YouVersion လိုဂို
ရွာရန္ အိုင္ကြန္

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลနမူနာ

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

365 ၏ ေန႔ 110

ห้าวิธีที่พระเจ้าทรงนำคุณ

พระเจ้าทรงออกแบบคุณโดยมีพระประสงค์ในใจ พระเจ้าทรงรักคุณ พระองค์ทรงกำหนดทางแห่งชีวิตที่เฉพาะเจาะจง ไม่เหมือนใคร และรุ่งโรจน์สำหรับคุณ พระองค์ทรงสัญญาว่าจะทรงนำคุณ พระประสงค์ของพระเจ้าที่มีสำหรับคุณนั้นยิ่งใหญ่กว่าความผิดพลาดของคุณ ผมทำสิ่งผิดพลาดมากมายในชีวิต แต่พระเจ้าทรงไม่หยุดที่จะนำผม เมื่อเราเดินทางโดยรถยนต์เราใช้จีพีเอส เมื่อเราเลี้ยวไปผิดทาง มันจะหาเส้นทางใหม่ให้เรา แต่มันไม่เคยยอมแพ้จนกว่าเราจะไปถึงจุดหมายปลายทาง คุณสามารถที่จะไม่สนใจหรือปิดมันก็ได้ แต่ถ้าคุณทำตาม จะทำให้การเดินทางของคุณสนุกสนานและมีสันติสุขมากยิ่งขึ้น ในที่สุดมันจะบอกว่า ‘คุณได้มาถึงจุดหมายปลายทางแล้ว’ แน่นอนว่านี่ไม่ใช่การเปรียบเทียบที่สมบูรณ์แบบ พระเจ้าไม่ใช่เครื่องจักรแต่เป็นบุคคลผู้ซึ่งอยู่กับเราตลอดการเดินทาง พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะสื่อสารกับคุณและทรงสัญญาว่าจะทรงนำคุณ มี 5 วิธีหลักที่พระเจ้าทรงนำเรา CS ทั้งห้า (The five CSs): * ผ่านคำสั่งในพระคัมภีร์ (**C**ommanding **S**cripture) * ผ่านการทรงนำของพระวิญญาณ (**C**ompelling **S**pirit) * ผ่านคำปรึกษาของธรรมิกชน (**C**ounsel of the **S**aints) * ผ่านสามัญสำนึก (**C**ommon **S**ense) * ผ่านหมายสำคัญ (**C**ircumstantial **S**igns) ข้อพระคัมภีร์สำหรับวันนี้ในแต่ละข้อ อย่างแรกเราจะได้เห็นสิ่งต่าง ๆ ทั่วไปเกี่ยวกับวิธีที่พระเจ้าทรงนำเรา และจากนั้นเราจะได้เห็นตัวอย่างเฉพาะสำหรับแต่ละอันเหล่านี้ของ ‘CS ทั้งห้า’

สดุดี 48:9-14

พระสัญญาแห่งการทรงนำ

พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะทรงนำทางเราไปตลอดชีวิตของเรา: ‘พระองค์จะทรงนำเราจนถึงที่สุด’ (ข้อ 14) แต่คุณจะได้รับการทรงนำนี้ได้อย่างไร?

เคล็ดลับก็คือการมีสัมพันธภาพอันใกล้ชิดกับพระเจ้า สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการใช้เวลาเฉพาะพระพักตร์พระองค์ในการใคร่ครวญถึง ‘ความรักมั่นคงของพระองค์’ (ข้อ 9)

  1. คำปรึกษาของธรรมิกชน การให้คำแนะนำไม่ใช่กิจกรรมของแต่ละบุคคล เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้เขียนพระธรรมสดุดีได้กล่าวว่า ‘ข้าพระองค์ทั้งหลายไตร่ตรองถึงความรักมั่นคงของพระองค์ เมื่ออยู่กลางพระวิหารของพระองค์’ (ข้อ 9) พระวิหารคือสถานที่ที่ประชาชนของพระเจ้ามารวมกันเพื่อนมัสการพระเจ้า เราได้รับคำแนะนำในบริบทของชุมนุมชนด้วยตัวของเราเอง บางครั้งเราสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ผิดพลาดได้ (สุภาษิต 12:15) พระเจ้าสามารถตรัสกับคนอื่น ๆ และตรัสกับเราด้วย และเป็นเรื่องชาญฉลาดที่จะแสวงหาการทรงนำในการตัดสินใจครั้งสำคัญเสมอ
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์สำหรับพระสัญญาของพระองค์ว่าจะทรงนำข้าพระองค์ และที่พระองค์ทรงนำข้าพระองค์ในบริบทของชุมนุมชนของประชาชนของพระองค์

ลูกา 19:45-20:26

แบบอย่างของการทรงนำ

เช่นเดียวกันกับด้านอื่น ๆ ของชีวิต พระเยซูทรงเป็นแบบอย่างของเราว่าจะได้รับการทรงนำจากพระเจ้าอย่างไร

การดำเนินชีวิตภายใต้การทรงนำของพระเจ้าไม่ได้นำไปสู่ชีวิตที่ไร้ซึ่งปัญหา พระเยซูถูกโจมตีจาก ‘ธรรมาจารย์’ ตลอดเวลาในช่วงยุคสมัยของพระองค์ พระองค์ทรงไม่หลีกหนีจากการโต้เถียงและเผชิญหน้า

อันที่จริงในอุปมาเรื่องคนเช่า พระเยซูทรงแสดงให้เห็นว่าผู้รับใช้ของพระเจ้าสามารถจะพบกับปัญหาได้ คนรับใช้ถูกเฆี่ยนตี ถูกไล่กลับไปมือเปล่า ถูกทำให้อัปยศ ถูกทำให้บาดเจ็บ และถูกขับไล่ (20:9-12) เมื่อเขาส่งบุตรชายไป พวกเขาก็ ‘ฆ่าเขาเสีย’ (ข้อ 15)

การทรงนำของพระเจ้านำพระเยซูไปสู่ไม้กางเขน อย่างไรก็ตามก็ทรงนำไปสู่การฟื้นคืนพระชนม์ด้วย เบื้องหลังสิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้นล้วนเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าและชัยชนะของพระองค์ สิ่งที่พระเยซูทรงกระทำดูเหมือนเป็นลักษณะของความล้มเหลว แต่พระเยซูทรงประสบความสำเร็จในชีวิต ในการสิ้นพระชนม์ และในการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์มากกว่าบุคคลอื่นใดในประวัติศาสตร์

แน่นอนว่ามีการกล่าวถึงหลายครั้งในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่เกี่ยวกับวิธีที่พระเจ้าทรงนำพระเยซู ในข้อพระคัมภีร์สำหรับวันนี้เราจะได้เห็น:

  1. คำสั่งในพระคัมภีร์ จงระมัดระวังอย่างมากที่จะหลีกเลี่ยงสถานการณ์ใด ๆ ที่ทำให้งานรับใช้ถูกใช้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว

พระเยซูทรงเห็นประชาชนที่พยายามหารายได้จากกิจกรรมทางจิตวิญญาณ พระองค์ทรงเผชิญหน้ากับกิจกรรมเหล่านั้นด้วยพระวจนะของพระเจ้าพระองค์ตรัสว่า ‘มีพระวจนะเขียนไว้ว่า นิเวศของเราเป็นนิเวศอธิษฐาน แต่พวกท่านเปลี่ยนให้เป็นตลาดทางความเชื่อ’ (19:46, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ความเข้าใจของพระเยซูที่มีต่อพระประสงค์ของพระเจ้ามาจากการศึกษาพระวจนะอย่างละเอียดรอบคอบ นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่พระเจ้าทรงนำเราทุกคน

  1. การทรงนำของพระวิญญาณ เมื่อพระเยซูถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับสิทธิอำนาจของพระองค์ พระองค์ทรงท้าทาย ‘ธรรมาจารย์’ ด้วยคำถามเกี่ยวกับสิทธิอำนาจของยอห์น พระเยซูทรงบอกว่ายอห์นได้รับสิทธิอำนาจมา ‘จากสวรรค์’ ซึ่งก็คือจากพระเจ้า ดังนั้นความหมายที่ชัดเจนก็คือสิทธิอำนาจของพระเยซูเองก็มา ‘จากสวรรค์’ เช่นกัน มาจากสัมพันธภาพอันใกล้ชิดกับพระเจ้า

แม้แต่ฝ่ายตรงกันข้ามของพระองค์ก็ยอมรับ ‘ความจริง’ (20:21) ในคำสอนของพระเยซู พระเยซูทรงไม่ประสงค์ที่จะประจบสอพลอหรือแสดงความลำเอียง พระองค์ได้รับการทรงนำจากสิ่งที่พระองค์รู้ว่าเป็นความจริง พระองค์ตรัสความจริงอย่างไม่เกรงกลัว

พระเยซูทรงท้าทายสมมติฐานที่อยู่เบื้องหลังคำถามของพวกเขา อำนาจใดบนโลกนี้ที่เราควรให้ความภักดีเป็นอันดับแรก? พระองค์ทรงอธิบายว่า ประเด็นสำคัญก็คือเราได้ให้ความภักดีกับพระเจ้าเป็นอันดับแรกต่อสิ่งที่เราเป็นหนี้พระองค์หรือไม่ เราได้นับตัวเราเองว่าเป็นประชากรของอาณาจักรของพระองค์ก่อนคนอื่น ๆ บนโลกนี้หรือไม่ ของของซีซาร์จงถวายแก่ซีซาร์ และของของพระเจ้าจงถวายแด่พระเจ้า (ข้อ 25) พวกเขาก็ประหลาดใจในคำตอบของพระเยซูและเงียบไป (ข้อ 26)

ในพระธรรมลูกาได้บอกกับเราว่าพระเยซูได้รับการ ‘ทรงนำโดยพระวิญญาณ’ (ลูกา 4:1) สันนิษฐานได้ว่าเป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทรงให้คำตอบกับพระเยซู ในขณะที่พระเยซูทรงเดินในความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระเจ้า ทรงศึกษาพระวจนะและทรงสอนความจริง พระวิญญาณบริสุทธิ์ (‘พระวิญญาณแห่งความจริง’, ยอห์น 15:26) ทรงกระตุ้นเตือนพระองค์ด้วยถ้อยคำพิเศษแห่งปัญญา

ข้าแต่พระบิดาเจ้า ขอโปรดทรงช่วยข้าพระองค์ให้ปฏิบัติตามแบบอย่างของพระเยซู เพื่อที่จะอยู่ใกล้ชิดพระองค์ และได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ขณะที่ข้าพระองค์อ่านพระคัมภีร์ และแสวงหาที่จะได้รับการทรงนำโดยพระวิญญาณ

เฉลยธรรมบัญญัติ 31:30-32:52

ตัวอย่างของการทรงนำ

เมื่อกว่าหนึ่งศตวรรษที่ผ่านมา เรือลำหนึ่งได้ถูกพายุซัดเข้ากับโขดหินในคอร์นวอลล์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ กะลาสีเรือวัย 15 ปี คนหนึ่งว่ายน้ำไปยังก้อนหินนอกชายฝั่งอย่างปลอดภัย เขาปีนขึ้นไปและรอคอยอยู่ทั้งคืนจนกระทั่งเขาได้รับการช่วยเหลือในเช้าวันต่อมา นักข่าวได้สัมภาษณ์เขาและแสดงความคิดเห็นว่า ‘คุณต้องตัวสั่นตลอดทั้งคืนที่คุณเกาะอยู่ที่หินนั้นแน่นอน’ กะลาสีหนุ่มตอบว่า 'ใช่ ผมตัวสั่นตลอดทั้งคืนด้วยความกลัวและความหนาว’ จากนั้นเขาพูดเสริมขึ้นอีกว่า ‘แต่หินนั้นไม่เคยสั่นไหวเลยสักครั้ง’

เมื่อโมเสสได้มาถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต เขาสะท้อนถึงวิธีที่พระเจ้าทรงนำประชาชนของพระองค์ผ่านทางชีวิตของเขา และทรงเป็นพระศิลาของพวกเขา (32:14ก, 15, 18, 30, 37) พระองค์ทรงเป็นพระศิลาของคุณ พระองค์ทรงแข็งแกร่ง มั่นคง พึ่งพาได้ คงเดิมเสมอ และเชื่อถือได้โดยสมบูรณ์ พระองค์ไม่ทรง ‘ขึ้น’ และ ‘ลง’ เหมือนอย่างเรา คุณสามารถไว้วางใจในความซื่อสัตย์มั่นคงของพระองค์ได้ พระองค์จะทรงอยู่ด้วยกับคุณเสมอ

พระเจ้าไม่ได้ทรงเป็นเพียง ‘พระศิลา’ แต่พระองค์ทรงเป็น ‘พระบิดา’ ของคุณด้วย (ข้อ 6ข)

โมเสสได้อธิบายว่าพระเจ้าทรงนำประชาชนของพระองค์ (อิสราเอล) ด้วยความรักของบิดาอย่างไร ‘พระองค์ทรงพบเขาในแผ่นดินถิ่นทุรกันดาร ในที่ร้างเปล่าวังเวง พระองค์ทรงโอบล้อมเขา และทรงดูแลเขา ทรงรักษาเขาไว้ดังแก้วพระเนตรของพระองค์ เหมือนนกอินทรีที่กวนรังของมันกระพือปีกเหนือลูกนก กางปีกออกรองรับลูกไว้ให้เกาะอยู่บนปีก พระยาห์เวห์องค์เดียวทรงนำเขา’ (ข้อ 10-12ก)

  1. หมายสำคัญ เขาอธิบายต่อไปว่าในหมายสำคัญของพระเจ้า พระองค์ทรงดูแลประชาชนของพระองค์อย่างไร พระองค์ทรง ‘เลี้ยงดูเขา... บำรุงเขาด้วยน้ำผึ้ง... น้ำมัน... นมข้นและน้ำนม... ลูกแกะและแพะ... ข้าวสาลีอย่างดีที่สุด... เลือดขององุ่น’ (ข้อ 13-14) สิ่งเหล่านี้เป็นหมายสำคัญของการที่พระองค์ทรงอยู่กับพวกเขาตลอดทาง

อย่างไรก็ตาม ประชาชนของพระเจ้าซึ่งในที่นี้คือ ‘เยชูรูน’ (หมายถึง ‘ผู้เที่ยงธรรม’ นั่นคืออิสราเอล) ‘ทอดทิ้งพระเจ้าผู้ทรงสร้างเขามา (เยชูรูน) และดูหมิ่นพระศิลาแห่งความรอดของเขา’ (ข้อ 15ค) เป็นการดูหมิ่นที่ทำให้พระเจ้าตรัสว่า ‘เราจะซ่อนหน้าของเราจากพวกเขา’ (ข้อ 20)

บางครั้งความบาปก็เป็นสิ่งกีดขวางเราจากการได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า ความบาปสามารถนำไปสู่หายนะ (ข้อ 23-27) บัดนี้เรามีวิธีทำให้ถูกต้องในการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู ‘พระโลหิตของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ ก็ชำระเราให้ปราศจากบาปทั้งสิ้น... ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น’ (1 ยอห์น 1:7, 9)

  1. สามัญสำนึก เมื่อเราล้มลงซึ่งเราทุกคนเป็นเช่นนั้น สิ่งที่ดูสมเหตุสมผลที่สุดก็คือการลุกขึ้นโดยเร็ว โดยทั่วไปส่วนหนึ่งของการทรงนำก็คือการทำสิ่งที่สมเหตุสมผล นี่คือการบ่นของโมเสส ‘เพราะเขาทั้งหลายเป็นประชาชาติที่ขาดคำปรึกษา ในพวกเขาไม่มีความเข้าใจ โอ ถ้าเขาฉลาดแล้วเขาจะเข้าใจเรื่องนี้ และพิจารณาถึงวาระสุดท้ายของตน’ (เฉลยธรรมบัญญัติ 32:28-29) พระเจ้าทรงสร้างเราให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความคิด พระองค์ทรงนำจิตใจของคุณเมื่อคุณเดินในความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระองค์ จงหลีกเลี่ยงการเป็นผู้มีจิตวิญญาณสูงส่งที่คาดหวังว่าเสียงจากภายในให้นำทุกรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตของคุณ

ในตอนท้ายของบทเพลง โมเสสกลับมากล่าวถึงถ้อยคำของพระเจ้า ‘จงใส่ใจในถ้อยคำซึ่งข้าพเจ้าเป็นพยานแก่ท่านในวันนี้ และบัญชาลูกหลานของท่านให้เขาระวังที่จะทำตามถ้อยคำทั้งหมดของธรรมบัญญัติ แน่นอน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยสำหรับพวกท่าน แต่เป็นเรื่องชีวิตของท่านทั้งหลาย’ (ข้อ 46-47, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์สำหรับวิธีที่พระองค์ทรงนำข้าพระองค์ผ่านวิธีต่าง ๆ เหล่านี้ในช่วงเวลาต่าง ๆ ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์ทรงเมตตาข้าพระองค์ ขอโปรดทรงช่วยข้าพระองค์ให้ใส่ใจในทุกถ้อยคำที่พระองค์ตรัสและระมัดระวังที่จะเชื่อฟังถ้อยคำเหล่านั้น ขอโปรดทรงช่วยข้าพระองค์ให้ได้ไปถึงจุดหมายปลายทางของข้าพระองค์

Pippa Adds

ลูกา 20:20-26

บางครั้งฉันได้รับข้อเสนอในการลดราคา ถ้าฉันจ่ายเป็นเงินสดเมื่อซื้อของบางอย่างหรือนำบางอย่างไปซ่อม อาจจะมีเหตุผลที่ถูกต้องสำหรับเรื่องนี้ แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่าพวกเขาไม่ต้องการเปิดเผยจำนวนเงินเพื่อเสียภาษี ถ้าพระเยซูตรัสว่าเราควรจะจ่ายภาษีของเรา ดังนั้นเราก็ควรจ่าย ถึงแม้เราอาจจะรู้สึกเจ็บปวดก็ตาม

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

ဤအစီအစဥ္အေၾကာင္း

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!

More