โยบ 24:1-25
โยบ 24:1-25 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
ทำไมพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ถึงไม่ได้กำหนดวันต่างๆที่จะตัดสินคดีต่างๆ ทำไมคนเหล่านั้นที่รู้จักพระองค์ถึงมองไม่เห็นวันเหล่านั้นที่พระองค์ลงโทษคนชั่ว คนชั่วย้ายหลักเขตที่ดิน พวกเขาขโมยฝูงแพะแกะไปรวมเข้ากับฝูงตัวเอง เขาต้อนเอาลาของเด็กกำพร้าไป และยึดเอาวัวตัวผู้ของแม่หม้ายเป็นประกัน เขาผลักคนขัดสนไปจากถนนหนทาง คนยากจนของแผ่นดินต่างต้องไปซ่อนตัวไว้ คนยากจนต้องออกไปทำงานหนัก คุ้ยหาอาหารให้ลูกกินในที่รกร้างว่างเปล่าเหมือนลาป่าในทะเลทราย พวกเขาต้องไปเก็บเกี่ยวในทุ่งนาของคนอื่น และเก็บเศษผลองุ่นในสวนองุ่นของคนชั่ว ในตอนกลางคืน พวกเขาต้องนอนตัวเปลือยเปล่า ไม่มีเสื้อผ้าใส่ ไม่มีผ้าห่มกันหนาว ฝนจากเทือกเขาทำให้พวกเขาเปียก พวกเขายึดเอาซอกหินเพราะไม่มีที่อื่นที่จะไปหลบ พวกคนชั่วกระชากเด็กที่กำพร้าพ่อไปจากอกแม่ และเอาทารกของคนยากจนเป็นประกัน พวกคนจนเหล่านั้นเดินเปลือยเปล่า ไม่มีเสื้อผ้าใส่ พวกเขาต้องแบกฟ่อนข้าวให้กับคนอื่น ทั้งๆที่ตัวเองหิวโซไม่มีอะไรจะกิน พวกเขาต้องคั้นน้ำมันมะกอกในสวนของคนชั่ว และต้องเหยียบย่ำองุ่นอยู่ในบ่อทั้งๆที่ตัวเองกระหายไม่มีอะไรจะดื่ม ส่วนในเมืองนั้น คนที่กำลังจะตายต่างร้องครวญคราง และลำคอของผู้บาดเจ็บร่ำร้องขอความช่วยเหลือ แต่พระเจ้าก็ไม่ได้สนใจต่อคำร้องขอของพวกเขา มีบางคนที่เกลียดแสงสว่างในตอนกลางวัน พวกเขาไม่คุ้นกับหนทางที่มีแสงสว่าง และไม่ชอบอยู่บนเส้นทางทั้งหลายที่มีแสงสว่าง ฆาตกรลุกขึ้นมาตอนใกล้ค่ำ เพื่อไปฆ่าคนจนและคนขัดสน แล้วในกลางคืนเขาก็ทำตัวเป็นขโมย สายตาของคนเล่นชู้นั้นก็เฝ้ารอให้ดวงอาทิตย์ตก และพูดว่า ‘ไม่มีสายตาไหนเห็นข้าหรอก’ และเขาก็ปิดบังหน้าของเขา ตอนมืดขโมยก็ขุดช่องเข้าไปในบ้านของคนอื่น ในตอนกลางวันขโมยพวกนี้ก็เก็บตัวไว้ พวกเขาไม่คุ้นกับแสงสว่าง สำหรับคนพวกนี้ ความมืดอันลึกล้ำนั้นก็เปรียบเหมือนเวลาเช้า พวกเขาเป็นเพื่อนกับเรื่องน่าสยดสยองทั้งหลายของความมืดมิดอันลึกล้ำ ขอให้คนชั่วเหล่านี้ลอยละลิ่วไปเหมือนฟางแห้งที่ลอยอยู่บนน้ำ ขอให้ทรัพย์สมบัติของเขาบนแผ่นดินถูกสาปแช่ง ขออย่าให้มีใครไปทำงานในสวนองุ่นของพวกเขา ขอให้แดนคนตายลักเอาคนที่ทำบาปเหล่านี้ไป เหมือนกับความแห้งแล้งและความร้อนระอุลักเอาน้ำที่ละลายจากหิมะไป ขอให้แม่ของพวกเขาลืมเขาไป ขอพวกหนอนมองพวกเขาเป็นของหวาน ขอให้คนลืมพวกเขาอย่างสนิท ขอให้คนชั่วช้าถูกหักลงเหมือนต้นไม้ คนชั่วเอาเปรียบผู้หญิงที่ไม่มีลูก พวกเขาไม่ยอมช่วยเหลือแม่หม้าย แต่ว่าพระเจ้าใช้ฤทธิ์อำนาจของพระองค์ต่อชีวิตให้กับพวกผู้มีอิทธิพลเหล่านั้น ถึงแม้ในยามที่พวกเขาคิดว่าจะต้องตายแล้ว พวกเขาก็ยังลุกขึ้นมาใหม่ได้อีก พระเจ้าปกป้องและค้ำจุนพวกเขา พระองค์เฝ้าดูแลทุกย่างก้าวของพวกเขา แต่ถึงแม้พวกคนชั่วจะอยู่ในตำแหน่งสูงระยะหนึ่ง ขอให้เขาสูญสิ้นไป ขอให้เขาตกต่ำลง ขอให้เขาเหี่ยวแห้งไปอย่างวัชพืช ขอให้เขาเฉาตายไปอย่างยอดรวงข้าว เรื่องนี้ไม่มีใครพิสูจน์ได้หรอกว่าข้าโกหก ไม่มีใครชี้ได้หรอกว่าข้าพูดผิด”
โยบ 24:1-25 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
“ไฉนวาระพิพากษาไม่ได้ถูกกำหนดโดยองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์? ไฉนผู้ที่รู้จักพระองค์ไม่เห็นวันกำหนดของพระองค์? คนอธรรมย้ายหลักเขต เขายึดฝูงแพะแกะไปเลี้ยง เขาไล่ต้อนลาของลูกกำพร้าไป เขาเอาวัวของหญิงม่ายเป็นประกัน เขาผลักคนขัดสนออกนอกถนน คนยากจนแห่งแผ่นดินต่างก็ซ่อนตัวหมด นี่แน่ะ ดังลาป่าอยู่ในถิ่นทุรกันดาร คนยากจนนั้นออกไปทำงาน เสาะหาของกิน ถิ่นแห้งแล้งให้อาหารแก่บุตรของเขา เขาเก็บหญ้าแห้งที่ในทุ่ง และเขาเก็บองุ่นที่เหลือในสวนองุ่นของคนอธรรม เขานอนเปลือยกายไม่มีเสื้อผ้าตลอดคืน และไม่มีผ้าห่มกันหนาว เขาเปียกฝนแห่งภูเขา และเกาะหินอยู่เพราะขาดที่กำบัง มีผู้ฉวยเด็กกำพร้าไปจากอก และเอาทารกของคนยากจนไปเป็นประกัน คนยากจนจึงเดินเปลือยกายไป ไม่มีเสื้อผ้า ทั้งๆ ที่หิว เขาก็แบกฟ่อนข้าวไป เขาหีบมะกอกเอาน้ำมันท่ามกลางแนวหมู่ไม้ เขาย่ำองุ่นที่บ่อย่ำ แต่ต้องทนกระหาย คนกำลังจะตายคร่ำครวญออกมาจากเมือง และคนบาดเจ็บร้องขอความช่วยเหลือ แต่พระเจ้ามิได้สนพระทัยคำอธิษฐานของเขา “มีผู้กบฏต่อความสว่าง ผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับทางของความสว่างนั้น และมิได้อยู่ในวิถีของความสว่างนั้น ฆาตกรลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ เขาฆ่าคนยากจนและคนขัดสน และในยามค่ำคืน เขาเป็นเหมือนขโมย ดวงตาของผู้ล่วงประเวณีคอยเวลาพลบค่ำ กล่าวว่า ‘ไม่มีตาใดจะเห็นข้า’ และเขาก็คลุมหน้า ในยามมืดเขาขุดเข้าไปในเรือน กลางวันเขาก็เก็บตัว เขาไม่รู้จักความสว่าง เพราะความมืดทึบเป็นเหมือนเวลาเช้าแก่เขาทุกคน เพราะเขาคุ้นเคยกับความสยดสยองของความมืดทึบ “เขาลอยละลิ่วไปบนผิวน้ำ ส่วนแบ่งของเขาถูกสาปในแผ่นดิน ไม่มีผู้ใดหันหน้าไปสู่สวนองุ่นของเขา ความแห้งแล้งและความร้อนฉวยเอาน้ำที่ละลายจากหิมะไปฉันใด แดนคนตายก็ฉวยเอาผู้ทำบาปไปฉันนั้น ครรภ์จะลืมเขา ตัวหนอนจะกินเขาอย่างอร่อย ไม่มีผู้ใดจำชื่อเขาได้ต่อไป ความอธรรมจึงหักลงเหมือนต้นไม้ “เขาข่มเหงหญิงหมันที่ไม่มีลูก และไม่ได้ทำดีอะไรแก่หญิงม่าย แต่พระเจ้ายังทรงยืดชีวิตของคนมีกำลังด้วยพลานุภาพของพระองค์ แม้เขาสิ้นหวังในชีวิต เขาก็ลุกขึ้นได้ พระองค์ประทานความปลอดภัยแก่เขา และเขาก็พึ่งพิงอยู่ และพระเนตรพระองค์จับอยู่บนหนทางของเขา เขาทั้งหลายถูกยกย่องขึ้นครู่หนึ่งแล้วก็สิ้นไป เขาเหี่ยวแห้งและสิ้นไปเหมือนคนอื่นๆ เขาถูกตัดออกเหมือนยอดรวงข้าว ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ผู้ใดจะพิสูจน์ได้ว่าข้าโกหก และสำแดงว่าสิ่งที่ข้ากล่าวนั้นไร้สาระ?”
โยบ 24:1-25 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
“เมื่อวาระกำหนดไม่ปิดบังไว้จากองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ทำไมบรรดาผู้ที่รู้จักพระองค์ไม่เห็นวันกำหนดของพระองค์ มีคนที่ย้ายหลักเขต เขายึดฝูงแพะแกะพาไปเลี้ยง เขาไล่ต้อนลาของคนกำพร้าพ่อไป เขาเอาวัวของหญิงม่ายไปเป็นประกัน เขาผลักคนขัดสนออกนอกถนน คนยากจนแห่งแผ่นดินโลกต่างก็ซ่อนตัวหมด ดูเถิด ดังลาป่าอยู่ในถิ่นทุรกันดาร คนยากจนนั้นออกไปทำงานพยายามหาอาหาร ถิ่นแห้งแล้งให้อาหารแก่เขาและบุตรทั้งหลายของเขา เขาทั้งหลายเก็บหญ้าแห้งที่ในทุ่ง และเขาเล็มสวนองุ่นของคนชั่ว เขาทำให้คนที่เปลือยกายนอนตลอดคืนโดยไม่มีเสื้อผ้า และไม่มีผ้าห่มกันหนาว เขาเปียกฝนแห่งภูเขา และเกาะหินอยู่เพราะขาดที่กำบัง มีผู้ฉวยเด็กกำพร้าพ่อไปจากอก และเอาของประกันจากคนยากจน เขาทั้งหลายทำให้เขาเดินเปลือยกายไปโดยไม่มีเสื้อผ้า เขาก็แบกฟ่อนข้าวไปจากคนที่หิว เขาทำน้ำมันอยู่ท่ามกลางกำแพงของพวกเขา เขาย่ำอยู่ที่บ่อย่ำองุ่น แต่เขาต้องทนความกระหาย คนคร่ำครวญออกมาจากที่ในเมือง และจิตใจของคนบาดเจ็บร้องขอ แต่พระเจ้ามิได้สนพระทัยในความโง่เขลาของเขา เขาอยู่ในพวกที่กบฏต่อความสว่าง ที่ไม่คุ้นเคยกับทางของความสว่างนั้น และมิได้อยู่ในทางของความสว่างนั้น ฆาตกรลุกขึ้นมาแต่เช้าตรู่ เขาฆ่าคนยากจนและคนขัดสน และในกลางคืนเขาเป็นเหมือนขโมย ตาของผู้ล่วงประเวณีคอยเวลาพลบค่ำ กล่าวว่า ‘ไม่มีตาใดจะเห็นข้า’ และเขาก็ปลอมหน้าของเขา ในยามมืดเขาขุดเข้าไปในเรือนซึ่งเขาหมายไว้สำหรับตนเองในเวลากลางวัน เขาไม่รู้จักความสว่าง เพราะเงามัจจุราชเป็นเหมือนเวลาเช้าแก่เขาทุกคน ถ้าใครรู้จักเขา เขาก็เป็นความสยดสยองของเงามัจจุราช เขารวดเร็วดุจดังน้ำมากหลาย ส่วนแบ่งของเขาถูกสาปในแผ่นดิน เขาไม่หันหน้าไปสู่สวนองุ่นของเขา ความแห้งแล้งและความร้อนฉวยเอาน้ำหิมะไปฉันใด แดนคนตายก็ฉวยเอาผู้กระทำบาปไปฉันนั้น ครรภ์จะลืมเขา ตัวหนอนจะกินเขาอย่างอร่อย ไม่มีใครจำเขาได้ต่อไป ความชั่วจะหักลงเหมือนต้นไม้ เขารีดเอาจากหญิงหมันที่ไม่มีลูก และไม่ทำดีอะไรให้แก่หญิงม่าย เขาได้ทำลายคนที่มีกำลังด้วยอำนาจของตน เขาลุกขึ้น แล้วไม่มีใครมั่นใจเรื่องชีวิตของตน พระเจ้าทรงประทานความปลอดภัยให้เขา และเขาก็พึ่งอยู่ และพระเนตรของพระองค์อยู่บนหนทางของเขา เขาทั้งหลายถูกยกย่องขึ้นครู่หนึ่งแต่ก็ต้องสิ้นไปและถูกนำลงมา เขาถูกเอาออกไปจากทางเหมือนคนอื่นๆ และถูกตัดออกเหมือนยอดรวงข้าว แล้วบัดนี้ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ใครจะพิสูจน์ได้ว่าข้ามุสา และสำแดงว่าสิ่งที่ข้ากล่าวนั้นไร้สาระ”
โยบ 24:1-25 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
<<เมื่อวาระกำหนดไม่ปิดบังไว้ จากองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ทำไมบรรดาผู้ที่รู้จักพระองค์ไม่เห็นวันกำหนดของ พระองค์ มีคนที่ย้ายหลักเขต เขายึดฝูงแพะแกะพาไปเลี้ยง เขาไล่ต้อนลาของคนกำพร้าไป เขาเอาวัวของหญิงม่ายไปเป็นประกัน เขาผลักคนขัดสนออกนอกถนน คนยากจนแห่งแผ่นดินโลกต่างก็ซ่อนตัวหมด ดูเถิด ดังลาป่าอยู่ในถิ่นทุรกันดาร คนยากจนนั้นออกไปทำงาน พยายามหาอาหาร ถิ่นแห้งแล้งให้อาหารแก่บุตรของเขา เขาทั้งหลายเก็บหญ้าแห้งที่ในทุ่ง และเขาเล็มสวนองุ่นของคนอธรรม เขานอนเปลือยกายไม่มีเสื้อผ้าตลอดคืน และไม่มีผ้าห่มกันหนาว เขาเปียกฝนแห่งภูเขา และเกาะหินอยู่เพราะขาดที่กำบัง มีผู้ฉวยเด็กกำพร้าไปจากอก และเอาทารกของคนยากจนไปเป็นประกัน เขาทั้งหลายจึงเดินเปลือยกายไป ไม่มีเสื้อผ้า ทั้งๆที่หิว เขาก็แบกฟ่อนข้าวไป เขาทำน้ำมันอยู่ท่ามกลางแถวต้นมะกอกเทศของคนอธรรม เขาย่ำอยู่ที่บ่อย่ำองุ่น แต่เขาต้องทนความกระหาย คนที่กำลังจะตายคร่ำครวญออกมาจากที่ในเมือง และจิตใจของคนบาดเจ็บร้องขอความช่วยเหลือ แต่พระเจ้ามิได้สนพระทัยในคำอธิษฐานของเขา <<มีผู้ที่กบฏต่อความสว่าง ผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับทางของความสว่างนั้น และมิได้อยู่ในทางของความสว่างนั้น ผู้ทำฆาตกรรมลุกขึ้นมาแต่เช้าตรู่ เขาฆ่าคนยากจนและคนขัดสน และในกลางคืนเขาเป็นเหมือนขโมย ตาของผู้ล่วงประเวณีคอยเวลาพลบค่ำ กล่าวว่า <ไม่มีตาใดจะเห็นข้า> และเขาก็ปลอมหน้าของเขา ในยามมืดเขาขุดเข้าไปในเรือน กลางวันเขาก็เก็บตัว เขาไม่รู้จักความสว่าง เพราะความมืดทึบเป็นเหมือนเวลาเช้าแก่เขาทุกคน เพราะเขาคุ้นเคยกับความสยดสยองของความมืดทึบ <<เขาลอยละลิ่วไปบนผิวน้ำ ส่วนแบ่งของเขาถูกสาปในแผ่นดิน เขาไม่หันหน้าไปสู่สวนองุ่นของเขา ความแห้งแล้งและความร้อนฉวยเอาน้ำหิมะไปฉันใด แดนคนตายก็ฉวยเอาผู้กระทำบาปไปฉันนั้น ครรภ์จะลืมเขา ตัวหนอนจะกินเขาอย่างอร่อย ไม่มีใครจำชื่อเขาได้ต่อไป ความอธรรมจึงหักลงเหมือนต้นไม้ <<เขารีดเอาจากหญิงหมันที่ไม่มีลูก และไม่ทำดีอะไรให้แก่หญิงม่าย พระเจ้ายังทรงธำรงชีวิตของคนมี กำลังด้วยฤทธานุภาพของพระองค์ แม้เขาสิ้นหวังในชีวิต เขาก็ลุกขึ้นได้ พระองค์ประทานความปลอดภัยให้เขา และเขาก็พึ่งอยู่ และพระเนตรของพระองค์อยู่บนหนทางของเขา เขาทั้งหลายถูกยกย่องขึ้นครู่หนึ่งแล้วก็สิ้นไป เขาเหี่ยวแห้งและสิ้นไปเหมือนคนอื่นๆ เขาถูกตัดออกเหมือนยอดรวงข้าว ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ใครจะพิสูจน์ได้ว่าข้ามุสา และสำแดงว่าสิ่งที่ข้ากล่าวนั้นไร้สาระ>>
โยบ 24:1-25 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
“ทำไมหนอองค์ทรงฤทธิ์จึงไม่ทรงกำหนดเวลาไว้เพื่อการพิพากษา? ทำไมบรรดาผู้ที่รู้จักพระองค์ต้องชะเง้อหาวันเวลาเช่นนั้นโดยเปล่าประโยชน์? มีคนโยกย้ายหลักเขต พวกเขาขโมยฝูงสัตว์มาเลี้ยง พวกเขาริบเอาลาของลูกกำพร้าพ่อ และยึดวัวของแม่ม่ายเป็นของค้ำประกัน พวกเขาผลักไสคนขัดสนออกไปให้พ้นทาง และบีบบังคับคนยากไร้ให้ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ดั่งลาป่าในถิ่นกันดาร คนยากไร้ต้องตรากตรำ กระเสือกกระสนหาอาหารจากถิ่นกันดารเพื่อเลี้ยงลูก เขาเก็บหญ้าแห้งตามท้องทุ่ง และเก็บของเหลือในสวนองุ่นของคนชั่ว ยามค่ำคืนต้องนอนหนาวเหน็บไม่มีผ้าจะพันกาย ไม่มีผ้าห่มกันหนาว กายของเขาเปียกโชกเพราะสายฝนแห่งภูเขา และเขาเกาะหินแน่นเพราะไม่มีที่กำบัง ลูกกำพร้าพ่อถูกคร่าจากอกแม่ ทารกของคนยากไร้ถูกจับไปเพราะเป็นหนี้ พวกเขาจึงต้องระหกระเหินไปด้วยกายเปลือยเปล่า ต้องแบกฟ่อนข้าวทั้งๆ ที่หิวโซ เขาคั้นน้ำมันมะกอกในดงมะกอก และย่ำน้ำองุ่นทั้งๆ ที่กำลังทุกข์ทรมานด้วยความกระหาย เสียงครวญครางของคนใกล้ตายดังมาจากตัวเมือง วิญญาณของผู้บาดเจ็บร้องวิงวอนขอความช่วยเหลือ แต่พระเจ้าไม่เห็นเอาผิดกับใคร “มีผู้กบฏต่อความสว่าง ผู้ไม่รู้จัก และไม่ยอมดำเนินในทางของความสว่างนั้น เมื่อสิ้นแสงตะวันแล้ว ฆาตกรก็ลุกขึ้น สังหารคนยากไร้และคนขัดสน ยามค่ำคืนเขาลอบออกไปเหมือนขโมย ตาของคนล่วงประเวณีจ้องรอคอยเวลาพลบค่ำ เขาคิดว่า ‘ไม่มีใครเห็นเรา’ และคลุมหน้าเพื่อพรางตาคน ในความมืดมีคนแอบย่องเข้าไปในบ้าน แต่ตอนกลางวันเขาก็เก็บตัวอยู่ ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับความสว่าง สำหรับพวกเขาทุกคน ความมืดสนิทเป็นยามเช้า เขาเป็นมิตรกับความมืดมนอันน่าสยดสยอง “ถึงกระนั้นเขาก็เป็นฟองบนผิวน้ำ ที่ดินส่วนของเขาถูกสาปแช่ง จึงไม่มีใครไปที่สวนองุ่นของเขา ความร้อนระอุแห้งแล้งดูดซับหิมะที่ละลายไปฉันใด แดนมรณาก็พรากผู้ที่ทำบาปไปฉันนั้น ครรภ์มารดาก็ลืมเขา ตัวหนอนรุมกินเขา ไม่มีใครจดจำคนชั่วร้ายอีกต่อไป แต่พวกเขาถูกโค่นลงเหมือนต้นไม้ เพราะพวกเขาเอารัดเอาเปรียบหญิงที่เป็นหมันและหญิงที่ไม่มีลูกๆ ดูแล เขาไม่ปรานีหญิงม่าย แต่พระเจ้าทรงลากผู้ยิ่งใหญ่ไปด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ แม้พวกเขาเป็นปึกแผ่น แต่ก็ไม่มีความมั่นคงในชีวิต พระองค์อาจจะปล่อยให้เขาพักอยู่ด้วยความรู้สึกมั่นคงปลอดภัย แต่ทรงจับตาดูวิถีทางของเขา เขาได้รับการยกย่องเทิดทูนอยู่ชั่วครู่หนึ่ง แล้วก็ผ่านพ้นไป พวกเขาต้องตกต่ำลงและถูกรวบไปเหมือนคนอื่นๆ เขาถูกตัดออกเหมือนยอดรวงข้าว “ถ้าไม่ได้เป็นอย่างนี้ ใครจะพิสูจน์ได้ว่าข้าพูดผิด และทำให้เห็นว่าสิ่งที่ข้ากล่าวมานี้ไม่เป็นความจริง”
โยบ 24:1-25 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
เหตุใดองค์ผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพจึงไม่กำหนดเวลาพิพากษา และทำไมบรรดาผู้ที่รู้จักพระองค์จึงไม่เห็นพระองค์ลงโทษคนชั่ว บางคนเคลื่อนย้ายหลักเขต พวกเขาขโมยฝูงแกะไปเลี้ยงเป็นของตน พวกเขาขโมยลาของเด็กกำพร้า และริบโคของหญิงม่ายเป็นประกัน พวกเขาขับไล่ผู้ยากไร้ออกนอกถนน ผู้ยากไร้ของแผ่นดินโลกต้องหลบซ่อนตัว ดูเถิด ผู้ยากไร้เป็นดั่งลาป่าในถิ่นทุรกันดาร พวกเขาออกไปยังที่แล้ง เพื่อหาอาหารให้ลูกๆ ของพวกเขา พวกเขาเก็บฟางในนาของคนอื่น และเก็บองุ่นที่ตกหล่นในสวนของคนชั่ว พวกเขานอนเปลือยกายไร้เครื่องนุ่งห่มตลอดทั้งคืน และไม่มีผ้าคลุมกายกันหนาว พวกเขาเปียกฝนที่ตกในเทือกเขา และเกาะหินไว้เพราะไร้ที่กำบัง มีบางพวกที่พรากทารกกำพร้าพ่อไปจากอกแม่ และยึดเด็กจากคนยากไร้เอาไว้เป็นตัวประกัน พวกเขาจึงต้องเปลือยกายไร้เครื่องนุ่งห่ม และหิวโหย ทั้งยังต้องทำงานเก็บเกี่ยวข้าว พวกเขาสกัดน้ำมันจากสวนมะกอกของคนชั่ว และย่ำในบ่อองุ่นทั้งๆ ที่กระหายยิ่งนัก คนที่กำลังจะตายร้องโอดครวญอยู่ในเมือง และจิตวิญญาณของคนที่บาดเจ็บร้องขอความช่วยเหลือ แต่พระเจ้าไม่สนใจผู้ที่กระทำความผิด มีบางพวกที่ชิงชังความสว่าง เขาไม่คุ้นทาง และไม่อยู่บนทางสว่างนั้น ฆาตกรลุกขึ้นก่อนฟ้าสาง เพื่อจะฆ่าผู้ขัดสนและยากไร้ และพอตกค่ำเขาก็เป็นขโมย ตาของผู้ผิดประเวณีรอให้ถึงยามพลบค่ำ คิดในใจว่า ‘จะไม่มีใครมองเห็นฉัน’ และเขาก็ซ่อนหน้าตนเอง ในยามมืดพวกเขาบุกเข้าบ้าน เวลากลางวันพวกเขาก็ซ่อนตัว และไม่รู้จักความสว่าง เพราะความมืดมิดเป็นดั่งเวลาเช้าสำหรับพวกเขาทุกคน เพราะพวกเขาคุ้นกับความน่าสะพรึงกลัวของความมืดมิด เพราะเขาเลื่อนลอยบนผิวน้ำอย่างรวดเร็ว ส่วนแบ่งของพวกเขาถูกสาปแช่งในแผ่นดิน เขาไม่เข้าไปในสวนองุ่นอีกแล้ว การแล้งฝนและความร้อนทำให้หิมะละลายและแห้งเหือดไปฉันใด แดนคนตายก็กระทำต่อคนที่ทำบาปฉันนั้น ครรภ์ที่เคยอุ้มพวกเขามาก็ยังลืม เขาถูกหนอนกิน ไม่มีใครระลึกถึงพวกเขา และความชั่วถูกหักโค่นลงดั่งต้นไม้ พวกเขากระทำผิดต่อหญิงที่เป็นหมันปราศจากลูก และขาดความกรุณาต่อหญิงม่าย แต่พระเจ้าก็ให้ผู้มีอำนาจมีชีวิตยั่งยืนด้วยอานุภาพของพระองค์ แม้ว่าพวกเขาจะมั่นคง แต่ชีวิตไร้ความแน่นอน พระองค์ให้พวกเขาได้รับความมั่นคงและมั่นใจ แต่พระองค์ดูวิถีทางของพวกเขา พวกเขาเจริญรุ่งเรืองชั่วระยะหนึ่ง แล้วก็สิ้นสาบสูญไป พวกเขาเหี่ยวเฉาลงอย่างดอกไม้ พวกเขาถูกเกี่ยวไปอย่างเมล็ดข้าว ถ้าไม่ใช่เช่นนั้น แล้วใครจะพิสูจน์ได้ว่าฉันพูดไม่จริง และชี้ให้เห็นว่าคำพูดของฉันไม่เป็นความจริง”