ได้​กำไรมาอี​กห​้าตะลันต์ คนที​่​ได้​รับสองตะลันต์นั้​นก​็​ได้​กำไรอีกสองตะลันต์​เหมือนกัน แต่​คนที​่​ได้​รับตะลันต์เดียวได้ขุดหลุมซ่อนเงินของนายไว้ ครั้นอยู่มาช้านาน นายจึงมาคิดบัญชีกับผู้​รับใช้​เหล่านั้น คนที​่​ได้​รับห้าตะลันต์​ก็​เอาเงินกำไรอี​กห​้าตะลันต์มาชี้แจงว่า ‘นายเจ้าข้า ท่านได้มอบเงินห้าตะลันต์​ไว้​กับข้าพเจ้า ดู​เถิด ข้าพเจ้าได้กำไรมาอี​กห​้าตะลันต์’ นายจึงตอบเขาว่า ‘​ดี​แล้ว เจ้​าเป็นผู้​รับใช้​ดี​และสัตย์​ซื่อ เจ้​าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้​ดู​แลของมาก เจ้​าจงปรี​ดี​ร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด’ คนที​่​ได้​รับสองตะลันต์มาชี้แจงด้วยว่า ‘นายเจ้าข้า ท่านได้มอบเงินสองตะลันต์​ไว้​กับข้าพเจ้า ดู​เถิด ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกสองตะลันต์’ นายจึงตอบเขาว่า ‘​ดี​แล้ว เจ้​าเป็นผู้​รับใช้​ดี​และสัตย์​ซื่อ เจ้​าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้​ดู​แลของมาก เจ้​าจงปรี​ดี​ร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด’ ฝ่ายคนที่​ได้​รับตะลันต์เดียวมาชี้แจงว่า ‘นายเจ้าข้า ข้าพเจ้ารู้จักท่านว่าท่านเป็นคนใจแข็ง เก​ี่ยวผลที่ท่านมิ​ได้​หว่าน เก​็บส่ำสมที่ท่านมิ​ได้​โปรย ข้าพเจ้ากลัวจึงเอาเงินตะลันต์ของท่านไปซ่อนไว้​ใต้ดิน ดู​เถิด นี่​แหละเงินของท่าน’ นายจึงตอบเขาว่า ‘​เจ้​าผู้​รับใช้​ชั่วช้าและเกียจคร้าน เจ้​าก็​รู้อยู่​ว่าเราเกี่ยวที่เรามิ​ได้​หว่าน เก​็บส่ำสมที่เรามิ​ได้​โปรย เหตุ​ฉะนั้น เจ้​าควรเอาเงินของเราไปฝากไว้​ที่​ธนาคาร เมื่อเรามาจะได้รับเงินของเราทั้งดอกเบี้ยด้วย เพราะฉะนั้น จงเอาเงินตะลันต์เดียวนั้นจากเขาไปให้​คนที​่​มี​สิ​บตะลันต์ ด้วยว่าทุกคนที่​มี​อยู่​แล้ว จะเพิ่มเติมให้​แก่​ผู้​นั้นจนมี​เหลือเฟือ แต่​ผู้​ที่​ไม่มี แม้ว​่าซึ่งเขามี​อยู่​ก็​จะต้องเอาไปจากเขา จงเอาเจ้าผู้​รับใช้​ที่​ไร้ประโยชน์​นี้​ไปทิ้งเสียที่มืดภายนอก ซึ่งที่นั่นจะมี​การร้องไห้​ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน​’

มัทธิว 25:1-30 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

<<เมื่อถึงวันนั้น แผ่นดินสวรรค์จะเปรียบเหมือน หญิงพรหมจารีสิบคนถือตะเกียงของตน ออกไปรับเจ้าบ่าว เป็นคนโง่ห้าคน เป็นหญิงมีปัญญาห้าคน ฝ่ายคนโง่นั้นเอาตะเกียงของตนไป แต่หาได้เอาน้ำมันไปด้วยไม่ คนที่มีปัญญานั้นได้เอาน้ำมันใส่กาไปกับตะเกียงของตนด้วย เมื่อเจ้าบ่าวยังช้าอยู่ ก็พากันง่วงเหงาและหลับไป ครั้นเวลาเที่ยงคืนก็มีเสียงร้องมาว่า <เจ้าบ่าวมาแล้ว จงออกมารับท่านเถิด> พวกหญิงพรหมจารีเหล่านั้นก็ลุกขึ้นตกแต่งตะเกียงของตน พวกที่โง่นั้นก็พูดกับพวกที่มีปัญญาว่า <ขอแบ่งน้ำมันของท่านให้เราบ้าง ตะเกียงของเราจวนจะดับอยู่แล้ว> พวกที่มีปัญญาจึงตอบว่า <น่ากลัวน้ำมันจะไม่พอสำหรับเราและเจ้า จงไปหาคนขาย ซื้อสำหรับตัวเองจะดีกว่า> เมื่อกำลังไปซื้อนั้นเจ้าบ่าวก็มาถึง ผู้ที่พร้อมอยู่แล้ว ก็ได้ไปกับท่านในการเลี้ยงเนื่องในงานสมรสแล้วประตูก็ปิด ภายหลังหญิงพรหมจารีอีกห้าคน ก็มาร้องว่า <ท่านเจ้าข้าๆ ขอเปิดให้ข้าพเจ้าเข้าไปด้วย> ฝ่ายท่านตอบว่า <เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราไม่รู้จักท่าน> เหตุฉะนั้น จงเฝ้าระวังอยู่ เพราะท่านทั้งหลายไม่รู้กำหนดวันหรือโมงนั้น <<และยังเปรียบเหมือน ชายผู้หนึ่งจะออกเดินทางไป จึงเรียกพวกทาสของตนมาฝากทรัพย์สมบัติไว้ คนหนึ่งท่านให้ห้าตะลันต์ คนหนึ่งสองตะลันต์ และอีกคนหนึ่งตะลันต์เดียว ตามความสามารถของแต่ละคน แล้วท่านก็ไป คนที่ได้รับห้าตะลันต์นั้นก็เอาเงินนั้นไปค้าขายทันที ได้กำไรเท่าตัว คนที่ได้รับสองตะลันต์นั้นก็ได้กำไรเท่าตัวเหมือนกัน แต่คนที่ได้รับตะลันต์เดียวได้ขุดหลุมซ่อนเงินของนายไว้ ครั้นอยู่มาช้านานนายจึงมาคิดบัญชีกับทาสเหล่านั้น คนที่ได้รับห้าตะลันต์ก็เอาเงินกำไรอีกห้าตะลันต์มาชี้แจงว่า <นายเจ้าข้า ท่านได้มอบเงินห้าตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า ดูเถิด ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกห้าตะลันต์> นายจึงตอบว่า <ดีแล้ว เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด> คนที่ได้รับสองตะลันต์มาชี้แจงด้วยว่า <นายเจ้าข้า ท่านได้มอบเงินสองตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า ดูเถิด ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกสองตะลันต์> นายจึงตอบว่า <ดีแล้ว เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด> ฝ่ายคนที่ได้รับตะลันต์เดียวมาชี้แจงด้วยว่า <นายเจ้าข้า ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่าท่านเป็นคนใจแข็ง เกี่ยวผลที่ท่านมิได้หว่าน เก็บส่ำสมที่ท่านมิได้โปรย ข้าพเจ้ากลัวจึงเอาเงินตะลันต์ของท่านไปซ่อนไว้ใต้ดิน ดูเถิด นี่แหละเงินของท่าน> นายจึงตอบว่า <อ้ายข้าชั่วช้าและเกียจคร้าน เจ้าก็รู้หรือว่าเราเกี่ยวที่เรามิได้หว่าน เก็บส่ำสมที่เรามิได้โปรย เหตุฉะนั้นเจ้าควรเอาเงินของเราไปฝากไว้ที่ธนาคาร เมื่อเรามาจะได้รับเงินของเราทั้งดอกเบี้ยด้วย เพราะฉะนั้น จงเอาเงินตะลันต์เดียวนั้นจากเขาไปให้คนที่มีสิบตะลันต์ ด้วยว่าผู้ใดมีอยู่แล้วจะเพิ่มเติมให้ผู้นั้นจนมีเหลือเฟือ แต่ผู้ที่ไม่มี แม้ว่าซึ่งเขามีอยู่ก็จะต้องเอาไปจากเขา เอาอ้ายข้าชาติชั่วช้าไปทิ้งเสียที่มืดภายนอก ซึ่งที่นั่นจะมีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน>

มัทธิว 25:1-30 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

“ครั้งนั้นอาณาจักรสวรรค์จะเป็นเหมือนหญิงพรหมจารีสิบคนถือตะเกียงออกไปรับเจ้าบ่าว มีคนโง่ห้าคน คนฉลาดห้าคน คนโง่เอาตะเกียงไป แต่ไม่ได้เอาน้ำมันไปด้วย ส่วนคนฉลาดเอาน้ำมันใส่กาถือไปพร้อมตะเกียง เป็นเวลานานกว่าเจ้าบ่าวจะมา ทั้งสิบคนจึงง่วงและหลับไป “พอเที่ยงคืนก็มีเสียงร้องขึ้นว่า ‘เจ้าบ่าวมาแล้ว! ออกมารับเถิด!’ “แล้วหญิงพรหมจารีทั้งสิบคนจึงตื่นขึ้นแต่งไส้ตะเกียง พวกที่โง่พูดกับพวกที่ฉลาดว่า ‘แบ่งน้ำมันให้เราสักหน่อย ตะเกียงของเราจวนจะดับแล้ว’ “พวกฉลาดตอบว่า ‘ไม่ได้หรอก น้ำมันไม่พอสำหรับทั้งเราและท่าน ไปซื้อจากคนขายน้ำมันเองเถิด’ “ขณะกำลังไปซื้ออยู่นั้นเจ้าบ่าวก็มาถึง หญิงพรหมจารีที่พร้อมอยู่ก็ไปงานเลี้ยงพร้อมกับเจ้าบ่าวและประตูก็ปิด “หลังจากนั้นอีกห้าคนก็มาร้องเรียก ‘ท่านเจ้าข้า! ท่านเจ้าข้า! เปิดประตูให้เราด้วย’ “แต่เขาตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่เจ้าว่าเราไม่รู้จักเจ้าเลย’ “ฉะนั้นจงเฝ้าระวังอยู่เพราะท่านไม่รู้ว่าเป็นวันใดหรือเวลาใด “และอาณาจักรสวรรค์ยังเปรียบเหมือนชายคนหนึ่งจะออกเดินทาง จึงเรียกคนรับใช้มามอบหมายทรัพย์สินให้ดูแล เขาให้เงินคนหนึ่งห้าตะลันต์ คนหนึ่งสองตะลันต์และอีกคนหนึ่งตะลันต์เดียว ตามความสามารถของแต่ละคนแล้วเขาก็ไป คนที่ได้รับห้าตะลันต์นำเงินไปลงทุนทันทีและได้กำไรมาอีกห้าตะลันต์ คนที่รับสองตะลันต์ก็เช่นกันได้กำไรมาอีกสองตะลันต์ ส่วนคนที่ได้รับตะลันต์เดียวไปขุดหลุมเอาเงินของนายซ่อนไว้ “อีกนานหลังจากนั้นนายก็กลับมาและสะสางบัญชีกับคนรับใช้ คนที่ได้รับห้าตะลันต์นำอีกห้าตะลันต์มาเรียนว่า ‘นายเจ้าข้า! ท่านให้ไว้ห้าตะลันต์ ดูเถิด ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกห้าตะลันต์’ “เจ้านายของเขาตอบว่า ‘ดีมาก เจ้าเป็นบ่าวที่ดีและสัตย์ซื่อ! เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก มาร่วมยินดีในความสุขกับนายของเจ้าเถิด!’ “คนที่ได้รับสองตะลันต์ก็มาเรียนว่า ‘นายเจ้าข้า ท่านให้ไว้สองตะลันต์ ดูเถิด ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกสองตะลันต์’ “เจ้านายของเขาตอบว่า ‘ดีมาก เจ้าเป็นบ่าวที่ดีและสัตย์ซื่อ! เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก มาร่วมยินดีในความสุขกับนายของเจ้าเถิด!’ “แล้วคนที่ได้รับตะลันต์เดียวมาเรียนว่า ‘นายเจ้าข้า ข้าพเจ้ารู้ว่าท่านเป็นคนใจแข็งซึ่งเก็บเกี่ยวสิ่งที่ท่านไม่ได้เพาะปลูกและรวบรวมผลที่ท่านไม่ได้หว่าน ข้าพเจ้ากลัวจึงเอาเงินไปซ่อนไว้ในดิน ดูเถิด นี่คือเงินของท่าน’ “เจ้านายของเขาตอบว่า ‘ไอ้บ่าวเลวแสนขี้เกียจ! เจ้าก็รู้ว่าเราเก็บเกี่ยวสิ่งที่เราไม่ได้เพาะปลูกและรวบรวมผลที่เราไม่ได้หว่าน เช่นนั้นแล้วก็น่าจะเอาเงินของเราไปฝากธนาคารไว้ เพื่อเวลาที่เรากลับมา เราจะได้เงินคืนพร้อมดอกเบี้ยด้วย “ ‘จงริบเงินหนึ่งตะลันต์นี้ไปให้คนที่มีสิบตะลันต์ เพราะทุกคนที่มีจะได้รับเพิ่มและเขาจะมีเหลือเฟือ ส่วนผู้ที่ไม่มี แม้ที่เขามีอยู่ก็จะถูกริบไปจากเขา โยนไอ้บ่าวไร้ค่าคนนั้นออกไปที่มืดข้างนอกที่ซึ่งจะมีการร่ำไห้และขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน’

มัทธิว 25:1-30 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

ครั้น​แล้ว อาณาจักร​แห่ง​สวรรค์​จะ​เปรียบ​เสมือน​กับ​พรหมจาริณี 10 คน​ที่​เอา​ตะเกียง​ออกไป​เพื่อ​จะ​พบ​เจ้าบ่าว มี 5 คน​ที่​โง่เขลา อีก 5 คน​ชาญฉลาด เมื่อ​คน​โง่เขลา​เอา​ตะเกียง​ไป พวก​เธอ​ไม่​ได้​เอา​น้ำมัน​ไป​ด้วย ส่วน​คน​ชาญฉลาด​เอา​น้ำมัน​ใส่​โถ​ติดตัว​ไป​กับ​ตะเกียง​ด้วย ขณะที่​เจ้าบ่าว​ยัง​ล่าช้า​อยู่ ทุก​คน​เกิด​ง่วงเหงา​และ​หลับไป พอ​ถึง​เที่ยง​คืน​ก็​มี​เสียง​ตะโกน​ว่า ‘ดูสิ เจ้าบ่าว​ไง ออกมา​พบ​เถิด’ ครั้น​แล้ว​พรหม​จาริณี​ทั้ง​สิบ​ก็​ลุก​ขึ้น​เตรียม​จุด​ตะเกียง​ให้​พร้อม คน​โง่เขลา​พูด​กับ​คน​ฉลาด​ว่า ‘แบ่งปัน​น้ำมัน​ของ​ท่าน​ให้​เรา​บ้าง เพราะ​ตะเกียง​ของ​พวก​เรา​จะ​ดับ​แล้ว’ คน​ฉลาด​ตอบ​ว่า ‘ไม่​ได้​หรอก มี​น้ำมัน​ไม่​มาก​พอ​สำหรับ​พวก​เรา​และ​พวก​ท่าน​ด้วย ไป​หา​ซื้อ​จาก​คน​ขาย​เอา​เอง​เถิด’ ขณะที่​คน​โง่เขลา​ไป​ซื้อ​น้ำมัน เจ้าบ่าว​ก็​มา บรรดา​คน​ที่​พร้อม​แล้ว​ก็​เข้าไป​ใน​งานเลี้ยง​สมรส​กับ​ท่าน และ​ประตู​ก็​ปิด ต่อ​มา​เหล่า​พรหม​จาริณี​อีก 5 คน​มาถึง​และ​พูด​ว่า ‘นายท่าน นายท่าน โปรด​เปิด​ประตู​ให้​พวก​เรา​ด้วย’ ท่าน​กล่าว​ตอบ​ว่า ‘เรา​ขอบอก​ความ​จริง​กับ​พวก​ท่าน​ว่า เรา​ไม่​รู้จัก​ท่าน’ ฉะนั้น​จง​คอย​ระวัง​ไว้ เพราะ​เจ้า​ไม่​อาจ​รู้​วัน​เวลา​นั้น และ​ยัง​เปรียบ​เสมือน​ชาย​คนหนึ่ง​ที่​ออก​เดินทาง​ไป เขา​เรียก​บรรดา​ผู้​รับใช้​มา​เพื่อ​ให้​ดูแล​ทรัพย์​สมบัติ​ของ​เขา เขา​ให้​เงิน​จำนวน 5 ตะลันต์​แก่​คนหนึ่ง อีก​คน​ได้​รับ 2 ตะลันต์ และ​อีก​คน​ได้ 1 ตะลันต์ แต่​ละ​คน​ได้​รับ​ตาม​ความ​สามารถ​ของ​ตน แล้ว​เขา​ก็​เดินทาง​ไป คน​ที่​ได้​รับ 5 ตะลันต์​ก็​เอา​เงิน​นั้น​ไป​ทำ​การ​ค้า​ทันที จน​ได้มา​อีก 5 ตะลันต์ คน​ที่​ได้​รับ 2 ตะลันต์​ก็​ทำ​เช่น​เดียว​กัน​คือ​ได้​มา​อีก 2 ตะลันต์ แต่​คน​ที่​ได้​รับ 1 ตะลันต์​ออกไป​ขุด​ดิน​ซ่อน​เงิน​ของ​นาย​เขา​ไว้ เป็น​เวลา​นาน​หลัง​จาก​นั้น นาย​ของ​พวก​ผู้​รับใช้​เหล่า​นั้น​ก็​กลับ​มา และ​คิด​บัญชี​กับ​พวก​เขา คน​ที่​ได้​รับ 5 ตะลันต์​มาหา​พร้อม​กับ​นำ​เงิน​อีก 5 ตะลันต์​มา​พูด​ว่า ‘นายท่าน ท่าน​ให้​ข้าพเจ้า​ดูแล 5 ตะลันต์ ดูสิ ข้าพเจ้า​ได้​เพิ่ม​อีก 5 ตะลันต์’ นาย​ของ​เขา​กล่าว​ว่า ‘ดี​มาก ผู้​รับใช้​ที่​ดี​และ​ภักดี เจ้า​ได้​รับ​การ​ไว้วางใจ​เพียง​ไม่​กี่​สิ่ง เรา​จะ​ให้​เจ้า​ดูแล​อีก​หลาย​สิ่ง เข้ามา​ร่วม​สุข​กับ​นาย​ของ​เจ้า​เถิด’ คน​ที่​ได้​รับ 2 ตะลันต์​ก็​มาหา​ด้วย และ​พูด​ว่า ‘นายท่าน ท่าน​ได้​ให้​ข้าพเจ้า​ดูแล 2 ตะลันต์ ดูสิ ข้าพเจ้า​ได้​เพิ่ม​อีก 2 ตะลันต์’ นาย​ของ​เขา​กล่าว​ว่า ‘ดี​มาก ผู้​รับใช้​ที่​ดี​และ​ภักดี เจ้า​ได้​รับ​การ​ไว้วางใจ​เพียง​ไม่​กี่​สิ่ง เรา​จะ​ให้​เจ้า​ดูแล​อีก​หลาย​สิ่ง เข้ามา​ร่วม​สุข​กับ​นาย​ของ​เจ้า​เถิด’ คน​ที่​ได้​รับ 1 ตะลันต์​ก็​มาหา​ด้วย และ​พูด​ว่า ‘นายท่าน ข้าพเจ้า​ทราบ​ว่า​ท่าน​เป็น​คน​เข้มงวด ท่าน​เก็บ​เกี่ยว​สิ่ง​ที่​ท่าน​ไม่​ได้​หว่าน และ​เก็บ​รวบ​รวม​สิ่ง​ที่​ท่าน​ไม่​ได้​โปรย​เมล็ด​ไว้ ข้าพเจ้า​เกรงกลัว​จึง​เอา​เงิน​ตะลันต์​ไป​ซ่อน​ไว้​ใต้​ดิน ดูสิ ท่าน​ได้​สิ่ง​ที่​เป็น​ของ​ท่าน​ไป’ นาย​คนนั้น​กล่าว​ตอบ​เขา​ว่า ‘เจ้า​เป็น​ผู้​รับใช้​ที่​ชั่วช้า ขี้เกียจ เจ้า​รู้​ว่า​เรา​เก็บ​เกี่ยว​สิ่ง​ที่​เรา​ไม่​ได้​หว่าน และ​รวบ​รวม​สิ่ง​ที่​เรา​ไม่​ได้​โปรย​เมล็ด​ไว้ ถ้า​เช่นนั้น​เจ้า​ควร​ฝาก​เงิน​ของ​เรา​ไว้​ใน​ธนาคาร เมื่อ​เรา​กลับ​มา​เรา​จะ​ได้​รับ​เงิน​ที่​ฝากไว้​คืน​มา​พร้อม​ดอกเบี้ย ฉะนั้น​จง​เอา​เงิน​ตะลันต์​จาก​เขา​ไป​ให้​แก่​คน​ที่​มี​อยู่ 10 ตะลันต์’ เพราะ​ทุก​คน​ที่​มี​อยู่​แล้ว ก็​จะ​ได้​รับ​มาก​ขึ้น เขา​จะ​มี​อย่าง​อุดม​สมบูรณ์ และ​ใคร​ที่​ไม่​มี แม้แต่​สิ่ง​ที่​เขา​มี​อยู่​ก็​จะ​ถูก​ริบ​ไป​จาก​เขา และ​จง​โยน​ผู้​รับใช้​ไร้​ประโยชน์​ออกไป​ยัง​ความ​มืด​ข้างนอก ณ ที่นั่น​จะ​มี​การ​ร่ำไห้​และ​ขบเขี้ยว​เคี้ยวฟัน