พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลနမူနာ

ไม่มีคำว่าสาย
ผมคิดว่าตัวเองยังเป็นหนุ่มอยู่ เมื่อไม่นานมานี้ผมได้ยินว่าวัยกลางคนเริ่มจากอายุ 35 ปีถึง 58 ปี ด้วยมาตรฐานนี้ไม่ใช่แค่เพียงผมไม่ใช่คนหนุ่ม แต่ผมก็ไม่อยู่ในวัยกลางคนด้วย ผู้คนมักพูดถึงคนในวัยกลางคนว่าเป็นช่วงเวลา ‘วิกฤตวัยกลางคน’ วิกฤตวัยกลางคนเกิดจากอายุที่มากขึ้น หรือการเพิ่มขึ้นของอายุที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลง ปัญหา หรือความเศร้าใจในการทำงาน อาชีพ ความสัมพันธ์ ลูก ๆ และการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายที่เกี่ยวข้องกับความชรา แต่ละคนที่ประสบกับวิกฤตวัยกลางคนมักเป็นคนที่กำลังค้นหาความฝันหรือเป้าหมาย เราอาจรู้สึกผิดเป็นอย่างมากต่อเป้าหมายที่ยังทำไม่สำเร็จ เราอาจหวาดกลัวความอัปยศท่ามกลางเพื่อนฝูงที่ประสบความสำเร็จ เรามักปรารถนาที่จะรู้สึกอ่อนเยาว์ สาเหตุของสิ่งเหล่านี้คือความรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไป มักจะมีความคิดที่น่าเศร้าสลดในช่วงวิกฤตวัยกลางคน เมื่อแต่ละคนนั้นตระหนักถึงความว่างเปล่าของสิ่งที่พวกเขาเคยดิ้นรนเพื่อหามา (แม้ว่าสิ่งที่พวกเขาจะนำมาแทนที่นั้นก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ชาญฉลาดเสมอไป) ผมมักจะสงสัยว่าศักเคียสผู้ที่เราได้อ่านในข้อพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ในวันนี้จะกำลังผ่านช่วงวิกฤตวัยกลางคนหรือไม่ แต่ไม่ว่าเขาจะผ่านหรือไม่ผ่านช่วงเวลานั้น เขาก็ได้ค้นพบคำตอบที่ผู้คนมากมายกำลังค้นหาในการเผชิญหน้าของเขากับพระเยซู ไม่ว่าจะนานมากเท่าไรที่คุณได้เดินไปในทางที่ผิด คุณก็สามารถหันกลับมาได้เสมอ โดยพระเยซูไม่มีคำว่าสายที่จะเริ่มต้นใหม่และมั่นใจได้ว่าชีวิตของคุณจะอยู่ในทางที่ถูกต้องสุภาษิต 10:1-10
ใช้ ‘บททดสอบเก้าอี้โยก’
นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งผู้เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นคนที่ซื่อสัตย์มาก เขาได้บอกกับผมว่าเขาใช้ ‘บททดสอบเก้าอี้โยก’ ในการตัดสินใจทั้งสิ้นของเขา เขาวาดภาพตนเองว่าวันหนึ่งในช่วงเวลาเกษียณ เขานั่งอยู่บนเก้าอี้โยกและมองย้อนกลับไปถึงการตัดสินใจที่เขาได้ทำไป สิ่งไหนบ้างที่เขาจะตัดสินใจนั้นเป็นการตัดสินใจที่ดีและสิ่งไหนบ้างที่เขาจะตัดสินใจนั้นเป็นการตัดสินใจที่ไม่ดี? เขาต้องการที่จะแน่ใจว่าการตัดสินใจของเขาในตอนนี้เขาจะไม่รู้สึกเสียใจในภายหลัง
พระธรรมตอนนี้แสดงให้เราเห็นถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เราควรหลีกเลี่ยง เช่น การมุ่งร้าย (ข้อ 10) การพูดนินทาแบบโง่ ๆ (ข้อ 8, 10) และความเกียจคร้าน (ข้อ 4)
ความซื่อตรงและความซื่อสัตย์เป็นกุญแจสำคัญในการดำเนินชีวิตที่ปราศจากความเสียใจ ‘ทรัพย์ที่ได้มาอย่างอธรรมไม่เป็นประโยชน์ ชีวิตที่ซื่อสัตย์นั้นชั่วนิรันดร์’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘ชีวิตที่ดีและซื่อสัตย์เป็นอนุสรณ์แห่งพระพร ชีวิตที่ชั่วร้ายทิ้งกลิ่นเน่าเหม็น’ (ข้อ 7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ถ้าคุณดำเนินชีวิตอย่างซื่อตรงและซื่อสัตย์คุณจะ ‘มั่นใจและไร้กังวล’ (ข้อ 9ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) แต่คนที่ไม่ซื่อสัตย์จะถูกจับได้: ‘คนที่มีเล่ห์เหลี่ยมก็จะถูกเปิดโปง” (ข้อ 9ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ข้าแต่พระเจ้า ขอโปรดทรงช่วยข้าพระองค์ในวันนี้ที่จะให้ข้าพระองค์เป็นคนที่ฉลาดและชอบธรรม (ข้อ 3, 7) ให้ข้าพระองค์หลีกเลี่ยงการอาฆาตมาดร้าย (ข้อ 10) และหลีกเลี่ยงการพูดนินทาแบบโง่ ๆ (ข้อ 8, 10) ให้ข้าพระองค์ดำเนินชีวิตที่ขยันขันแข็ง (ข้อ 4) ซื่อตรง และซื่อสัตย์ (ข้อ 9)
ลูกา 18:31-19:10
กำหนดชีวิตของคุณไปในทิศทางที่ถูกต้อง
พระเยซูเสด็จมาเพื่อทำให้ชีวิตของเราได้รับการไถ่ และเปลี่ยนแปลง
พระองค์ทรงพาสาวกสิบสองคนออกไป (18:31) และทรงอธิบายว่าจุดประสงค์ที่พระองค์เสด็จมานั้นจะเกี่ยวข้องกับการถูกเยาะเย้ย ถูกกระทำหยาบคาย ถูกถ่มน้ำลายรด ถูกเฆี่ยนตี และถูกฆ่า (ข้อ 32) แต่ ‘ในวันที่สามท่านจะเป็นขึ้นมาใหม่’ (ข้อ 33) เป็นการตรึงกางเขนและการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูซึ่งให้ความหวังกับมนุษย์ทุกคน
ชายตาบอดเป็นตัวอย่างของคนที่ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิงจากการได้พบกับพระเยซู ชายผู้ที่ชีวิตของเขาจบลงด้วยการนั่งขอทานอยู่ริมทางได้เปลี่ยนแปลงไปเมื่อเขาร้องขอความเมตตา พระเยซูตรัสกับเขาว่า ‘“จงเห็นเถิด ความเชื่อของท่านได้ช่วยและรักษาให้ท่านหายแล้ว!” ทันใดนั้นเขาก็เห็นได้ เขาจึงเงยหน้าขึ้นและมองเห็น และตามพระเยซูไปพร้อมกับถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า’ (ข้อ 42-43ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
จากนั้น ศักเคียสได้พบกับพระเยซู ศักเคียสอาจจะไม่ใช่คนหนุ่มแล้ว ในฐานะที่เขาเป็น ‘นายด่านภาษี’ เขาได้มาถึงจุดสูงสุดของอาชีพของเขา (19:2) อย่างน้อยเขาก็ยังสามารถวิ่งและปีนต้นไม้ได้ (ข้อ 4) แต่เขาก็ไม่ดูเด็กลงแต่อย่างใด เขาเป็นคนมั่งมี (ข้อ 2) และงานของเขาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขา ในฐานะที่เป็นนายด่านภาษี ศักเคียสอาจมีผู้คนมากมายทำงานอยู่ภายใต้เขา
เขาอาจได้เลื่อนตำแหน่งหลายครั้ง และสามารถมองย้อนกลับไปด้วยความพึงพอใจกับความสำเร็จของเขา แต่ในฐานะคนเก็บภาษีราคาที่เขาต้องจ่ายสำหรับงานนี้คือการถูกคว่ำบาตรและการไม่เป็นที่ชื่นชอบ คนที่อยู่ในสถานการณ์แบบศักเคียสมักจะไม่พอใจกับงานและรู้สึกว่าติดอยู่ในกับดักของชีวิตที่พวกเขาเลือก
เขาน่าจะมีครอบครัว และเราได้อ่านถึง ‘บ้าน’ ของเขา (ข้อ 9) บางทีเขาอาจทำงานอย่างหนักเพื่อครอบครัว วิกฤตวัยกลางคนสามารถส่งผลร้ายต่อชีวิตครอบครัวของเขา คนที่อยู่ในวิกฤตวัยกลางคนอาจจะฉุนเฉียว สิ้นหวังและไม่พอใจคนที่อยู่ใกล้ชิดพวกเขา โดยรู้สึกว่าไม่ว่าพวกเขาจะทำงานอย่างหนักมากแค่ไหน แต่ครอบครัวก็ยังต้องการมากกว่าที่พวกเขาสามารถหามาได้
ศักเคียสมาจากครอบครัวที่เคร่งครัดทางความเชื่อ พ่อแม่ของเขาเรียกเขาว่าศักเคียส ‘ผู้ชอบธรรม’ แต่ตอนนี้ผู้คนที่เคร่งครัดทางความเชื่อมองว่าเขาเป็น ‘คนบาป’ (ข้อ 7) เพราะเขาเป็นคนเก็บภาษีจากประชาชนของเขาเองเพื่อมอบให้ชาวโรมันและเอาเงินจำนวนมากไปเป็นของตนเอง
แต่ถึงกระนั้น ‘เขาพยายามจะดูว่าพระเยซูเป็นใคร’ (ข้อ 3) เขาต้องตระหนักดีว่าเขามีความต้องการ นอกจากสิ่งของทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ความสำเร็จ ครอบครัว และ ‘ความเชื่อ’ แต่เขายังคงรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ขาดหายไป ศักเคียสต้องการที่จะดูพระเยซูโดยไม่ให้พระเยซูเห็นเขา (ข้อ 4)
ผู้คนต่างรู้สึกว่าเป็นเพราะความบาปและความไม่สมบูรณ์แบบของพวกเขา พระเจ้าจึงทรงหันหน้าหนีไปจากพวกเขา แต่พระเจ้าทรงรักคนที่ไม่สมบูรณ์แบบ และแทนที่พระองค์จะหันหลังให้คุณ แต่พระองค์ทรงหันมาหาคุณ
ศักเคียสไม่รู้ว่าเขาไม่สามารถซ่อนตัวจากพระเจ้า พระเยซูทรงรู้จักเขาและพระองค์ทรงรู้แม้แต่ชื่อของเขา ศักเคียสไม่รู้ว่าพระเยซูทรงรักเขาและต้องการที่จะรู้จักเขา (ข้อ 5) ไม่ว่าอะไรที่คุณได้ทำลงไปในชีวิตคุณ และไม่ว่าคุณจะไม่สมบูรณ์แบบมากเพียงใด แต่พระเยซูทรงรักคุณและต้องการที่จะอยู่ในความสัมพันธ์กับคุณ แต่พระองค์ทรงต้องการการตอบสนอง ในช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นของการเผชิญหน้า พระเยซูตรัสว่า ‘จงรีบลงมา’ (ข้อ 5)
ศักเคียสถ่อมตนและเชื่อฟังพระเยซู เขาไม่รอช้า เขาก็ ‘รีบลงมาต้อนรับพระองค์ด้วยความชื่นชมยินดี’ (ข้อ 6) พระเยซูทรงไม่ล่าถอยเพราะการตอบสนองในเชิงลบของฝูงชน (ข้อ 7)
ผลที่ได้ก็คือการเปลี่ยนแปลงชีวิตของศักเคียสโดยสิ้นเชิง (ข้อ 8 เป็นต้นไป) เขาตัดสินใจว่า ‘ทรัพย์สิ่งของของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ยอมให้คนยากจนครึ่งหนึ่ง และถ้าข้าพระองค์โกงอะไรของใครมา ก็ยอมคืนให้เขาสี่เท่า’ (ข้อ 8) ท่าทีของเขาที่มีต่อทรัพย์สิ่งของต่าง ๆ เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เราไม่ควรตั้งคำถามกับตัวเองว่า ‘เราจะสามารถหามาได้มากเท่าไร?’ แต่เราควรถามว่า ‘เราจะสามารถให้ผู้อื่นได้มากเท่าไร?’ (ข้อ 8)
ครอบครัวของเขาทั้งหมดได้เปลี่ยนแปลงไป พระเยซูตรัสกับเขาว่า ‘วันนี้ความรอดมาถึงบ้านนี้แล้ว’ (ข้อ 9) ความรอดมาถึงครอบครัวของเขาเมื่อพระเยซูเสด็จมาถึง ความรอด หมายถึง อิสรภาพ ซึ่งหมายถึงความสัมพันธ์กับพระเยซูที่ดำเนินต่อไปเป็นนิตย์
ท้ายที่สุดคุณก็เหมือนกับศักเคียสที่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของพระเจ้า การเปลี่ยนแปลงของศักเคียสและครอบครัวก่อให้เกิดประโยชน์ต่อคนยากจนและเกิดความยุติธรรมสำหรับคนที่ถูกโกง การตัดสินใจครั้งสำคัญของเขาที่จะติดตามพระเยซูนั้นผ่านบททดสอบเก้าอี้โยกอย่างแน่นอน
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์ทรงรักข้าพระองค์ และที่พระองค์มักจะใช้วิกฤตเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตของข้าพระองค์ให้ดีขึ้น ขอโปรดทรงช่วยให้ข้าพระองค์ได้พบกับพระองค์ใหม่ในวันนี้
เฉลยธรรมบัญญัติ 29:1-30:10
ดำเนินชีวิตด้วยความทุ่มเทใจ
เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้นั่งทานอาหารกลางวันถัดจากหญิงวัย 86 ปีคนหนึ่ง เธอนั่งอยู่ในรถเข็น ในไม่ช้าผมได้ตระหนักว่าถึงแม้ร่างกายของเธอจะบกพร่อง แต่หัวใจของเธอไม่เป็นเช่นนั้น เธอหยิบยกประเด็นทางความเชื่อที่ยากมากขึ้นมา เมื่อผมถามเธอว่าเธอคิดว่าคำตอบของคำถามนี้คืออะไร เธอตอบผมด้วยข้อพระคัมภีร์จากบทความนี้ว่า ‘สิ่งลี้ลับทั้งปวงเป็นของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราทั้งหลาย แต่สิ่งที่ทรงสำแดงนั้นเป็นของเราทั้งหลายและของลูกหลานของเราเป็นนิตย์’ (29:29)
เธอกล่าวว่าเธอได้ตระหนักว่ามีบางสิ่งเรารู้คำตอบ แต่มีบางสิ่ง (อย่างเช่นคำถามที่เธอได้หยิบยกขึ้นมา) ที่เราอาจไม่รู้คำตอบเลยในชีวิตนี้ สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของ ‘สิ่งลี้ลับทั้งปวง’ ที่เป็น ‘ของพระยาห์เวห์’
อย่างไรก็ตามมีบางสิ่งที่เป็นของเรา พระเจ้าทรงเปิดเผยให้เรารู้ถึงวิธีการ ‘ใช้ชีวิตที่ดีและชาญฉลาด’ (ข้อ 9, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เราต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้ ‘หันจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา’ (ข้อ 18) และหลีกจากความคิดที่ว่า ‘ข้าจะดำเนินชีวิตในหนทางที่ข้าปรารถนา ขอบคุณ’ และจบลงด้วยการ ‘ทำลายชีวิตของทุกคน’ (ข้อ 19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
วิธีที่จะรู้ได้ว่าคุณจะมีสันติสุขบนเก้าอี้โยกคือการฟังและการเชื่อฟังพระเจ้าด้วยสิ้นสุดใจ (30:2-10) ‘จงเชื่อฟังพระองค์ด้วยสุดใจสุดจิต... พระองค์จะทรงพระกรุณาต่อท่าน พระองค์จะทรงกลับมาและรวบรวมท่าน... และพวกท่านจะได้เริ่มต้นใหม่ จงฟังพระสุรเสียงของพระเจ้า... ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปโดยไม่เต็มใจ ท่านต้องหันกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดใจสุดจิต’ (ข้อ 2-10 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ไม่มีคำว่าสายที่จะเริ่มดำเนินชีวิตอย่างสุดใจ
ข้าแต่พระเจ้า ขอโปรดทรงช่วยข้าพระองค์จากนี้เป็นต้นไปให้ดำเนินชีวิตด้วยความทุ่มเทใจในการเชื่อฟังพระองค์ ขอให้วันนี้เป็นวันที่ได้เริ่มต้นใหม่ ขอโปรดทรงช่วยข้าพระองค์ให้เชื่อฟังพระองค์ด้วยสุดใจสุดจิต
Pippa Adds
ลูกา 19:1-10
ครั้งหนึ่งฉันได้ไปดู เดอะ พาสชั่น ออฟ เดอะ ไครสต์ ที่แสดงที่จตุรัสทราฟัลการ์ในวันศุกร์ประเสริฐ มีผู้คนมากมายจึงเป็นการกระตุ้นให้อยากดู ฉันเป็นคนที่ค่อนข้างเตี้ย ฉันจึงรู้สึกเหมือนศักเคียสที่พยายามจะเข้าใกล้พระเยซู ถ้ามีต้นไม้อยู่ตรงนั้นฉันอาจจะปีนขึ้นไป
ฉันพยายามที่จะยืนบนม้านั่ง ถังขยะ และกำแพงอย่างหมดหวังที่จะได้เห็น ฉันถูกรปภ.บอกให้ย้ายที่ไปสองครั้ง มันน่าหงุดหงิดมาก ฉันต้องการที่จะเห็นพระเยซู (ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ของจริงก็ตาม) ต้องเป็นเรื่องที่ทั้งน่าตื่นเต้นและสั่นประสาทไม่น้อยสำหรับศักเคียสที่พระเยซูทรงแยกเขาออกมาคนเดียวจากคนอื่น ๆ ในฝูงชน พระเยซูทรงมองเห็นเราและแสวงหาเราถึงแม้ว่าเราจะรู้สึกว่าเราไม่สำคัญก็ตาม
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)ဤအစီအစဥ္အေၾကာင္း

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
စပ္ဆိုင္ေသာ အစီအစဥ္မ်ား

BibleProject | ပဋိညာဉ်သစ်၊ ပညာသစ်

ယေရှု၏ ဘုရားဇာတိတော်ကို အတည်ပြုသောအကြောင်း (၅) ရပ်

BibleProject | တမန်တော်ပေါလုအကြောင်းလေ့လာချက်

ဝိညာဥ်ကြီးထွားခြင်းကို တည်ဆောက်ပေးသော အလေ့အကျင့် (၇)ခု

BibleProject | ဘုရားသခင်၏ထာဝရမေတ္တာ

BibleProject | ကားစင်တင်ခြင်းခံဘုရင်

ဖတ်သောအရာကို နားလည်ပါသလား

ဆာလံကျမ်း ၁၁၉ အရ၊ နှုတ်ကပတ်တော်တရား

BibleProject | ယေရှုနှင့် လူသားမျိုးနွယ်သစ်
