เอสเธอร์ 4:1-17

เอสเธอร์ 4:1-17 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

เมื่อ​โมรเดคัย​รู้​เรื่อง​ทุกอย่าง​ที่​เกิดขึ้น เขา​ก็​ฉีก​เสื้อผ้า​ตัวเอง ใส่​ชุด​ผ้า​กระสอบ เอา​ขี้เถ้า​มา​โรยหัว แล้ว​ออก​ไป​กลาง​เมือง ร้องไห้​คร่ำครวญ​เสียงดัง​ด้วย​ความ​ขมขื่น โมรเดคัย​เดิน​ไป​ได้​แค่​หน้า​ประตู​วัง​เท่านั้น เพราะ​คน​ที่​สวม​ชุด​ผ้า​กระสอบ​ไม่​สามารถ​ผ่าน​เข้า​ประตู​วัง​ไปได้ ใน​ทุก​มณฑล​ที่​ได้รับ​คำสั่ง​ของ​กษัตริย์ มี​แต่​ความ​ทุกข์ระทม​อัน​ใหญ่หลวง​ใน​หมู่​ชาวยิว พวกเขา​อด​อาหาร ร้องไห้​คร่ำครวญ​เสียงดัง พวก​ชาวยิว​ส่วนใหญ่​ปู​ผ้า​กระสอบ​และ​โรย​ขี้เถ้า​บนมัน แล้ว​นอน​บน​ผ้า​นั้น พวก​สาวใช้​และ​ขันที​ของ​เอสเธอร์​มา​เข้าเฝ้า​พระนาง และ​รายงาน​เรื่อง​โมรเดคัย​ให้​พระนาง​ฟัง ทำให้​พระนาง​เป็นทุกข์​และ​กลุ้มใจ​มาก ดังนั้น​พระนาง​จึง​ส่ง​เสื้อผ้า​ไป​ให้​โมรเดคัย แทน​ชุด​ผ้า​กระสอบ​ของเขา แต่​โมรเดคัย​ไม่​ยอมรับ​เสื้อผ้า​ที่​ส่ง​มา เอสเธอร์​จึง​เรียก​ฮาธาค​มา​พบ ฮาธาค​เป็น​ขันที​ที่​กษัตริย์​ส่ง​ให้​มา​รับใช้​พระนาง และ​พระนาง​สั่ง​ให้​เขา​ไป​ดู​ว่า​ที่​โมรเดคัย​ทำ​อยู่​นั้น​หมายถึง​อะไร และ​ทำไม​ถึง​ทำ​อย่างนั้น ฮาธาค​จึง​ไป​พบ​โมรเดคัย​ที่​ลานเมือง​หน้า​ประตู​วัง โมรเดคัย​เล่า​ทุกอย่าง​ที่​เกิดขึ้น​ให้​เขา​ฟัง และ​บอก​ถึง​จำนวน​เงิน​ที่​ฮามาน​สัญญา​ว่า​จะ​ถวาย​เข้า​คลัง​หลวง​เพื่อ​ทำลาย​ชาวยิว โมรเดคัย​ยัง​มอบ​สำเนา​จดหมาย​คำสั่ง​ที่​เขียน​ออกมา​จาก​เขตวัง​ของ​เมือง​สุสา​เรื่อง​ทำลาย​ชาวยิว ให้​กับ​ฮาธาค​ด้วย เพื่อ​ฮาธาค​จะได้​นำ​ไป​ให้​เอสเธอร์​ดู และ​จะได้​อธิบาย​เรื่อง​ทั้งหมด​ให้​พระนาง​เข้าใจ โมรเดคัย​ได้​กำชับ​ให้​ฮาธาค​บอก​ให้​เอสเธอร์​ไป​เข้าเฝ้า​กษัตริย์ เพื่อ​วิงวอน​ขอ​ความ​เมตตา​จาก​กษัตริย์​ให้​กับ​โมรเดคัย​และ​คน​ของ​พระนาง​ด้วย ฮาธาค​จึง​กลับ​ไป​เล่า​ให้​เอสเธอร์​ฟัง​ถึง​ทุกสิ่ง​ทุกอย่าง​ที่​โมรเดคัย​บอก​เขา เอสเธอร์​จึง​บอก​กับ​ฮาธาค​ให้​ไป​บอก​กับ​โมรเดคัย​ว่า “เจ้าหน้าที่​ของ​กษัตริย์​ทุกคน และ​ประชาชน​ทั้งหลาย​ใน​มณฑล​ของ​กษัตริย์ ต่าง​ก็​รู้ดี​ว่า ถ้า​ชาย​หรือ​หญิง​คนใด​ไป​เข้าเฝ้า​กษัตริย์​ที่​ลาน​ชั้นใน โดย​ไม่มี​รับสั่ง​เรียก จะ​มี​โทษ​ถึง​ตาย ยกเว้น​แต่​ว่า​พระองค์​จะ​ยื่น​คทา​ทองคำ​ให้ คนนั้น​ถึง​จะ​รอด​ตาย แต่​พระองค์​ไม่ได้​เรียก​หา​ลูก​เป็น​เวลา​สามสิบ​วัน​แล้ว” เมื่อ​โมรเดคัย​ได้​ฟัง​ถึง​สิ่ง​ที่​เอสเธอร์​ส่ง​มา​บอก โมรเดคัย​ก็​ตอบ​กลับ​ไป​ว่า “เอสเธอร์​เอ๋ย ใน​พวกยิว​ทั้งหมด เธอ​คิดว่า​จะ​มี​แต่​เธอ​เท่านั้น​หรือ​ที่​รอด​เพราะ​อยู่​ใน​วัง ถ้า​ใน​ครั้งนี้ เธอ​ทำ​เป็น​นิ่งเฉย ความ​ช่วยเหลือ​และ​การ​ปลด​ปล่อย​ของ​พวก​ชาวยิว​ก็​จะ​มา​จาก​ที่อื่น แต่​เธอ​และ​ครอบครัว​ก็​จะ​พินาศ ใคร​จะ​ไปรู้ ที่​เธอ​ได้รับ​เลือก​เป็น​ราชินี ก็​อาจ​จะ​เพื่อ​เวลานี้​ก็ได้” จากนั้น​เอสเธอร์​ก็​ส่ง​คำตอบ​นี้​ไป​ยัง​โมรเดคัย​ว่า “ท่าน​โมรเดคัย ให้​ไป​รวบรวม​ชาวยิว​ทุกคน​ที่​อยู่​ใน​เมือง​สุสา ให้​ทุกคน​อด​อาหาร​เพื่อ​ลูก อย่า​ได้​กิน​อาหาร​และ​ดื่มน้ำ​เป็น​เวลา​สามวัน​สามคืน ตัว​ลูกเอง​และ​พวก​สาวใช้ ก็​จะ​อด​อาหาร​เหมือน​กัน และ​หลัง​จากนั้น ลูก​ก็​จะ​ไป​เข้าเฝ้า​กษัตริย์ แม้​จะ​ไม่ได้​ถูก​เรียก​และ​เป็น​การ​ฝ่าฝืน​กฎหมาย​ก็ตาม ตาย​เป็น​ตาย” โมรเดคัย​จึง​ข้าม​คลอง กลับ​ไป และ​ทำ​ตาม​ที่​เอสเธอร์​สั่ง​ทุกอย่าง

เอสเธอร์ 4:1-17 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

เมื่อโมรเดคัยทราบทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้ว โมรเดคัยก็ฉีกเสื้อผ้าของตน สวมผ้ากระสอบและซัดขี้เถ้าใส่ศีรษะของตน และออกไปร้องไห้เสียงดังอย่างขมขื่นที่กลางเมือง ท่านขึ้นไปอยู่ตรงทางเข้าประตูพระราชวัง เพราะผู้ที่สวมผ้ากระสอบจะเข้าประตูพระราชวังไม่ได้ และในทุกมณฑลที่พระบัญชาของกษัตริย์และกฤษฎีกาของพระองค์ไปถึง ก็มีความเศร้าโศกอย่างยิ่งท่ามกลางพวกยิว และมีการอดอาหาร การร้องไห้และคร่ำครวญ อีกทั้งหลายคนนอนบนผ้ากระสอบและขี้เถ้า เมื่อนางกำนัลและขันทีของพระนางเอสเธอร์มาทูลพระนาง พระราชินีก็ทรงเป็นทุกข์ยิ่งนัก พระนางทรงส่งเสื้อผ้าไปให้แก่โมรเดคัย เพื่อท่านจะได้ถอดผ้ากระสอบออกเสีย แต่ท่านไม่ยอมรับผ้านั้น แล้วพระนางเอสเธอร์มีรับสั่งเรียกฮาธาค (ขันทีคนหนึ่งของกษัตริย์ผู้ได้รับการแต่งตั้งให้ปรนนิบัติพระนาง) ให้ไปหาโมรเดคัยเพื่อจะทรงทราบว่า เกิดเรื่องอะไร และทำไมทำอย่างนั้น ฮาธาคก็ออกไปหาโมรเดคัยที่ลานกว้างในเมือง หน้าประตูพระราชวัง โมรเดคัยก็เล่าเรื่องทั้งสิ้นที่เกิดกับท่าน และจำนวนเงินที่ฮามานได้สัญญาถวายเข้าพระคลังหลวงเพื่อทำลายพวกยิว โมรเดคัยยังได้ให้สำเนาบันทึกกฤษฎีกาที่ออกในสุสา สั่งให้ทำลายพวกเขา เพื่อให้ฮาธาคนำไปแสดงต่อพระนางเอสเธอร์ และอธิบายเรื่องราวต่อพระนาง พร้อมกับกำชับให้พระนางเข้าเฝ้ากษัตริย์ เพื่อทูลอ้อนวอนพระองค์ และวิงวอนพระองค์เพื่อชนชาติของพระนาง ฮาธาคก็กลับไปทูลพระนางเอสเธอร์ ถึงสิ่งที่โมรเดคัยได้บอกนั้น แล้วพระนางเอสเธอร์ก็รับสั่งฮาธาคให้ส่งข่าวถึงโมรเดคัยว่า “ข้าราชการทั้งสิ้นของกษัตริย์ และประชาชนในมณฑลของกษัตริย์ทราบอยู่ว่า ถ้าชายหรือหญิงคนใดเข้าเฝ้ากษัตริย์ภายในพระลานชั้นในโดยไม่ได้ทรงเรียก ก็มีกฎหมายอยู่ข้อเดียวเหมือนกันหมด คือให้ลงโทษถึงตาย เว้นแต่ผู้ซึ่งกษัตริย์ยื่นพระคทาสุวรรณออกรับ คนนั้นจึงจะมีชีวิตอยู่ได้ ส่วนฉันเอง กษัตริย์ก็ไม่ได้ตรัสเรียกให้เข้าเฝ้ามาสามสิบวันแล้ว” เขาทั้งหลายก็มาบอกโมรเดคัยถึงสิ่งที่พระนางเอสเธอร์ตรัสนั้น โมรเดคัยจึงบอกเขาให้กลับไปทูลตอบพระนางเอสเธอร์ว่า “อย่าคิดว่าเธออยู่ในพระราชวังแล้วจะรอดพ้นได้ดีกว่าพวกยิวอื่นๆ เพราะถ้าเธอเงียบอยู่ในเวลานี้ ความช่วยเหลือและการช่วยกู้จะมาถึงพวกยิวจากที่อื่น แต่เธอและครัวเรือนบิดาของเธอจะพินาศ ที่จริงเธอมารับตำแหน่งราชินีก็เพื่อยามวิกฤตเช่นนี้ก็เป็นได้นะ ใครจะรู้” แล้วเอสเธอร์ตรัสกับเขาให้ไปบอกโมรเดคัยว่า “ไปเถิด ให้รวบรวมพวกยิวทั้งสิ้นที่หาพบในสุสา และถืออดอาหารเพื่อฉัน อย่ารับประทานและอย่าดื่มเป็นเวลาสามวัน ทั้งกลางวันและกลางคืน ฉันและสาวใช้ของฉันจะอดอาหารอย่างท่านด้วย แล้วฉันจะเข้าเฝ้ากษัตริย์แม้ว่าเป็นการฝืนกฎ ถ้าฉันพินาศ ฉันก็พินาศ” โมรเดคัยก็ไปทำทุกอย่างตามที่พระนางเอสเธอร์รับสั่งแก่ท่าน

เอสเธอร์ 4:1-17 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

เมื่อโมรเดคัยทราบทุกอย่างที่​ได้​กระทำไปแล้ว โมรเดคั​ยก​็ฉีกเสื้อของตนสวมผ้ากระสอบและใส่​ขี้เถ้า และออกไปกลางนคร คร่ำครวญด้วยเสียงดังอย่างขมขื่น ท่านขึ้นไปอยู่ตรงหน้าประตูของกษั​ตริ​ย์ เพราะไม่​มี​ผู้​ใดที่สวมผ้ากระสอบเข้าประตูของกษั​ตริ​ย์​ได้ และในทุกมณฑลที่พระบัญชาของกษั​ตริ​ย์และกฤษฎีกาของพระองค์ไปถึง ก็​มี​การไว้​ทุกข์​อย่างใหญ่หลวงท่ามกลางพวกยิว ด้วยการอดอาหาร ร้องไห้​และคร่ำครวญ และคนเป็​นอ​ันมากนอนในผ้ากระสอบและมี​ขี้เถ้า เมื่อสาวใช้และขั​นที​ของพระนางเอสเธอร์มาทูลพระนาง พระราชินี​ก็​เป็นทุกข์​ในพระทัยยิ่งนัก พระนางทรงส่งเสื้อผ้าไปให้​แก่​โมรเดคัย เพื่อท่านจะได้ถอดผ้ากระสอบของท่านออกเสีย แต่​ท่านไม่ยอมรับผ้านั้น แล​้วพระนางเอสเธอร์​มี​พระเสาวนีย์เรียกฮาธาคขั​นที​คนหนึ่งของกษั​ตริ​ย์ ผู้​ซึ่งพระองค์ทรงแต่งตั้งให้​ปรนนิบัติ พระนางตรั​สส​ั่งให้ไปหาโมรเดคัย เพื่อจะทรงทราบว่า เรื่องอะไร และทำอย่างนั้นทำไม ฮาธาคออกไปหาโมรเดคัยที่ถนนในนคร ข้างหน้าประตูของกษั​ตริ​ย์ โมรเดคั​ยก​็เล่าเรื่องทั้งสิ้​นที​่​เก​ิดแก่​ท่าน และจำนวนเงินถูกต้องที่ฮามานสัญญาถวายแก่พระคลังของกษั​ตริ​ย์เพื่อการทำลายพวกยิว โมรเดคัยยังได้​ให้​สำเนากฤษฎีกาเขียนที่ออกในสุสาสั่งให้ทำลายเขาทั้งหลายเพื่อนำไปแสดงแก่พระนางเอสเธอร์ อธิบายเรื่องให้​พระนาง และกำชับให้พระนางเข้าเฝ้ากษั​ตริ​ย์ เพื่อทูลอ้อนวอนพระองค์ และวิงวอนพระองค์เพื่อเห็นแก่​ชนชาติ​ของพระนาง ฮาธาคก็​กล​ับไปทูลพระนางเอสเธอร์ถึงสิ่งที่โมรเดคัยได้บอกไว้ แล​้วพระนางเอสเธอร์​ก็​บอกฮาธาคให้ส่งข่าวไปให้โมรเดคัยว่า “ข้าราชการของกษั​ตริ​ย์ทั้งสิ้นและประชาชนในบรรดามณฑลของกษั​ตริ​ย์ทราบอยู่​ว่า ถ้าชายหรือหญิงคนใดเข้าเฝ้ากษั​ตริ​ย์ภายในพระลานชั้นในโดยมิ​ได้​ทรงเรี​ยก ก็​มี​กฎหมายอยู่ข้อเดียวเหมือนกันหมด ให้​ลงโทษถึงตาย เว้นเสียแต่​ผู้​ซึ่งกษั​ตริ​ย์ยื่นธารพระกรทองคำออกรับคนนั้นจึงจะมี​ชี​วิตอยู่​ได้ ส่วนฉันกษั​ตริ​ย์​ก็​มิได้​ตรัสเรียกให้​เข​้าเฝ้ามาสามสิบวันแล้ว” เขาทั้งหลายก็มาบอกโมรเดคัยถึงสิ่งที่พระนางเอสเธอร์ตรั​สน​ั้น โมรเดคัยจึงบอกเขาให้​กล​ับไปทูลตอบพระนางเอสเธอร์​ว่า “อย่าคิดว่าเธออยู่ในราชสำนักจะรอดพ้นได้​ดี​กว่าพวกยิ​วท​ั้งปวง เพราะถ้าเธอเงียบอยู่​ในเวลานี้ ความช่วยเหลือและการช่วยให้พ้นจะมาถึงพวกยิวจากที่​อื่น แต่​เธอและวงศ์วานบิดาของเธอจะพินาศ ที่​จร​ิงเธอมารับตำแหน่งราชินี​ก็​เพื่อยามวิกฤตเช่นนี้​ก็​เป็นได้​นะ ใครจะรู้” แล​้วเอสเธอร์ตรัสบอกเขาให้ไปบอกโมรเดคัยว่า “ไปเถิด ให้​รวบรวมพวกยิ​วท​ั้งสิ้​นที​่หาพบในสุสา และถืออดอาหารเพื่อฉัน อย่ารับประทาน อย่าดื่มสามวันกลางคืนหรือกลางวัน ฉันและสาวใช้ของฉันจะอดอาหารอย่างท่านด้วย แล​้วฉันจะเข้าเฝ้ากษั​ตริ​ย์​แม้ว​่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ถ้าฉันพินาศ ฉั​นก​็​พินาศ​” โมรเดคั​ยก​็ไปกระทำทุกอย่างตามที่พระนางเอสเธอร์รับสั่งแก่​ท่าน

เอสเธอร์ 4:1-17 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

เมื่อโมรเดคัยทราบทุกอย่างที่ได้กระทำไปแล้ว ก็ฉีกเสื้อของตนสวมผ้ากระสอบและใส่ขี้เถ้า และออกไปกลางนคร คร่ำครวญด้วยเสียงดังอย่างขมขื่น ท่านขึ้นไปอยู่ที่ทางเข้าประตูของพระราชา เพราะไม่มีผู้ใดที่สวมผ้ากระสอบเข้าประตูของ พระราชาได้ และในทุกมณฑลที่พระบัญชาของพระราชา และกฤษฎีกาของพระองค์ไปถึง ก็มีการไว้ทุกข์อย่างใหญ่หลวงท่ามกลางพวกยิว ด้วยการอดอาหาร ร้องไห้และคร่ำครวญ และคนเป็นอันมากนอนในผ้ากระสอบและมีขี้เถ้า เมื่อสาวใช้และขันทีของพระนางเอสเธอร์มาทูลพระนาง พระราชินีก็เป็นทุกข์ในพระทัยยิ่งนัก พระนางทรงส่งเสื้อผ้าไปให้แก่โมรเดคัย เพื่อท่านจะได้ถอดผ้ากระสอบของท่านออกเสีย แต่ท่านไม่ยอมรับผ้านั้น แล้วพระนางเอสเธอร์มีพระเสาวนีย์เรียกฮาธาค ขันทีคนหนึ่งของพระราชา ผู้ซึ่งพระองค์ทรงแต่งตั้งให้ปรนนิบัติพระนาง ตรัสสั่งให้ไปหาโมรเดคัยเพื่อจะทรงทราบว่า เรื่องอะไร และทำอย่างนั้นทำไม ฮาธาคออกไป หาโมรเดคัยที่ลานกว้างกลางแจ้งที่ในนคร ข้างหน้าประตูของพระราชา โมรเดคัยก็เล่าเรื่องทั้งสิ้นที่เกิดแก่ท่าน และจำนวนเงินถูกต้องที่ฮามานสัญญาถวาย แก่พระคลังของพระราชาเพื่อการทำลายพวกยิว โมรเดคัยยังได้ให้สำเนากฤษฎีกาเขียนที่ ออกในสุสาสั่งให้ทำลายเขาทั้งหลายเพื่อนำไป แสดงแก่พระนางเอสเธอร์ อธิบายเรื่องให้พระนาง และกำชับให้พระนางเข้าเฝ้าพระราชา เพื่อทูลอ้อนวอนพระองค์ และวิงวอนพระองค์ เพื่อเห็นแก่ชนชาติของพระนาง ฮาธาค ก็กลับไปทูลพระนางเอสเธอร์ ถึงสิ่งที่โมรเดคัยได้บอกไว้ แล้วพระนางเอสเธอร์ก็บอกฮาธาค ให้ส่งข่าวไปให้โมรเดคัยว่า <<ข้าราชการของพระราชาทั้งสิ้น และประชาชนในบรรดามณฑลของพระราชาทราบอยู่ว่า ถ้าชายหรือหญิงคนใดเข้าเฝ้าพระราชาภายในพระลานชั้นในโดยมิได้ทรงเรียก ก็มีกฎหมายอยู่ข้อเดียวเหมือนกันหมด ให้ลงโทษถึงตาย เว้นเสียแต่ผู้ซึ่งพระราชายื่นพระคทาสุวรรณออกรับคนนั้นจึงจะมีชีวิตอยู่ได้ ส่วนฉันพระราชาก็มิได้ตรัสเรียกให้เข้าเฝ้า มาสามสิบวันแล้ว>> เขาทั้งหลายก็มาบอกโมรเดคัยถึงสิ่งที่ พระนางเอสเธอร์ตรัสนั้น โมรเดคัยจึงบอกเขาให้กลับไปทูลตอบ พระนางเอสเธอร์ว่า <<อย่าคิดว่าเธออยู่ในราชสำนักจะ รอดพ้นได้ดีกว่าพวกยิวอื่นๆ เพราะถ้าเธอเงียบอยู่ในเวลานี้ ความช่วยเหลือและการช่วยกู้จะมาถึงพวกยิวจากที่อื่น แต่เธอและครัวเรือนบิดาของเธอจะพินาศ ที่จริงเธอมารับตำแหน่งราชินีก็เพื่อ ยามวิกฤตเช่นนี้ก็เป็นได้นะ ใครจะรู้>> แล้วเอสเธอร์ตรัสบอกเขาให้ไปบอกโมรเดคัยว่า <<ไปเถิด ให้รวบรวมพวกยิวทั้งสิ้นที่หาพบในสุสา และถืออดอาหารเพื่อฉัน อย่ารับประทาน อย่าดื่มสามวัน กลางคืนหรือกลางวัน ฉันและสาวใช้ของฉันจะอดอาหารอย่างท่านด้วย แล้วฉันจะเข้าเฝ้าพระราชาแม้ว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ถ้าฉันพินาศ ฉันก็พินาศ>> โมรเดคัยก็ไปกระทำทุกอย่าง ตามที่พระนางเอสเธอร์รับสั่งแก่ท่าน

เอสเธอร์ 4:1-17 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

เมื่อโมรเดคัยรู้สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก็ฉีกเสื้อผ้า นุ่งห่มผ้ากระสอบ โปรยขี้เถ้าใส่ตัว และเข้าไปในตัวเมือง ร้องไห้เสียงดังอย่างรันทด แต่โมรเดคัยมาได้แค่ที่ประตูพระราชวังเท่านั้น เพราะผู้สวมเสื้อผ้ากระสอบจะไม่ได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าไป ชาวยิวทั้งหลายในทุกมณฑลซึ่งพระราชโองการของกษัตริย์ไปถึงก็ทุกข์โศกแสนสาหัส พวกเขาอดอาหาร ร้องไห้คร่ำครวญ หลายคนนุ่งห่มผ้ากระสอบและนอนบนกองขี้เถ้า เมื่อนางกำนัลและขันทีของเอสเธอร์มาทูลเรื่องโมรเดคัย พระนางก็ทรงทุกข์โศกยิ่งนัก จึงประทานเสื้อผ้าไปให้โมรเดคัยผลัดเปลี่ยนแทนผ้ากระสอบ แต่เขาไม่ยอมรับเสื้อผ้าเหล่านั้น เอสเธอร์จึงให้ตามตัวขันทีฮาธาคซึ่งมีหน้าที่รับใช้พระนางและบัญชาให้เขาออกไปพบโมรเดคัยเพื่อไต่ถามถึงสาเหตุและความทุกข์ร้อนของเขา ฮาธาคจึงออกไปพบโมรเดคัยที่ลานเมืองหน้าประตูพระราชวัง โมรเดคัยเล่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้น รวมทั้งเรื่องจำนวนเงินที่ฮามานสัญญาจะมอบเข้าพระคลังหลวงเพื่อการทำลายล้างชาวยิว โมรเดคัยยังมอบสำเนาพระราชโองการที่ประกาศในป้อมเมืองสุสาให้ทำลายล้างชาวยิวแก่ฮาธาค กำชับให้นำไปมอบแด่เอสเธอร์และให้ทูลความเป็นไป พร้อมทั้งให้ฮาธาคเร่งพระนางให้เสด็จไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ เพื่อทูลวิงวอนสำหรับพี่น้องร่วมชาติของพระนาง ฮาธาคนำความจากโมรเดคัยกลับไปทูลเอสเธอร์ เอสเธอร์สั่งเขาให้กลับมาบอกโมรเดคัยว่า “ข้าราชบริพารและประชาชนทั้งปวงย่อมรู้กฎดีว่า ผู้ใดก็ตามไม่ว่าชายหรือหญิงที่ล่วงล้ำเข้าไปในพระราชฐานชั้นในโดยไม่มีหมายเรียกให้เข้าเฝ้าย่อมมีโทษถึงตาย เว้นแต่กษัตริย์จะทรงยื่นคทาทองคำออกมาโปรด กษัตริย์ไม่ได้ตรัสเรียกข้าพเจ้าเข้าเฝ้ามากว่าสามสิบวันแล้ว” เมื่อมีคนนำคำตรัสของเอสเธอร์มาบอกกับโมรเดคัย โมรเดคัยตอบกลับมาว่า “อย่าคิดว่าเจ้าอยู่ในราชวังนี้แล้วจะเป็นชาวยิวคนเดียวที่รอดพ้นไปได้ หากเจ้านิ่งเงียบอยู่ในยามนี้ การกอบกู้และปลดปล่อยชาวยิวจะมาจากแหล่งอื่น ส่วนเจ้ากับครอบครัวของบิดาของเจ้าจะพินาศ บางทีที่เจ้ามารับตำแหน่งราชินีก็เพื่อยามคับขันนี้ก็เป็นได้ ใครจะรู้?” แล้วเอสเธอร์จึงให้คนมาบอกโมรเดคัยว่า “ขอให้ท่านรวบรวมชาวยิวทั้งหมดในป้อมเมืองสุสาให้ถืออดอาหารเพื่อข้าพเจ้า อย่ากินหรือดื่มอะไรตลอดสามวันสามคืน ข้าพเจ้ากับเหล่านางกำนัลก็จะถืออดอาหารเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นข้าพเจ้าจะไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ แม้ขัดกับกฎหมายก็ตามที ถ้าข้าพเจ้าต้องพินาศ ข้าพเจ้าก็ยอม” ดังนั้นโมรเดคัยจึงไปทำตามที่เอสเธอร์รับสั่ง

เอสเธอร์ 4:1-17 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

เมื่อ​โมร์เดคัย​ทราบ​ถึง​สิ่ง​ที่​เกิด​ขึ้น เขา​จึง​ฉีก​เสื้อ​ของ​ตน และ​สวม​ผ้า​กระสอบ​และ​เท​ขี้เถ้า​ลง​บน​ศีรษะ​ของ​ตน เขา​เดิน​เข้า​ไป​ใน​เมือง และ​ร้อง​เสียง​ดัง​อย่าง​ขมขื่น เขา​ขึ้น​ไป​ยืน​ที่​ทาง​เข้า​ประตู​ราชวัง ไม่​มี​ผู้​ใด​ที่​สวม​ผ้า​กระสอบ​ได้​รับ​อนุญาต​เข้า​ทาง​ประตู​ราชวัง เมื่อ​ชาว​ยิว​ใน​ทุก​แคว้น​ได้​รับ​คำ​บัญชา​และ​กฤษฎีกา​ของ​กษัตริย์ พวก​เขา​ก็​เศร้า​โศก​ยิ่ง​นัก จึง​มี​การ​อด​อาหาร ร้องไห้​และ​ร้อง​คร่ำครวญ หลาย​คน​สวม​ผ้า​กระสอบ​นอน​บน​ขี้เถ้า เมื่อ​บรรดา​หญิง​สาว​และ​ขันที​ของ​เอสเธอร์​มา​แจ้ง​ข่าว​ให้​เธอ​ทราบ ราชินี​ก็​เป็น​ทุกข์​ยิ่ง​นัก เธอ​ให้​นำ​เสื้อ​ผ้า​ไป​ให้​โมร์เดคัย เพื่อ​ให้​เขา​สวม​แทน​ผ้า​กระสอบ แต่​เขา​ปฏิเสธ เอสเธอร์​จึง​เรียก​ตัว​ฮาธาค​ขันที​คน​หนึ่ง​ที่​ได้​รับ​การ​แต่ง​ตั้ง​จาก​กษัตริย์​ให้​รับใช้​เธอ เอสเธอร์​สั่ง​เขา​ให้​ไป​หา​โมร์เดคัย เพื่อ​ดู​ว่า​เกิด​เรื่อง​อะไร​และ​สาเหตุ​ของ​เรื่อง​นั้น​คือ​อะไร ฮาธาค​ไป​หา​โมร์เดคัย​ที่​ลาน​เมือง​ตรง​หน้า​ประตู​ราชวัง และ​โมร์เดคัย​บอก​ฮาธาค​ทุก​อย่าง​ว่า​ได้​เกิด​อะไร​ขึ้น​กับ​เขา รวม​ทั้ง​เรื่อง​เงิน​ที่​ฮามาน​สัญญา​ว่า​จะ​จ่าย​ให้​คลัง​ของ​กษัตริย์​เพื่อ​ใช้​ใน​การ​กำจัด​ชาว​ยิว โมร์เดคัย​ได้​ให้​สำเนา​กฤษฎีกา​ที่​ประกาศ​ใน​สุสา​ที่​จะ​กวาด​ล้าง​พวก​เขา เขา​จะ​ได้​ให้​เอสเธอร์​ดู และ​รายงาน​ให้​เธอ​ทราบ และ​สั่ง​เขา​ให้​ขอ​เธอ​เข้า​เฝ้า​กษัตริย์ เพื่อ​อ้อนวอน​ขอ​ความ​กรุณา​จาก​ท่าน ใน​นาม​ของ​ประชาชน​ของ​เธอ แล้ว​ฮาธาค​ก็​ไป​เล่า​ให้​เอสเธอร์​ฟัง​ว่า โมร์เดคัย​ได้​พูด​สิ่ง​ใด​บ้าง เอสเธอร์​กล่าว​กับ​ฮาธาค และ​สั่ง​เขา​ให้​ไป​หา​โมร์เดคัย เพื่อ​บอก​เขา​ดัง​นี้​ว่า “เป็น​ที่​รู้​กัน​ใน​บรรดา​เจ้าหน้าที่​ของ​กษัตริย์​และ​ประชาชน​ใน​แคว้น​ต่างๆ ของ​กษัตริย์​ว่า หาก​ชาย​หรือ​หญิง​คน​ใด​เข้า​ไป​เฝ้า​กษัตริย์​ที่​ตำหนัก​ชั้น​ใน โดย​ไม่​มี​รับสั่ง​มา​ก่อน จะ​ต้อง​ถูก​ประหาร​ตาม​กฎ​นี้​เท่า​นั้น ยกเว้น​ว่า​กษัตริย์​ยื่น​คทา​ทอง​ไป​ทาง​คน​นั้น เขา​ก็​จะ​รอด​ชีวิต ส่วน​ตัว​ฉัน​เอง 30 วัน​ที่​ผ่าน​มา​ก็​ยัง​ไม่​มี​รับสั่ง​ให้​ไป​เข้า​เฝ้า​เลย” เมื่อ​โมร์เดคัย​รับ​ทราบ​สิ่ง​ที่​เอสเธอร์​แจ้ง​แล้ว เขา​ตอบ​เอสเธอร์​ว่า “อย่า​คิด​ใน​ใจ​ว่า การ​ที่​เธอ​อาศัย​อยู่​ใน​ราชวัง เธอ​จะ​หนี​ความ​ตาย​ได้​มาก​กว่า​ชาว​ยิว​คน​อื่นๆ เพราะ​หาก​เวลา​นี้​เธอ​เงียบ​เฉย การ​บรรเทา​ทุกข์​และ​ความ​อยู่​รอด​ของ​ชาว​ยิว​จะ​มา​จาก​ที่​อื่น แต่​เธอ​และ​ตระกูล​ของ​เธอ​จะ​พินาศ​ไป เธอ​ได้​มา​รับ​ตำแหน่ง​ราชินี​เพื่อ​วิกฤต​กาล​เช่น​นี้​ก็​เป็น​ได้ ใคร​จะ​ไป​รู้” เอสเธอร์​ให้​นำ​คำ​ตอบ​กลับ​ไป​บอก​โมร์เดคัย​ว่า “ไป​เถิด ขอ​ให้​รวบ​รวม​ชาว​ยิว​ทั้ง​หมด​ที่​อยู่​ใน​สุสา ให้​อด​อาหาร​เพื่อ​ฉัน อย่า​รับ​ประทาน​หรือ​ดื่ม​อะไร 3 วัน ทั้ง​กลาง​วัน​และ​กลาง​คืน บรรดา​หญิง​สาว​และ​ตัว​ฉัน​ก็​จะ​อด​อาหาร​อย่าง​ท่าน​ด้วย แล้ว​ฉัน​จะ​ไป​เข้า​เฝ้า​กษัตริย์ แม้​ว่า​จะ​ผิด​กฎ ถึง​ฉัน​จะ​ตาย ฉัน​ก็​ยอม” โมร์เดคัย​จึง​ไป​ทำ​ทุก​สิ่ง​ตาม​ที่​เอสเธอร์​สั่ง​ให้​เขา​ทำ