ปฐมกาล 27:1-40
ปฐมกาล 27:1-40 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
เมื่ออิสอัคแก่ลง สายตาเริ่มพล่ามัวมองไม่เห็น เขาเรียกเอซาวลูกคนโตมาและพูดว่า “ลูกพ่อ” เอซาวตอบว่า “ผมอยู่นี่ครับ” อิสอัคพูดต่อไปว่า “ตอนนี้พ่อก็แก่แล้ว ไม่รู้จะตายเมื่อไร ตอนนี้ให้ลูกไปหยิบอาวุธของลูก เอาลูกธนูและคันธนู แล้วออกไปล่าสัตว์ในท้องทุ่งมาให้พ่อกิน เอาไปปรุงให้อร่อยๆแบบที่พ่อชอบ แล้วเอามาให้พ่อกิน เพื่อพ่อจะได้อวยพรให้เจ้า ก่อนพ่อจะตาย” ตอนที่อิสอัคพูดอยู่กับลูกชายนี้ เรเบคาห์แอบฟังอยู่ เมื่อเอซาวออกไปล่าสัตว์ในทุ่ง เพื่อเอากลับมาให้พ่อ เรเบคาห์พูดกับยาโคบลูกชายนางว่า “ฟังนะ แม่ได้ยินพ่อเจ้าพูดกับเอซาวพี่ชายเจ้าว่า ‘ออกไปล่าสัตว์มาให้พ่อ และเอาไปปรุงให้อร่อยๆมาให้พ่อกินด้วย แล้วพ่อจะอวยพรเจ้าต่อหน้าพระยาห์เวห์ ก่อนที่พ่อจะตาย’ ตอนนี้ ลูกแม่ ฟังแม่ให้ดีและทำตามที่แม่สั่ง ไปที่ฝูงสัตว์และเลือกลูกแพะที่ดีที่สุดมาสองตัว แม่จะเอามาปรุงเป็นอาหารที่อร่อยๆแบบที่พ่อของเจ้าชอบ เจ้าจะได้เอาไปให้พ่อเจ้ากิน เพื่อเขาจะได้อวยพรเจ้าก่อนที่เขาจะตาย” ยาโคบพูดกับเรเบคาห์แม่ของเขาว่า “แต่พี่ชายของลูกเป็นคนขนดก ส่วนลูกเป็นคนผิวเรียบ บางทีพ่ออาจจะจับตัวลูก พ่อก็จะจับได้ว่าลูกพยายามจะหลอกลวงท่าน และพ่อก็จะสาปแช่งลูกแทนที่จะอวยพร” แล้วแม่ของเขาบอกยาโคบว่า “ลูกเอ๋ย ขอให้คำสาปแช่งทั้งหมดตกอยู่กับแม่ ให้ทำตามที่แม่บอกก็แล้วกัน ไปเอาพวกแพะมาให้แม่ได้แล้ว” ยาโคบจึงไปเอาแพะสองตัวมาให้แม่ของเขา และแม่ของเขาได้ปรุงอาหารอร่อยๆแบบที่พ่อเขาชอบ แล้วเรเบคาห์ก็เอาเสื้อผ้าชุดที่ดีที่สุดของเอซาวลูกชายคนโตมาใส่ให้ยาโคบลูกคนเล็ก นางมีเสื้อผ้าของเอซาวอยู่ในบ้านแล้ว นางได้เอาหนังแพะมาหุ้มที่แขนและที่ลำคอที่ราบเรียบของยาโคบ และนางเอาอาหารที่อร่อยๆพร้อมกับขนมปังที่นางเตรียมไว้แล้ว ให้กับยาโคบ ยาโคบไปหาพ่อของเขาและพูดว่า “พ่อครับ” และอิสอัคตอบว่า “พ่ออยู่นี่ เจ้าเป็นลูกคนไหนของพ่อหรือ” ยาโคบบอกพ่อว่า “ผมคือเอซาว ลูกคนโตของพ่อไงครับ ผมได้ทำตามที่บอกแล้ว ลุกขึ้นนั่งกินเนื้อที่ผมล่ามาสิครับ แล้วพ่อจะได้อวยพรผม” แล้วอิสอัคพูดกับลูกว่า “ลูกพ่อ ทำไมเจ้าถึงล่ามันมาได้เร็วอย่างนี้” ยาโคบตอบว่า “เพราะพระยาห์เวห์ พระเจ้าของพ่อ ช่วยลูกให้หามันเจอ” อิสอัคจึงพูดกับยาโคบว่า “ลูกพ่อ เข้ามาใกล้ๆให้พ่อจับตัวลูกหน่อย พ่อจะได้รู้ว่าเจ้าคือเอซาวลูกชายของพ่อจริงๆ” ยาโคบจึงเข้าไปใกล้ๆอิสอัคพ่อของเขา อิสอัคจับตัวยาโคบและพูดว่า “เสียงก็เหมือนยาโคบ แต่แขนเป็นแขนของเอซาว” อิสอัคจำยาโคบไม่ได้ เพราะแขนของเขามีขนเต็มไปหมด เหมือนแขนของเอซาวพี่ชายเขา อิสอัคจึงอวยพรยาโคบ อิสอัคพูดว่า “เจ้าคือเอซาวจริงๆหรือ” ยาโคบตอบว่า “ครับพ่อ” อิสอัคจึงบอกว่า “ลูกพ่อ เอาเนื้อที่เจ้าล่ามาสิ พ่อจะได้กินมัน และจะได้อวยพรให้กับเจ้า” ยาโคบจึงเอาเนื้อนั้นมาให้กับพ่อ และเขาก็กิน แล้วยาโคบเอาเหล้าองุ่นมาให้พ่อ และเขาก็ดื่มมัน แล้วอิสอัคพ่อของเขาพูดกับยาโคบว่า “ลูกพ่อ เข้ามาใกล้ๆและจูบพ่อสิ” ยาโคบจึงเข้ามาใกล้ๆและจูบอิสอัค อิสอัคได้กลิ่นเสื้อผ้าของเอซาว และเขาอวยพรให้กับยาโคบ อิสอัคอวยพรว่า “นี่แหละ กลิ่นของลูกชายข้า เหมือนกลิ่นของท้องทุ่งที่พระยาห์เวห์ได้อวยพรไว้ ขอพระเจ้าประทานให้กับเจ้า น้ำค้างจากท้องฟ้า ท้องทุ่งที่อุดมสมบูรณ์ มีเมล็ดข้าวกับเหล้าองุ่นอย่างเหลือเฟือ ขอให้คนทั้งหลายมารับใช้เจ้า และขอให้ชนชาติต่างๆก้มกราบลงต่อหน้าเจ้า ขอให้เจ้าเป็นเจ้านายเหนือพวกพี่น้องของเจ้า ขอให้ลูกคนอื่นๆของแม่เจ้าก้มกราบเจ้า ขอให้คนที่สาปแช่งเจ้าถูกสาปแช่ง และขอให้คนที่อวยพรเจ้าได้รับพร” เมื่ออิสอัคอวยพรยาโคบเสร็จแล้ว และทันทีที่ยาโคบออกไป เอซาวพี่ชายของยาโคบก็กลับมาจากการล่าสัตว์ เขาทำอาหารอร่อยๆมาด้วย และเอามาให้กับพ่อของเขา เอซาวบอกกับพ่อว่า “พ่อครับ ลุกขึ้นมากินเนื้อที่ผมล่ามาเถิดครับ พ่อจะได้อวยพรผม” แล้วอิสอัคพ่อของเขาถามเขาว่า “เจ้าเป็นใคร” เอซาวตอบว่า “ผม ลูกของพ่อ ลูกชายคนโตของพ่อ เอซาวไงครับ” อิสอัคตัวสั่นสุดขีดและพูดว่า “อ้าว แล้วคนเมื่อกี้เป็นใครกัน ที่ล่าเนื้อมาให้พ่อ แล้วพ่อก็กินจนหมด แล้วก็อวยพรให้กับเขาไปแล้ว ก่อนที่เจ้าจะเข้ามา และพรนั้นก็จะตกเป็นของเขาตลอดไป” เมื่อเอซาวได้ยินพ่อพูดอย่างนั้น เขาร้องออกมาดังมากและขมขื่น และพูดกับพ่อของเขาว่า “อวยพรผมด้วยสิครับพ่อ” อิสอัคพูดว่า “น้องชายเจ้าเข้ามาหลอกลวงพ่อและเอาพรของเจ้าไปแล้ว” เอซาวจึงพูดว่า “มิน่าล่ะ คนถึงได้เรียกเขาว่ายาโคบ นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาโกงผม เขาเอาสิทธิพี่ชายคนโตของผมไป แล้วดูสิ ตอนนี้เขายังเอาพรของผมไปอีก” แล้วเอซาวก็พูดว่า “พ่อไม่เก็บคำอวยพรให้กับผมเลยหรือ” อิสอัคตอบเอซาวว่า “พ่อได้ทำให้เขาเป็นเจ้านายเหนือลูก และยกพี่น้องของเขาทุกคนให้เป็นทาสของเขา และพ่อได้ให้เมล็ดพืชและเหล้าองุ่นกับเขา แล้วยังจะมีอะไรเหลือให้กับเจ้าอีกล่ะ ลูกพ่อ” เอซาวจึงพูดกับพ่อของเขาว่า “พ่อครับ พ่อมีพรแค่อันเดียวเท่านั้นหรือ อวยพรให้กับผมด้วยสิครับพ่อ” แล้วเอซาวก็เริ่มร้องไห้เสียงดัง แล้วอิสอัคพ่อของเขาจึงบอกกับเขาว่า “ดูเอาเถอะ เจ้าจะอยู่ห่างไกลจากดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ และไม่มีน้ำค้างตกจากฟ้า เจ้าจะยืนหยัดอยู่ได้ด้วยดาบของเจ้า เจ้าจะต้องรับใช้น้องของเจ้า แต่เมื่อใดที่เจ้าดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้เป็นอิสระ เจ้าจะหลุดพ้นจากการควบคุมของเขาได้”
ปฐมกาล 27:1-40 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
เมื่ออิสอัคชราและตามัว ท่านก็เรียกเอซาวบุตรคนโตของท่านมา และกล่าวแก่เขาว่า “ลูกเอ๋ย” เขาตอบว่า “ลูกอยู่นี่” ท่านว่า “นี่แน่ะ พ่อแก่แล้ว พ่อไม่รู้วันตายของพ่อ เจ้าจงเอาอาวุธของเจ้า คือแล่งธนูและคันธนูออกไปที่ท้องทุ่ง หาเนื้อมาให้พ่อ เตรียมอาหารอร่อยให้พ่อ อย่างที่พ่อชอบนั้น และนำมาให้พ่อกิน เพื่อพ่อจะได้อวยพรแก่เจ้าก่อนพ่อตาย” เมื่ออิสอัคพูดกับเอซาวบุตรชายนั้น นางเรเบคาห์แอบฟังอยู่ เมื่อเอซาวออกไปท้องทุ่งเพื่อหาเนื้อมา เรเบคาห์จึงพูดกับยาโคบบุตรของนางว่า “แม่ได้ยินพ่อของเจ้าพูดกับเอซาวพี่ชายของเจ้าว่า ‘จงนำเนื้อมาให้พ่อและจัดอาหารอร่อยให้พ่อกิน และพ่อจะอวยพรเจ้าเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ก่อนพ่อตาย’ เพราะฉะนั้น ลูกเอ๋ยจงเชื่อฟังตามที่แม่จะสั่งเจ้า ไปที่ฝูงแพะแกะ นำลูกแพะดีๆ สองตัวมาให้แม่ แม่จะเอามันปรุงอาหารอร่อยให้พ่อเจ้า อย่างที่พ่อชอบ และเจ้าเองต้องนำไปให้พ่อเจ้ารับประทานเพื่อว่าท่านจะอวยพรเจ้าก่อนท่านตาย” ยาโคบพูดกับเรเบคาห์มารดาของเขาว่า “ดูสิ เอซาวพี่ของลูกเป็นคนมีขนดก และลูกเป็นคนเกลี้ยงเกลา พ่อของลูกคงจะคลำตัวลูก และเห็นว่าลูกหลอกลวงท่าน แล้วนำการสาปแช่งมาเหนือลูก ไม่ใช่พร” มารดาพูดกับเขาว่า “ลูกเอ๋ย ขอให้คำสาปแช่งของเจ้าตกอยู่กับแม่เถิด เชื่อฟังแม่เท่านั้น ไปนำมาให้แม่เถิด” เขาจึงไปนำมาให้มารดา มารดาของเขาก็ทำอาหารอร่อยอย่างที่บิดาของเขาชอบนั้น แล้วเรเบคาห์นำเสื้ออย่างดีที่สุดของเอซาวบุตรชายคนโตของนาง ซึ่งอยู่กับนางในเรือนมาสวมให้ยาโคบบุตรคนเล็กของนาง เอาหนังลูกแพะหุ้มมือและคอที่เกลี้ยงเกลาของเขา แล้วนางก็มอบอาหารอร่อยและขนมปังที่นางทำให้ยาโคบบุตรชายของนางถือไป เขาจึงเข้าไปหาบิดาและพูดว่า “พ่อ” และท่านว่า “พ่ออยู่นี่ ลูกเอ๋ย เจ้าคือใคร?” ยาโคบตอบบิดาของเขาว่า “ลูกเป็นเอซาวบุตรหัวปีของพ่อ ลูกทำตามที่พ่อบอกลูกแล้ว เชิญลุกขึ้นนั่งรับประทานเนื้อที่ลูกหามาเถิด เพื่อพ่อจะได้อวยพรแก่ลูก” แต่อิสอัคพูดกับบุตรชายของตนว่า “ลูกเอ๋ย เจ้าทำอย่างไรจึงพบมันเร็วนัก?” เขาตอบว่า “เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของพ่อทรงนำมาให้ลูก” แล้วอิสอัคจึงพูดกับยาโคบว่า “ลูกเอ๋ย มาใกล้ๆ พ่อจะได้คลำดูเจ้า เพื่อจะได้รู้ว่าเจ้าเป็นเอซาวลูกชายของพ่อแน่หรือไม่?” ยาโคบจึงเข้าไปใกล้อิสอัคบิดา อิสอัคคลำตัวเขาแล้วพูดว่า “เสียงก็เป็นเสียงของยาโคบ แต่มือเป็นมือของเอซาว” ท่านก็จำเขาไม่ได้ เพราะมือของเขามีขนดกเหมือนมือเอซาวพี่ชายของเขา ท่านจึงอวยพรแก่เขา ท่านถามว่า “เจ้าเป็นเอซาวลูกชายของพ่อจริงหรือ?” เขาตอบว่า “ใช่” ท่านจึงว่า “นำอาหารมาให้พ่อ พ่อจะได้กินเนื้อที่ลูกชายของพ่อหามา แล้วอวยพรเจ้า” ยาโคบจึงนำมันมาให้ท่าน ท่านก็รับประทาน ยาโคบนำเหล้าองุ่นมาให้ท่านและท่านก็ดื่ม แล้วอิสอัคบิดาของเขาจึงพูดกับเขาว่า “ลูกเอ๋ยเข้ามาใกล้และจูบพ่อ” เขาจึงเข้ามาใกล้และจูบท่าน และท่านก็ดมกลิ่นที่เสื้อของเขา และอวยพรเขาว่า “ดูซิ กลิ่นลูกชายข้า เหมือนกลิ่นท้องทุ่งซึ่งพระยาห์เวห์ทรงอวยพร ขอพระเจ้าประทานน้ำค้างจากฟ้าแก่เจ้า และประทานความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน ทั้งข้าวและเหล้าองุ่นใหม่มากมายแก่เจ้า ขอให้ชนชาติทั้งหลายรับใช้เจ้า ขอให้ประชาชาติโน้มลงคำนับเจ้า ขอให้เป็นเจ้านายเหนือพี่น้อง และบุตรชายมารดาของเจ้าโน้มลงคำนับเจ้า ใครแช่งสาปเจ้าก็ขอให้ผู้นั้นถูกสาป และใครอวยพรเจ้าก็ขอให้ผู้นั้นรับพร” พออิสอัคอวยพรยาโคบเสร็จ และยาโคบเพิ่งออกไปพ้นหน้าอิสอัคบิดา เอซาวพี่ชายก็กลับจากการล่าเนื้อ เขาทำอาหารอร่อยนำมาให้บิดา เขาพูดกับบิดาว่า “ขอพ่อลุกขึ้นรับประทานเนื้อที่ลูกชายหามา เพื่อจะได้อวยพรลูก” อิสอัค บิดาพูดกับเขาว่า “เจ้าคือใคร?” เขาตอบว่า “ลูกคือเอซาว ลูกชายหัวปีของพ่อ” พอได้ฟังดังนั้น อิสอัคก็ตัวสั่นมากยิ่งนัก พูดว่า “ใครเล่าที่ไปล่าเนื้อ แล้วนำมาให้พ่อ? พ่อกินหมดแล้วก่อนเจ้ามาถึง และพ่ออวยพรเขาแล้ว และเขาจะได้รับพรแน่นอน” เมื่อเอซาวได้ยินถ้อยคำของบิดาก็ร้องตะโกนเสียงดังด้วยความขมขื่นยิ่งนัก และพูดกับบิดาว่า “พ่อ ขออวยพรลูกด้วยเถิด” แต่ท่านพูดว่า “น้องเจ้าเข้ามาหลอกพ่อ เอาพรของเจ้าไปเสียแล้ว” เอซาวพูดว่า “เขามีชื่อว่ายาโคบก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่หรือ? เพราะเขาหลอกลูกสองหนเข้านี่แล้ว เขาเอาสิทธิบุตรหัวปีของลูกไป และคราวนี้เขาเอาพรของลูกไปอีกด้วย” แล้วเขาพูดว่า “พ่อไม่ได้สงวนพรไว้ให้ลูกบ้างหรือ?” อิสอัคตอบเอซาวว่า “พ่อตั้งให้เขาเป็นนายเหนือเจ้า และมอบบรรดาพี่น้องของเขาทั้งหมดให้เป็นคนใช้ของเขา ทั้งพืชและเหล้าองุ่น พ่อก็จัดให้เขา ลูกเอ๋ย พ่อจะทำอะไรให้เจ้าได้อีกเล่า?” เอซาวพูดกับบิดาว่า “พ่อ พ่อมีพรแต่เพียงพรเดียวเท่านั้นหรือ? พ่อ ขออวยพรลูก ให้พรลูกด้วยเถิดพ่อ” แล้วเอซาวก็ตะเบ็งเสียงร้องไห้ อิสอัคบิดาของเขาจึงตอบว่า “ที่ดินของเจ้าจะอยู่ห่างจากความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน และห่างจากน้ำค้างจากฟ้าเบื้องบน แต่เจ้าจะมีชีวิตอยู่ด้วยดาบ และเจ้าจะรับใช้น้องชายของเจ้า แต่เมื่อเจ้าดิ้นรน เจ้าจะหักแอกของเขาออกจากคอของเจ้า”
ปฐมกาล 27:1-40 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
และต่อมาเมื่ออิสอัคแก่ ตามัวจนมองไม่เห็น ท่านก็เรียกเอซาวบุตรชายคนโตของท่านมาและกล่าวแก่เขาว่า “ลูกเอ๋ย” เขาตอบว่า “ดูเถิด ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่” ท่านว่า “ดูเถิด บัดนี้พ่อแก่แล้ว จะถึงวันตายเมื่อไรก็ไม่รู้ ฉะนั้นบัดนี้เจ้าจงเอาอาวุธของเจ้า คือแล่งธนูและคันธนูออกไปที่ท้องทุ่ง หาเนื้อมาให้พ่อ และจัดอาหารอร่อยอย่างที่พ่อชอบนั้น และนำมาให้พ่อกิน เพื่อจิตวิญญาณของพ่อจะได้อวยพรแก่เจ้าก่อนพ่อตาย” เมื่ออิสอัคพูดกับเอซาวบุตรชายนั้น นางเรเบคาห์ได้ยิน เอซาวก็ออกไปท้องทุ่งเพื่อล่าเนื้อมา นางเรเบคาห์จึงพูดกับยาโคบบุตรชายของนางว่า “ดูเถิด แม่ได้ยินบิดาของเจ้าพูดกับเอซาวพี่ชายของเจ้าว่า ‘จงนำเนื้อมาให้พ่อและจัดอาหารอร่อยให้พ่อกิน และเราจะอวยพรเจ้าต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ก่อนพ่อตาย’ เพราะฉะนั้น ลูกเอ๋ย บัดนี้จงฟังเสียงของแม่ตามที่แม่สั่งเจ้า บัดนี้ไปที่ฝูงแพะแกะ นำลูกแพะดีๆสองตัวมาให้แม่ แม่จะเอามันปรุงอาหารอร่อยให้บิดาเจ้าอย่างที่ท่านชอบ และเจ้าจะต้องนำไปให้บิดาเจ้ารับประทาน เพื่อว่าท่านจะอวยพรเจ้าก่อนท่านสิ้นชีวิต” ยาโคบพูดกับนางเรเบคาห์มารดาของตนว่า “ดูเถิด เอซาวพี่ชายของข้าพเจ้าเป็นคนมีขนดก และข้าพเจ้าเป็นคนเกลี้ยงเกลา บิดาของข้าพเจ้าคงจะคลำตัวข้าพเจ้า และข้าพเจ้าจะดูเหมือนว่าเป็นผู้หลอกลวงท่าน แล้วข้าพเจ้าจะนำการสาปแช่งมาเหนือข้าพเจ้าเอง หาใช่นำพรมาไม่” มารดาของเขาพูดกับเขาว่า “ลูกเอ๋ย ขอให้การสาปแช่งของเจ้าตกอยู่กับแม่เถิด ฟังเสียงของแม่เท่านั้น ไปเอาลูกแพะมาให้แม่เถิด” เขาจึงไปจับเอามาให้มารดาของตน มารดาของเขาได้จัดอาหารอร่อยอย่างที่บิดาของเขาชอบนั้น แล้วนางเรเบคาห์นำเสื้ออย่างดีที่สุดของเอซาว บุตรชายคนโตของนาง ซึ่งอยู่กับนางในเรือนมาสวมให้ยาโคบบุตรชายคนเล็กของนาง นางเอาหนังลูกแพะหุ้มมือและคอที่เกลี้ยงเกลาของเขา แล้วนางก็มอบอาหารอร่อยและขนมปัง ซึ่งนางจัดทำนั้นไว้ในมือของยาโคบบุตรชายของนาง เขาจึงเข้าไปหาบิดาของตนและพูดว่า “บิดาเจ้าข้า” และท่านว่า “พ่ออยู่นี่ ลูกเอ๋ย เจ้าคือใคร” ยาโคบตอบบิดาของตนว่า “ลูกเป็นเอซาวบุตรหัวปีของท่าน ลูกทำตามที่ท่านสั่งลูกแล้ว เชิญลุกขึ้นนั่งรับประทานเนื้อที่ลูกหามาเถิด เพื่อจิตวิญญาณของท่านจะได้อวยพรแก่ลูก” แต่อิสอัคพูดกับบุตรชายของตนว่า “ลูกเอ๋ย เจ้าทำอย่างไรจึงพบมันเร็วนัก” บุตรจึงตอบว่า “เพราะว่าพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านนำมันมาให้แก่ลูก” แล้วอิสอัคจึงพูดกับยาโคบว่า “ลูกเอ๋ย มาใกล้ๆ พ่อจะได้คลำดูเจ้า เพื่อจะได้รู้ว่าเจ้าเป็นเอซาวบุตรชายของพ่อแน่หรือไม่” ยาโคบจึงเข้าไปใกล้อิสอัคบิดาของตน อิสอัคคลำตัวเขาแล้วพูดว่า “เสียงก็เป็นเสียงของยาโคบ แต่มือเป็นมือของเอซาว” ท่านก็ไม่ได้สังเกต เพราะมือของเขามีขนดกเหมือนมือเอซาวพี่ชายของเขา ท่านจึงอวยพรแก่เขา ท่านถามว่า “เจ้าเป็นเอซาวบุตรชายของพ่อจริงหรือ” เขาตอบว่า “ใช่ครับ” ท่านจึงว่า “นำแกงมาให้พ่อ พ่อจะได้กินเนื้อที่บุตรชายของพ่อหามา เพื่อจิตวิญญาณของพ่อจะอวยพรเจ้า” ยาโคบจึงนำมันมาให้ท่าน ท่านก็รับประทาน ยาโคบนำน้ำองุ่นมาให้ท่านและท่านก็ดื่ม แล้วอิสอัคบิดาของเขาจึงพูดกับเขาว่า “ลูกเอ๋ย เข้ามาใกล้และจุบพ่อ” เขาจึงเข้ามาใกล้และจุบท่าน และท่านก็ดมกลิ่นที่เสื้อของเขา และอวยพรเขาว่า “ดูซิ กลิ่นลูกชายข้าเหมือนกลิ่นท้องทุ่ง ซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงอวยพระพร ดังนั้นขอพระเจ้าทรงประทานน้ำค้างจากฟ้าแก่เจ้า และประทานความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินทั้งข้าวและน้ำองุ่นมากมายแก่เจ้า ขอให้ชนชาติทั้งหลายรับใช้เจ้า และให้ประชาชาติกราบไหว้เจ้า ขอให้เป็นเจ้านายเหนือพี่น้อง และบุตรชายมารดาของเจ้ากราบไหว้เจ้า ผู้ใดสาปแช่งเจ้าก็ขอให้ผู้นั้นถูกสาปและผู้ใดอวยพรเจ้าก็ขอให้ผู้นั้นได้รับพร” และต่อมาพออิสอัคอวยพรยาโคบเสร็จแล้ว เมื่อยาโคบพึ่งออกไปจากหน้าอิสอัคบิดา เอซาวพี่ชายก็กลับจากการล่าเนื้อ และเขาเตรียมอาหารอร่อยนำมาให้บิดาด้วย และพูดกับบิดาว่า “ขอท่านลุกขึ้นรับประทานเนื้อที่ลูกชายหามา เพื่อจิตวิญญาณของท่านจะได้อวยพรลูก” อิสอัคบิดาพูดกับเขาว่า “เจ้าคือใคร” เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าคือเอซาวบุตรชายของท่าน เป็นบุตรหัวปีของท่าน” อิสอัคก็ตัวสั่นมากพูดว่า “ใครเล่า คือผู้นั้นอยู่ที่ไหน ที่ไปล่าเนื้อ แล้วนำมาให้พ่อ พ่อกินหมดแล้วก่อนเจ้ามาถึงและพ่ออวยพรเขาแล้ว เป็นที่แน่ว่าผู้นั้นจะได้รับพร” เมื่อเอซาวได้ยินคำกล่าวของบิดาก็ร้องออกมาเสียงดังด้วยความขมขื่น และพูดกับบิดาว่า “โอ บิดาเจ้าข้า ขออวยพรข้าพเจ้า ขออวยพรข้าพเจ้าด้วยเถิด” แต่ท่านพูดว่า “น้องชายเจ้าเข้ามาหลอกพ่อ และเอาพรของเจ้าไปเสียแล้ว” เอซาวพูดว่า “เขามีชื่อว่ายาโคบก็ถูกต้องแล้วมิใช่หรือ เพราะว่าเขาแกล้งให้ข้าพเจ้าเสียเปรียบสองครั้งแล้ว เขาเอาสิทธิบุตรหัวปีของข้าพเจ้าไป และดูเถิด คราวนี้เขาเอาพรของข้าพเจ้าไปอีกด้วย” แล้วเขาพูดว่า “ท่านมิได้สงวนพรไว้ให้ข้าพเจ้าบ้างหรือ” อิสอัคตอบเอซาวว่า “ดูเถิด พ่อตั้งให้เขาเป็นนายเหนือเจ้า และมอบบรรดาพี่น้องของเขาให้เป็นคนใช้ของเขา ทั้งข้าวและน้ำองุ่นพ่อก็จัดให้เขา ลูกเอ๋ย พ่อจะทำอะไรให้เจ้าได้อีกเล่า” เอซาวพูดกับบิดาว่า “บิดาเจ้าข้า ท่านมีพรแต่เพียงพรเดียวเท่านั้นหรือ โอ บิดาเจ้าข้า ขออวยพรลูก ขออวยพรลูกด้วยเถิด” แล้วเอซาวก็ตะเบ็งเสียงร้องไห้ อิสอัคบิดาของเขาจึงตอบเขาว่า “ดูเถิด เจ้าจะได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินอันอุดมบริบูรณ์ มีน้ำค้างลงมาจากฟ้า แต่เจ้าจะมีชีวิตอยู่ด้วยดาบและเจ้าจะรับใช้น้องชายของเจ้า แต่ต่อมาเมื่อเจ้ามีกำลังขึ้นเจ้าจะหักแอกของน้องเสียจากคอของตน”
ปฐมกาล 27:1-40 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
เมื่ออิสอัคแก่ตามัว ท่านก็เรียกเอซาวบุตรคนโตของท่านมา และกล่าวแก่เขาว่า <<ลูกเอ๋ย>> เขาตอบว่า <<ขอรับ>> ท่านว่า <<ดูเถิด พ่อแก่แล้ว พ่อไม่รู้วันตายของพ่อ เจ้าจงเอาอาวุธของเจ้า คือแล่งธนูและคันธนูออกไปที่ท้องทุ่ง หาเนื้อมาให้พ่อ จัดเตรียมอาหารอร่อยมาให้พ่อ อย่างที่พ่อชอบนั้น และนำมาให้พ่อกิน เพื่อจะได้อวยพรแก่เจ้าก่อนพ่อตาย>> เมื่ออิสอัคพูดกับเอซาวบุตรชายนั้น นางเรเบคาห์แอบฟังอยู่ เมื่อเอซาวออกไปท้องทุ่งเพื่อหาเนื้อมา เรเบคาห์จึงพูดกับยาโคบบุตรของนางว่า <<แม่ได้ยินพ่อของเจ้าพูดกับเอซาวพี่ชายของเจ้าว่า <จงนำเนื้อมาให้พ่อและจัดอาหารอร่อยให้พ่อกิน และเราจะอวยพรเจ้าต่อพระพักตร์พระเจ้าก่อนพ่อตาย> เพราะฉะนั้น ลูกเอ๋ยจงฟังคำของแม่ตามที่แม่สั่งเจ้า ไปที่ฝูงแพะแกะ นำลูกแพะดีๆสองตัวมาให้แม่ แม่จะเอามันปรุงอาหารอร่อยให้พ่อเจ้า อย่างที่ท่านชอบ และเจ้าจะต้องนำไปให้พ่อเจ้ารับประทานเพื่อว่าท่าน จะอวยพรเจ้าก่อนท่านสิ้นชีวิต>> ยาโคบพูดกับเรเบคาห์มารดาของตนว่า <<ดูเถิด เอซาวพี่ของฉันเป็นคนมีขนดก และฉันเป็นคนเกลี้ยงเกลา พ่อของฉันคงจะคลำตัวฉัน และเห็นว่าฉันหลอกลวงท่าน แล้วนำการสาปแช่งมาเหนือฉันเอง หาใช่นำพรมาไม่>> มารดาพูดกับเขาว่า <<ลูกเอ๋ย ขอให้การสาปแช่งของเจ้าตกอยู่กับแม่เถิด เชื่อฟังคำของแม่เท่านั้น ไปเอาลูกแพะมาให้แม่เถิด>> เขาจึงไปจับเอามาให้มารดา มารดาของเขาได้จัดอาหารอร่อยอย่างที่พ่อของเขาชอบนั้น แล้วเรเบคาห์นำเสื้ออย่างดีที่สุดของเอซาวบุตรชาย คนโตของนาง ซึ่งอยู่กับนางในเรือนมาสวมให้ยาโคบบุตรคนเล็กของนาง เอาหนังแพะหุ้มมือและคอที่เกลี้ยงเกลาของเขา แล้วนางก็มอบอาหารอร่อยและขนมปัง ซึ่งนางจัดทำนั้นให้ยาโคบบุตรชายของนางถือไป เขาจึงเข้าไปหาบิดาและพูดว่า <<พ่อครับ>> และท่านว่า <<พ่ออยู่นี่ ลูกเอ๋ย เจ้าคือใคร>> ยาโคบตอบบิดาของตนว่า <<ลูกเป็นเอซาวบุตรหัวปีของพ่อ ลูกทำตามที่พ่อสั่งลูกแล้ว เชิญลุกขึ้นนั่งรับประทานเนื้อที่ลูกหามาเถิด เพื่อพ่อจะได้อวยพรแก่ลูก>> แต่อิสอัคพูดกับบุตรชายของตนว่า <<ลูกเอ๋ย เจ้าทำอย่างไรจึงพบมันเร็วนัก>> เขาตอบว่า <<เพราะว่าพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพ่อทรงบันดาลให้ลูก>> แล้วอิสอัคจึงพูดกับยาโคบว่า <<ลูกเอ๋ย มาใกล้ๆ พ่อจะได้คลำดูเจ้า เพื่อจะได้รู้ว่าเจ้าเป็นเอซาวบุตรชายของพ่อแน่หรือไม่>> ยาโคบจึงเข้าไปใกล้อิสอัคบิดา อิสอัคคลำตัวเขาแล้วพูดว่า <<เสียงก็เป็นเสียงของยาโคบ แต่มือเป็นมือของเอซาว>> ท่านก็จับผิดไม่ได้ เพราะมือของเขามีขนดกเหมือนมือเอซาวพี่ชายของเขา ท่านจึงอวยพรแก่เขา ท่านถามว่า <<เจ้าเป็นเอซาวบุตรชายของพ่อจริงหรือ>> เขาตอบว่า <<ใช่ครับ>> ท่านจึงว่า <<นำแกงมาให้พ่อ พ่อจะได้กินเนื้อที่บุตรชายของพ่อหามา แล้วอวยพรเจ้า>> ยาโคบจึงนำมันมาให้ท่าน ท่านก็รับประทาน ยาโคบนำเหล้าองุ่นมาให้ท่านและท่านก็ดื่ม แล้วอิสอัคบิดาของเขาจึงพูดกับเขาว่า <<ลูกเอ๋ยเข้ามาใกล้และจุบพ่อ>> เขาจึงเข้ามาใกล้และจุบท่าน และท่านก็ดมกลิ่นที่เสื้อของเขา และอวยพรเขาว่า <<ดูซิ กลิ่นลูกชายข้า เหมือนกลิ่นท้องทุ่งซึ่งพระเจ้าทรงอวยพระพร ขอพระเจ้าทรงประทานน้ำค้างจากฟ้าแก่เจ้า และประทานความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน ทั้งพืชและเหล้าองุ่นใหม่มากมายแก่เจ้า ขอให้ชนชาติทั้งหลายรับใช้เจ้า ขอให้ประชาชาติกราบไหว้เจ้า ขอให้เป็นเจ้านายเหนือพี่น้อง และบุตรชายมารดาของเจ้ากราบไหว้เจ้า ผู้ใดแช่งสาปเจ้าก็ขอให้ผู้นั้นถูก สาป และผู้ใดอวยพรเจ้าก็ขอให้ผู้นั้นได้รับพร>> พออิสอัคอวยพรยาโคบเสร็จ และยาโคบออกไปพ้นหน้าอิสอัคบิดา เอซาวพี่ชายก็กลับจากการล่าเนื้อ เขาเตรียมอาหารอร่อยนำมาให้บิดา เขาพูดกับบิดาว่า <<ขอพ่อลุกขึ้นรับประทานเนื้อที่ลูกชายหามา เพื่อจะได้อวยพรลูก>> อิสอัค บิดาพูดกับเขาว่า <<เจ้าคือใคร>> เขาตอบว่า <<ฉันคือลูกชาย ลูกหัวปีของพ่อ คือเอซาว>> พอได้ฟังดังนั้น อิสอัคก็ตัวสั่น พูดว่า <<ใครเล่าที่ไปล่าเนื้อ แล้วนำมาให้พ่อ พ่อกินหมดแล้วก่อนเจ้ามาถึง และพ่ออวยพรเขาแล้ว เป็นที่แน่ว่า เขาจะได้รับพร>> เมื่อเอซาวได้ยินบิดากล่าวเช่นนั้นก็ร้อง ออกมาเสียงดังด้วยความขมขื่น และพูดกับบิดาว่า <<คุณพ่อครับ ขออวยพรผม ขออวยพรผมด้วย>> แต่ท่านพูดว่า <<น้องเจ้าเข้ามาหลอกพ่อ เอาพรของเจ้าไปเสียแล้ว>> เอซาวพูดว่า <<เขามีชื่อว่ายาโคบก็ถูกต้องแล้วมิใช่หรือ เพราะเขาหลอกฉันสองหนเข้านี่แล้ว เขาเอาสิทธิบุตรหัวปีของฉันไป และคราวนี้เขาเอาพรของฉันไปอีกด้วย>> แล้วเขาพูดว่า <<พ่อมิได้สงวนพรไว้ให้ฉันบ้างหรือ>> อิสอัคตอบเอซาวว่า <<พ่อตั้งให้เขาเป็นนายเหนือเจ้า และมอบพี่น้องของเขาให้เป็นคนใช้ของเขา ทั้งพืชและเหล้าองุ่น พ่อก็จัดให้เขา ลูกเอ๋ย พ่อจะทำอะไรให้เจ้าได้อีกเล่า>> เอซาวพูดกับบิดาว่า <<พ่อครับ พ่อมีพรแต่เพียงพรเดียวเท่านั้นหรือ พ่อครับ ขออวยพรลูก ขออวยพรลูกด้วย>> แล้วเอซาวก็ตะเบ็งเสียงร้องไห้ อิสอัคบิดาของเขาจึงตอบว่า <<ที่อาศัยของเจ้าจะอยู่ห่างจากความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน และห่างจากน้ำค้างจากฟ้าเบื้องบน แต่เจ้าจะมีชีวิตอยู่ด้วยดาบ และเจ้าจะรับใช้น้องชายของเจ้า แต่เมื่อเจ้าสลัดหลุดไปได้ เจ้าจะหักแอกของเขาออกจากคอของ เจ้า>>
ปฐมกาล 27:1-40 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
เมื่ออิสอัคชราแล้ว ดวงตาของเขาเสื่อมลงจนมองไม่เห็น เขาเรียกหาเอซาวบุตรชายคนโตว่า “ลูกเอ๋ย” เอซาวตอบว่า “ลูกอยู่ที่นี่” อิสอัคกล่าวว่า “ตอนนี้พ่อก็แก่แล้ว จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ บัดนี้เจ้าจงเอาอาวุธของเจ้า คือกระบอกใส่ลูกธนูและคันธนูออกไปยังทุ่งกว้าง ล่าสัตว์ป่ามาให้พ่อ แล้วทำอาหารรสดีแบบที่พ่อโปรดปรานและนำมาให้พ่อกิน พ่อจะได้ให้พรของพ่อแก่เจ้าก่อนพ่อตาย” ขณะที่อิสอัคพูดกับเอซาวบุตรของเขาอยู่นั้น นางเรเบคาห์ก็ได้ยิน เมื่อเอซาวออกไปยังทุ่งกว้างเพื่อล่าสัตว์และนำกลับมา เรเบคาห์ก็พูดกับยาโคบบุตรชายของนางว่า “ดูเถิด แม่ได้ยินพ่อของเจ้าพูดกับเอซาวพี่ชายของเจ้าว่า ‘จงเอาเนื้อที่ล่ามาทำอาหารรสดีให้กิน พ่อจะได้ให้พรของพ่อแก่เจ้าต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าก่อนพ่อตาย’ ลูกเอ๋ย ฟังให้ดีและจงทำตามที่แม่สั่ง ไปที่ฝูงสัตว์ คัดลูกแพะอย่างดีสองตัวมาให้แม่ แม่จะได้ทำอาหารรสดีให้พ่อของเจ้าอย่างที่พ่อเจ้าโปรดปราน แล้วเจ้าจงนำไปให้พ่อของเจ้ากิน เพื่อเขาจะได้ให้พรของเขาแก่เจ้าก่อนที่เขาจะตาย” ยาโคบพูดกับนางเรเบคาห์มารดาของเขาว่า “แต่เอซาวพี่ชายของลูกนั้นขนดก ส่วนลูกเป็นคนผิวเกลี้ยง ถ้าเกิดพ่อจับต้องตัวลูกเล่า? พ่อก็จะรู้ว่าลูกหลอกลวงท่าน และลูกจะถูกสาปแช่งแทนที่จะได้รับพร” มารดาของเขากล่าวว่า “ลูกเอ๋ย ขอให้คำสาปแช่งนั้นตกอยู่กับแม่เถิด จงทำตามที่แม่บอก ไปเอาลูกแพะมาให้แม่” ยาโคบจึงออกไปนำลูกแพะมาให้มารดาของเขา และนางก็ทำอาหารรสดีอย่างที่บิดาของเขาโปรดปราน แล้วเรเบคาห์หยิบเสื้อผ้าที่ดีที่สุดของเอซาวบุตรชายคนโตของนางซึ่งมีอยู่ในบ้านมาสวมให้ยาโคบบุตรคนเล็กของนาง จากนั้นนางยังได้เอาหนังแพะหุ้มแขนและคอที่เกลี้ยงเกลาของเขา แล้วนางก็ยื่นอาหารรสดีนั้นและขนมปังที่นางทำให้ยาโคบบุตรของนาง เขาเข้าไปหาบิดาของเขาและพูดว่า “พ่อขอรับ” อิสอัคพูดว่า “มีอะไรหรือลูก เจ้าคือใคร?” ยาโคบกล่าวกับบิดาว่า “ลูกคือเอซาวลูกหัวปีของพ่อ ลูกได้ทำตามที่พ่อสั่งแล้ว โปรดลุกขึ้นมารับประทานเนื้อที่ลูกหามา เพื่อพ่อจะได้ให้พรของพ่อแก่ลูก” อิสอัคถามบุตรชายของเขาว่า “ทำไมหาได้เร็วนักล่ะลูก?” ยาโคบตอบว่า “ก็เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพ่อประทานความสำเร็จแก่ลูก” แล้วอิสอัคจึงพูดกับยาโคบว่า “ลูกเอ๋ย เข้ามาใกล้ๆ ให้พ่อคลำตัวลูกดู จะได้รู้ว่าเจ้าเป็นเอซาวลูกของพ่อจริงหรือไม่?” ยาโคบเข้าไปใกล้อิสอัคบิดาของเขา อิสอัคจับต้องตัวเขาแล้วคิดว่า “เสียงเป็นเสียงของยาโคบ แต่มือเป็นมือของเอซาว” อิสอัคก็จำเขาไม่ได้ เพราะมือของเขามีขนดกเหมือนมือของเอซาวพี่ชายของเขา ดังนั้นอิสอัคจึงเตรียมอวยพรเขา อิสอัคถามว่า “เจ้าคือเอซาวลูกชายของพ่อจริงๆ หรือ?” ยาโคบตอบว่า “ใช่ขอรับ” แล้วอิสอัคกล่าวว่า “ลูกเอ๋ย เอาเนื้อมาให้พ่อกิน เพื่อพ่อจะได้ให้พรของพ่อแก่เจ้า” ยาโคบยกอาหารมาให้ อิสอัคก็รับประทาน ยาโคบนำเหล้าองุ่นใหม่มาให้ และอิสอัคก็ดื่ม จากนั้นอิสอัคบิดาของเขาก็พูดกับเขาว่า “ลูกเอ๋ย มานี่สิ มาจูบคำนับพ่อ” ดังนั้นยาโคบจึงเข้าไปจูบบิดา เมื่ออิสอัคได้กลิ่นเสื้อผ้าที่เขาใส่อยู่ก็อวยพรเขาและกล่าวว่า “ใช่แล้ว กลิ่นลูกชายของเรา เหมือนกลิ่นท้องทุ่ง ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพร ขอพระเจ้าประทานน้ำค้างจากฟ้าสวรรค์ และประทานฝนบนแผ่นดินแก่เจ้า คือให้อุดมด้วยข้าวและเหล้าองุ่นใหม่ ขอให้ชาติทั้งหลายรับใช้เจ้า และชนชาติต่างๆ น้อมคำนับเจ้า จงเป็นนายเหนือพี่น้องของเจ้า ขอให้บรรดาบุตรชายของมารดาเจ้าน้อมคำนับเจ้า ขอให้ทุกคนที่แช่งเจ้าถูกสาปแช่ง และให้ทุกคนที่ให้พรเจ้าได้รับพร” หลังจากที่อิสอัคอวยพรยาโคบจบแล้ว และยาโคบเพิ่งจะลาบิดาของเขาออกไป เอซาวพี่ชายของเขาก็กลับมาจากการล่าสัตว์ เขาก็ทำอาหารรสดีและนำมาให้บิดาของเขาด้วย แล้วเอซาวกล่าวกับบิดาว่า “เชิญพ่อลุกขึ้นนั่งรับประทานเนื้อที่ลูกล่ามา เพื่อพ่อจะได้ให้พรของพ่อแก่ลูก” อิสอัคบิดาของเขาถามว่า “เจ้าเป็นใคร?” เขาตอบว่า “ลูกชายของพ่อ เอซาวลูกหัวปีของพ่อ” อิสอัคก็โกรธจนตัวสั่นและกล่าวว่า “แล้วใครกันเล่าที่ได้ล่าเนื้อและนำมาให้พ่อ? พ่อเพิ่งกินไปก่อนที่เจ้าจะมา และพ่อได้อวยพรเขา และเขาจะได้รับพรแน่!” เมื่อเอซาวได้ยินบิดาพูดเช่นนั้นก็ร้องไห้เสียงดังด้วยความขมขื่นและพูดกับบิดาว่า “อวยพรลูก อวยพรลูกด้วยเถิดพ่อ” แต่อิสอัคกล่าวว่า “น้องชายของเจ้ามาหลอกเอาพรของเจ้าไปแล้ว” เอซาวพูดว่า “ที่เขามีชื่อว่ายาโคบก็ถูกแล้วไม่ใช่หรือ? เขาได้หลอกลูกมาสองครั้งแล้ว เขาได้เอาสิทธิ์บุตรหัวปีของลูกไป และคราวนี้ยังได้เอาพรของลูกไปอีก!” แล้วเขาถามว่า “พ่อไม่มีพรเหลือให้ลูกบ้างเลยหรือ?” อิสอัคตอบเอซาวว่า “พ่อได้ตั้งให้เขาเป็นนายเหนือเจ้า และให้ญาติพี่น้องของเขาทั้งหมดเป็นคนรับใช้เขา พ่อขอให้พระเจ้าค้ำจุนเขาด้วยข้าวและเหล้าองุ่นใหม่ แล้วพ่อจะทำอะไรเพื่อเจ้าได้อีกเล่า ลูกของพ่อเอ๋ย?” เอซาวกล่าวกับบิดาอีกว่า “พ่อมีเพียงพรเดียวเท่านั้นหรือ? พ่อของลูก โปรดอวยพรลูกด้วยเถิด พ่อของลูก!” แล้วเอซาวก็ร้องไห้เสียงดัง อิสอัคบิดาของเขาตอบว่า “ที่อาศัยของเจ้าจะห่างไกล จากฝนบนแผ่นดิน จากน้ำค้างแห่งฟ้าสวรรค์เบื้องบน เจ้าจะมีชีวิตอยู่ด้วยดาบ และเจ้าจะรับใช้น้องของเจ้า แต่เมื่อเจ้าทนไม่ได้ เจ้าจะสลัดแอกของเขา พ้นจากคอของเจ้า”