14
ความเข้าใจเรื่องการนมัสการ
1จงดำเนินตามวิถีแห่งความรักและกระตือรือร้นใฝ่หาของประทานฝ่ายวิญญาณโดยเฉพาะการเผยพระวจนะ 2เพราะคนที่พูดภาษาแปลกๆ#14:2 หรือ อีกภาษาหนึ่ง เช่นเดียวกับข้อ 4,13,14,19,26 และ 27 ไม่ได้พูดกับมนุษย์ แต่พูดกับพระเจ้า อันที่จริงไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่เขาพูด เพราะเขาพูดข้อความล้ำลึกโดยพระวิญญาณ 3แต่คนที่เผยพระวจนะก็พูดกับผู้คนเพื่อทำให้พวกเขาเข้มแข็งขึ้น เพื่อให้กำลังใจและปลอบโยน 4คนที่พูดภาษาแปลกๆ เสริมสร้างตัวเอง แต่คนที่เผยพระวจนะเสริมสร้างคริสตจักร 5ข้าพเจ้าอยากให้ท่านทุกคนพูดภาษาแปลกๆ#14:5 หรือ ภาษาอื่นๆ เช่นเดียวกับข้อ 6,18,22,23 และ 39 ได้ แต่ยิ่งกว่านั้นข้าพเจ้าอยากให้เผยพระวจนะได้ คนที่เผยพระวจนะก็ยิ่งใหญ่กว่าคนที่พูดภาษาแปลกๆ เว้นแต่เขาแปลภาษานั้นๆ ได้ เพื่อคริสตจักรจะได้รับการเสริมสร้าง
6พี่น้องทั้งหลาย หากข้าพเจ้ามาหาท่านและพูดภาษาแปลกๆ แล้วข้าพเจ้าจะเป็นประโยชน์อะไรแก่ท่าน เว้นแต่จะนำการเปิดเผยหรือความรู้ การเผยพระวจนะ หรือถ้อยคำเตือนสอนมาให้ 7แม้แต่สิ่งที่ไม่มีชีวิตก็เปล่งเสียงได้ เช่นขลุ่ยหรือพิณ ใครจะรู้ทำนองเพลงได้หากไม่เล่นตามโน้ตให้ชัดเจน 8และถ้าแตรศึกเป่าเรียกไม่ชัดเจน ใครจะพร้อมออกรบ 9พวกท่านก็เช่นกัน หากพูดด้วยถ้อยคำที่คนไม่เข้าใจ ใครจะรู้ว่าท่านกำลังพูดอะไร คำพูดของท่านก็จะลอยหายไปในอากาศ 10ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในโลกมีหลายภาษา แต่ไม่มีภาษาใดที่ปราศจากความหมาย 11ถ้าข้าพเจ้าไม่เข้าใจความหมายสิ่งที่คนหนึ่งพูด ข้าพเจ้ากับคนนั้นก็พูดต่างภาษากัน 12พวกท่านก็เช่นกัน ในเมื่อท่านใฝ่หาของประทานฝ่ายวิญญาณ ก็จงพยายามเป็นเลิศในของประทานซึ่งเสริมสร้างคริสตจักร
13ด้วยเหตุนี้ ใครพูดภาษาแปลกๆ ได้ ก็ควรอธิษฐานขอให้เขาแปลสิ่งที่พูดได้ด้วย 14เพราะถ้าข้าพเจ้าอธิษฐานด้วยภาษาแปลกๆ จิตวิญญาณของข้าพเจ้าอธิษฐาน แต่ไม่มีผลต่อความคิดของข้าพเจ้า 15ดังนั้นข้าพเจ้าควรทำอย่างไร ข้าพเจ้าจะอธิษฐานด้วยจิตวิญญาณ แต่ก็จะอธิษฐานด้วยความเข้าใจเช่นกัน ข้าพเจ้าจะร้องเพลงด้วยจิตวิญญาณ แต่ก็จะร้องเพลงด้วยความเข้าใจเช่นกัน 16ถ้าพวกท่านสรรเสริญพระเจ้าในพระวิญญาณ แล้วคนที่ไม่เข้าใจ#14:16 คำภาษากรีกสำหรับ คนที่ไม่เข้าใจ เป็นคำศัพท์เฉพาะที่ใช้กับคนที่ยังไม่เข้าสู่ศาสนาอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับข้อ 23 และ 24จะกล่าว “อาเมน” ตอบรับการขอบคุณพระเจ้าของท่านได้อย่างไร ในเมื่อเขาไม่รู้ว่าท่านพูดอะไร 17ท่านอาจขอบคุณพระเจ้าได้ดี แต่ไม่ได้เสริมสร้างคนอื่น
18ข้าพเจ้าขอบคุณพระเจ้าที่พูดภาษาแปลกๆ ได้มากกว่าพวกท่านทุกคน 19แต่ในคริสตจักรข้าพเจ้าขอพูดแค่ห้าคำที่เข้าใจได้เพื่อสอนคนอื่น ดีกว่าพูดหมื่นคำเป็นภาษาแปลกๆ
20พี่น้องทั้งหลาย เลิกคิดแบบเด็กๆ ได้แล้ว ในเรื่องความชั่วจงเป็นทารก แต่ในด้านความคิดจงเป็นผู้ใหญ่ 21ตามที่มีเขียนไว้ในกฎบัญญัติว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า
“เราจะพูดกับชนชาตินี้
ผ่านทางคนต่างภาษา
ผ่านริมฝีปากของคนต่างชาติ
แต่กระนั้นเขาก็ยังจะไม่ฟังเรา”#14:21 อสย.28:11,12
22ดังนั้นการพูดภาษาแปลกๆ จึงเป็นหมายสำคัญสำหรับคนที่ไม่เชื่อ ไม่ใช่ผู้เชื่อ แต่การเผยพระวจนะนั้นสำหรับผู้เชื่อไม่ใช่คนที่ไม่เชื่อ 23ด้วยเหตุนี้หากทั้งคริสตจักรมาประชุมกันและทุกคนพูดภาษาแปลกๆ แล้ว คนที่ไม่เข้าใจ หรือคนที่ไม่เชื่อเข้ามา จะไม่หาว่าท่านเสียสติไปหรือ 24แต่ถ้าหากคนที่ไม่เชื่อหรือคนที่ไม่เข้าใจเข้ามาขณะที่ทุกคนกำลังเผยพระวจนะ พวกเขาก็จะสำนึกได้ว่าพวกเขาเป็นคนบาปและตกอยู่ภายใต้การพิพากษา 25และความลับต่างๆ ในใจเขาจะถูกเปิดเผย ดังนั้นเขาจะกราบลงนมัสการพระเจ้าและร้องว่า “พระเจ้าอยู่ท่ามกลางพวกท่านจริงๆ”
การนมัสการอย่างมีระเบียบ
26พี่น้องทั้งหลาย แล้วเราจะพูดอะไร เมื่อพวกท่านมาประชุมกัน แต่ละคนมีเพลงสดุดี หรือคำเตือนสอน การเปิดเผย ภาษาแปลกๆ หรือการแปลภาษาแปลกๆ ทั้งหมดนี้ต้องทำเพื่อให้คริสตจักรเข้มแข็งขึ้น 27หากใครจะพูดภาษาแปลกๆ จงพูดแค่สองคนหรืออย่างมากที่สุดสามคน โดยพูดทีละคนและต้องมีคนแปล 28หากไม่มีคนแปล ผู้พูดควรอยู่เงียบๆ ในคริสตจักร พูดกับตัวเองและกับพระเจ้า
29ส่วนคนที่เผยพระวจนะควรพูดสักสองหรือสามคน และให้คนอื่นๆ ไตร่ตรองสิ่งที่เขาพูดให้ดี 30หากมีการเปิดเผยแก่บางคนที่นั่งอยู่ ให้ผู้พูดคนแรกนิ่งก่อน 31เพราะว่าพวกท่านทั้งหมดจะได้เผยพระวจนะทีละคน เพื่อให้ทุกคนได้รับคำสอนและกำลังใจ 32วิญญาณของผู้เผยพระวจนะย่อมอยู่ในการควบคุมของผู้เผยพระวจนะ 33เพราะพระเจ้าไม่ใช่พระเจ้าแห่งความวุ่นวาย แต่เป็นพระเจ้าแห่งความสงบสุข ตามที่ปฏิบัติกันในที่ประชุมท่ามกลางคนขององค์พระผู้เป็นเจ้า
34ผู้หญิงควรนิ่งเงียบในคริสตจักร พวกเธอไม่ได้รับอนุญาตให้พูด แต่ต้องยอมทำตามที่กฎบัญญัติกล่าวไว้ 35ถ้าอยากถามเรื่องใด ควรถามสามีที่บ้าน เป็นเรื่องน่าอายที่ผู้หญิงจะพูดขึ้นมาในคริสตจักร#14:34,35 ฉบับสำเนาบางฉบับวางข้อนี้ไว้หลังข้อ 40
36พระวจนะของพระเจ้าเกิดมาจากพวกท่านหรือ พระวจนะมีมาถึงท่านพวกเดียวหรือ 37ถ้าใครคิดว่าตนเป็นผู้เผยพระวจนะหรือมีของประทานโดยพระวิญญาณ ก็ให้เขายอมรับว่าข้อความที่ข้าพเจ้าเขียนมานี้ เป็นพระบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า 38ถ้าเขาละเลยเรื่องนี้ ตัวเขาเองจะถูกละเลย#14:38 ฉบับสำเนาบางฉบับว่า ถ้าเขาไม่รู้เรื่องนี้ก็ปล่อยให้เขาไม่รู้
39เหตุฉะนั้นพี่น้องทั้งหลาย จงกระตือรือร้นในการเผยพระวจนะ และอย่าห้ามการพูดภาษาแปลกๆ 40แต่ควรทำทุกสิ่งอย่างเหมาะสมและเป็นระเบียบ