YouVersion လိုဂို
ရွာရန္ အိုင္ကြန္

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลနမူနာ

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

365 ၏ ေန႔ 112

คำพูดของคุณนั้นมีพลัง

ผลกระทบของเซอร์วินสตัน เชอร์ชิลล์ในศตวรรษที่ 20 นั้นยากที่จะพูดให้เกินจริงได้ เชอร์ชิลล์เป็นนักพูด และนักเขียนระดับปรมาจารย์ ดังนั้นเขารู้จักพลังของคำพูดเป็นอย่างดี มาร์ติน กิลเบิร์ต ผู้เขียนอัตชีวประวัติ ของเชอร์ชิลล์ ได้เขียนหนังสือชื่อ เชอร์ชิลล์ พลังแห่งคำพูด (Churchill: The Power of Words) ซึ่งคำพูด ของเชอร์ชิลล์นั้นถูกถ่ายทอดออกมาในทำนองที่ไม่ว่าจะเป็นผู้นำและนักการเมืองที่ใช้ภาษาอังกฤษคนไหนก็ไม่สามารถทำสำเร็จนับแต่นั้นเป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม สำหรับเราทุกคน คำพูดนั้นทรงพลัง คำพูดของคุณนั้นมีพลัง ด้วยถ้อยคำที่อ่อนโยนและหนุนใจ มันอาจเปลี่ยนแปลงทั้งวันของใครบางคนได้ หรือบางทีอาจเป็นการเปลี่ยนแปลงทั้งชีวิตของพวกเขาไปเลยก็ได้

สุภาษิต 10:11-20

พูดด้วยถ้อยคำแห่งความรัก

คำพูดของคุณนั้นมีพลังนำมาซึ่งพระพรอันยิ่งใหญ่ ‘ปากของคนดีนั้นลึกซึ้งและให้ชีวิตที่ดี’ (ข้อ 11ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) แต่คำพูดก็สามารถนำมาซึ่งการทำร้ายได้มากเช่นกัน ‘ปากของคนชั่วร้ายเป็นถ้ำแห่งการล่วงละเมิด’ (ข้อ 11ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำพูดนั้นมีพลังที่จะทำลายความสัมพันธ์ได้ ‘ความเกลียดชังเป็นจุดเริ่มต้นการต่อสู้’ (ข้อ 12ก, พระคัมภีร์ ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ในทางกลับกัน คำพูดก็มีพลังในการรักษาความสัมพันธ์ด้วย ‘แต่ความรักให้อภัยการละเมิดทุกอย่าง’ (ข้อ 12ข) ‘ความรักก็ปกคลุมเหนือการทะเลาะวิวาท’ (ข้อ 12ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

การควบคุมลิ้นเป็นสิ่งสำคัญ ‘พูดมากคำย่อมทำบาปได้ แต่คนที่ยับยั้งปากของตนก็เป็นคนฉลาด’ (ข้อ 19) อับราฮัม ลินคอล์นกล่าวว่า ‘เป็นการดีหากเราเงียบแล้วปล่อยให้คนอื่นคิดว่าเรานั้นโง่เขลา ดีกว่าปริปากออกไปแล้วข้อสงสัยนั้นกระจ่าง!’

ตลอดพระธรรมตอนนี้ ผู้เขียนสุภาษิตเปรียบเทียบ 'ปากของคนโง่' (ข้อ 14ข) กับ ‘ปากของคนชอบธรรม’ (ข้อ 11ก) คนหนึ่งพูดถ้อยคำแห่งความเกลียดชัง (ข้อ 12ก) อีกคนหนึ่งพูดถ้อยคำแห่งความรัก (ข้อ 12ข) และปัญญา (ข้อ 13)

ถ้อยคำแห่งความเกลียดชัง (ข้อ 12ก) นำไปสู่ความโหดร้าย (ข้อ 11ข) การวิวาท (ข้อ 12ก) ความหายนะ (ข้อ 14ข) และการใส่ร้ายป้ายสี (ข้อ 18ข)

ถ้อยคำแห่งความรัก (ข้อ 12ข) เป็นน้ำพุแห่งชีวิต (ข้อ 11ก) ให้อภัย ‘การละเมิดทุกอย่าง’ (ข้อ 12ข) และเป็น ‘เงินเนื้อดี’ (ข้อ 20ก) ถ้ามีคนมาทำให้คุณรู้สึกขุ่นเคืองใจ ก็อย่าตอบแทนด้วยความขุ่นเคือง ว่ากันว่าความแค้นก็เหมือนปล่อยให้ใครซักคนอยู่ในหัวโดยไม่มีค่าเช่า ในทางกลับกัน ให้เราตอบแทนความ เกลียดชังด้วยความรัก พูดถึงอีกฝ่ายด้วยคำพูดที่ดีแม้ว่าจะอยู่ลับหลังเขา และคุณอาจพบว่าความรักสามารถ ยุติการทะเลาะวิวาทและเยียวยาความสัมพันธ์ได้

ข้าแต่พระเจ้า ขอพระองค์ทรงโปรดช่วยให้ข้าพระองค์ควบคุมลิ้นได้ เพื่อจะพูดแต่ถ้อยคำแห่งความรักและชีวิต ขอทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้ตอบสนองการร้ายด้วยถ้อยคำแห่งความรัก

ลูกา 21:5-38

การพูดด้วยถ้อยคำที่พระเยซูประทานให้

พระเยซูไม่ได้มีปริญญาหรือผ่านการฝึกอบรมอย่างเป็นทางการใด ๆ ถึงแม้ว่าพระองค์จะรู้พระคัมภีร์ทั้งหมด แต่พระองค์ก็ไม่ได้จบจากวิทยาลัยศาสนศาสตร์ แต่ทว่าคำตรัสและการใช้ภาษาของพระองค์เกี่ยวกับพระเจ้า นั้นมีฤทธิ์เดชมาก ในวัยสามสิบต้น ๆ พระองค์สามารถสอนในพระวิหารทุกวัน และดึงดูดฝูงชนจำนวนมาก

พระวจนะของพระเยซูเป็นพระคำที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา ‘พระองค์ทรงใช้เวลาทั้งวันในการสอนใน พระวิหาร... ทุกคนตื่นแต่เช้าเพื่อมาที่พระวิหารและฟังพระองค์’ (ข้อ 37–38, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระวจนะของพระเยซูนั้นเป็นนิรันดร์ พระองค์ทรงเปรียบเทียบถ้อยคำของพระองค์กับสิ่งชั่วคราวที่เหล่าสาวก สามารถมองเห็นได้รอบตัวพวกเขา พระเยซูทรงพยากรณ์ถึงความพินาศของพระวิหารที่กำลังจะเกิดขึ้น (ข้อ 5–6) และกรุงเยรูซาเล็ม (ข้อ 8 เป็นต้นไป) ซึ่งเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 70 พระองค์ตรัสว่า ‘ฟ้าและดินจะล่วงไป แต่บรรดาถ้อยคำของเราจะไม่สูญหายเลย’ (ข้อ 24,33) ในสองพันปีต่อมาผู้คนทั่วโลกต่างได้รับอิทธิพลจาก พระวจนะของพระเยซูมากขึ้นเรื่อย ๆ

คำสอนของพระเยซูเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นคำสอนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เรามีความก้าวหน้า อย่างมากในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แต่ทว่าในช่วงสองพันปีที่ผ่านมา ไม่มีใครสามารถปรับปรุงคำสอนด้านศีลธรรมของพระเยซูได้เลย คำสอนเหล่านั้นเป็นถ้อยคำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา เป็นถ้อยคำที่คุณคาดหวังให้พระเจ้าตรัสกับคุณ

พระเยซูเตือนเกี่ยวกับคำล่อลวง พระองค์ตรัสว่า ‘ระวังให้ดี อย่าให้ใครล่อลวงท่านให้หลง เพราะว่าจะมีหลายคนมาต่างอ้างนามของเราบอกว่า “เราเป็นผู้นั้น” และบอกว่า “เวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว” อย่าตามพวกเขาไป เลย’ (ข้อ 8)

พระเยซูสั่งให้เรารักทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนบ้านหรือแม้กระทั่งศัตรู พระองค์ทรงเตือนเราว่าถึงแม้เราจะรักทุกคนแต่ ‘ทุกคนจะเกลียดชังพวกท่านเพราะนามของเรา’ (ข้อ 17)

ถ้าคุณถูกข่มเหง คุณต้องมองว่านี่เป็นโอกาสที่จะเป็น ‘พยาน’ (ข้อ 13) ในโอกาสเหล่านี้ พระเยซูตรัสว่า ‘เพราะฉะนั้นท่านจะต้องจดจำไว้ว่า ไม่ต้องเตรียมก่อนว่าจะแก้คดีอย่างไร เพราะว่าเราจะให้คำพูด และปัญญาแก่ท่าน ซึ่งพวกศัตรูของท่านทั้งหลายจะต่อต้านและคัดค้านไม่ได้’ (ข้อ 14–15) พระวจนะของ พระเยซูไม่เพียงแต่ทรงพลังเท่านั้น แต่พระองค์ยังทรงสัญญาว่าจะให้ถ้อยคำที่ทรงพลังแก่ปากของคุณด้วย

ภาษาส่วนใหญ่ที่พระเยซูใช้คือภาษาแห่งรัก และเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ มันจำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับหัวใจ และชีวิตการอธิษฐานของคุณ พระองค์ทรงตรัสว่า ‘แต่จงระวังให้ดี อย่าปล่อยให้ความคิดที่หลักแหลมของคุณ ถูกทำให้มัวหมองด้วยการเสเพล การดื่ม และการเที่ยวเล่น’ (ข้อ 34, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) อย่า ‘ห่วงกังวลถึงชีวิตนี้’ (ข้อ 34) ‘จงเฝ้าระวังอยู่ทุกเวลา จงอธิษฐาน…’ (ข้อ 36)

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดประทานถ้อยคำและสติปัญญาแก่ข้าพระองค์ในทุกเวลา ขอทรงโปรดช่วย ข้าพระองค์ให้พัฒนาภาษาแห่งรัก และการอธิษฐาน และพูดถ้อยคำที่ทรงพลังในพระนามของพระองค์

โยชูวา 1:1-2:24

พูดด้วยพระวจนะของพระเจ้า

โยชูวาได้สืบทอดหน้าที่ต่อจากโมเสส โมเสสถูกอธิบายว่าเป็น ‘ผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์’ (1:1) และโยชูวาได้รับ ตำแหน่งเดียวกันนี้จากพระเจ้า เป็นตำแหน่งของบรรดาผู้เผยพระวจนะ (อาโมส 3:7) เปาโล (โรม 1:1) และพระเยซูเอง (อิสยาห์ 52:13) การเป็น 'ผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์' เป็นพระพรที่คริสเตียนทุกคนได้รับ แต่พระพรทุกประการที่พระเจ้าทรงประทานให้คุณจะมาพร้อมกับความรับผิดชอบ และจงรับผิดชอบอย่าง จริงจัง

โยชูวาต้องให้ความสนใจพระวจนะที่พระเจ้าตรัสเป็นพิเศษ (โยชูวา 1:7) เขาต้องเชื่อฟังถ้อยคำเหล่านั้น (ข้อ 7) สั่งสอนด้วยถ้อยคำเหล่านั้น (ข้อ 8ก) ตรึกตรองถ้อยคำเหล่านั้นทั้งกลางวันและกลางคืน (ข้อ 8ข) และทำตาม ทุกประการ (ข้อ 8ข) จงเติมเต็มความคิดของคุณด้วยความจริงของพระเจ้าแม้ยามคุณตื่นขึ้นในยามค่ำคืน สิ่งนี้จะส่งผลต่อความคิดของคุณ ความคิดของคุณจะเป็นความคิดที่เต็มไปด้วยความจริง เสรีภาพ ความรัก ชัยชนะ และสันติสุข พระเจ้ายังทรงเน้นเรื่องนี้โดยตรัสกับโยชูวาโดยตรง (ข้อ 1) ทรงหนุนใจ และเสริมกำลังเขาด้วยพระสัญญาสำคัญสองประการ

ประการแรก พระสัญญาเรื่องสันติสุขของพระเจ้า: ‘ทุก ๆ แห่งที่ฝ่าเท้าของเจ้าทั้งหลายจะเหยียบลง เราได้ยก ให้พวกเจ้า’ (ข้อ 3) ‘ไม่มีใครจะยืนหยัดต่อหน้าเจ้าได้ตลอดชีวิตของเจ้า’ (ข้อ 5ก) ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าของ ท่านทรงจัดที่พักให้ท่าน’ (ข้อ 13) สำหรับเราในเวลานี้การได้หยุดพักนั้นมาจากพระเยซู การได้หยุดพักไม่ใช่แค่การหยุดนิ่งและผ่อนคลาย แต่ยังเป็นการช่วยขจัดปัญหาของคุณด้วย และเป็นการได้สัมผัสถึงความสงบและปลอดภัยในอัตลักษณ์ของคุณเอง เพราะคุณรู้ว่าพระเยซูทรงเป็นผู้ใด

ผู้เขียนพระธรรมฮีบรูกล่าวว่า ‘เพราะหากโยชูวาให้พวกเขาเข้าสู่การหยุดพักนั้นแล้ว พระเจ้าก็คงไม่ตรัสในภายหลังถึงวันอื่นอีก’ (ฮีบรู 4:8) และ ‘วันนั้น’ เป็นวันที่เป็นไปได้โดยทางพระเยซู ดังที่พระเยซูเองทรงสัญญาว่า ‘บรรดาผู้เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายได้หยุดพัก’ (มัทธิว 11:28)

ประการที่สอง มีคำสัญญาเกี่ยวกับการสถิตอยู่ด้วยของพระเจ้าเป็นการส่วนตัว: ‘เราอยู่กับโมเสสมาแล้วอย่างไร เราจะอยู่กับเจ้าอย่างนั้น เราจะไม่ละเลยหรือทอดทิ้งเจ้า’ (โยชูวา 1:5ข) สิ่งนี้นำมาซึ่งกำลังและความกล้าหาญ ‘อย่าครั่นคร้ามหรือตกใจเลย’ (ข้อ 9ข) พระเจ้าไม่ได้บอกเราว่าอย่ารู้สึกกลัว แต่พระองค์บอกเราว่าอย่ายอมแพ้ อย่าให้ความกลัวนั้นมาขโมยพระพรที่พระเจ้าต้องการให้คุณ พระองค์ตรัสต่อไปว่า ‘เพราะว่าพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้าสถิตกับเจ้าทุกแห่งที่เจ้าไป’ (ข้อ 9ข)

นับเป็นอีกครั้งที่คุณได้มีประสบการณ์กับคำสัญญาผ่านทางพระเยซู โดยการทำงานของพระวิญญาณ คำพูดสุดท้ายของพระเยซูก่อนที่พระองค์จะเสด็จขึ้นสู่สวรรค์คือ ‘เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค’ (มัทธิว 28:20)

เมื่อโยชูวาอยู่ภายใต้อำนาจแห่งพระวจนะของพระเจ้า ถ้อยคำของเขาเองจึงมีพลังและสิทธิอำนาจ เขาทั้ง หลายจึงตอบโยชูวาว่า ‘ทุกสิ่งซึ่งท่านบัญชาพวกเรา…เราเชื่อฟังโมเสสทุกเรื่องอย่างไร เราจะเชื่อฟังท่าน อย่างนั้น’ (โยชูวา 1:16–17) ถ้าคุณได้ยินและกล่าวพระวจนะของพระเจ้า ‘คำพูดของคุณ’ (ข้อ 18) ก็จะเป็น เช่นเดียวกับของโยชูวา จะเป็นคำพูดที่ทรงพลัง

ซึ่งสิ่งเหล่านี้ควรนำไปสู่ความเอาจริงเอาจัง ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณที่เติบโต และความชอบธรรม พระธรรมตอนนี้ ปิดท้ายด้วยเหตุการณ์อัศจรรย์ที่พระเจ้าทรงใช้หญิงโสเภณีชื่อราหับ พระเจ้าทรงเลือกใช้คนบาป, โสเภณี, เพื่อเป็นบรรพบุรุษของพระเยซู (มัทธิว 1:5) และวีรบุรุษแห่งความเชื่อ (ฮีบรู 11:31) เป็นเหตุการณ์ที่หนุนใจ เราไม่ให้จมอยู่กับอดีต ดังที่จอยซ์ ไมเยอร์กล่าวไว้ว่า ‘เราทุกคนล้วนมีอดีต ไม่ว่าอดีตของคุณจะแย่แค่ไหน คุณก็สามารถผ่านไปได้ พระเจ้าสามารถให้การเริ่มต้นใหม่แก่คุณ พระองค์สามารถใช้คุณอย่างมากมายและ มอบอนาคตแก่คุณ’

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้ใคร่ครวญพระคำของพระองค์ในทุก ๆ วัน ขอที่ข้าพระองค์จะเชื่อฟัง กระทำตาม และส่งต่อพระวจนะของพระองค์ไปสู่ผู้คนด้วยฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์

Pippa Adds

โยชูวา 1:6-9

พระธรรมตอนนี้มีความหมายกับฉันอย่างมาก ‘จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด’ ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ (ฉันไม่ใช่คนที่แข็งแรงในด้านกายภาพ ฉันไม่สามารถยกของหนักๆได้!) เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก ฉันอาจถูกล่อลวงให้หลบหรือวิ่งหนีจากมัน ฉันพบว่าการหนุนใจซ้ำ ๆ ว่า ‘จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด’ เป็นสิ่งที่คอยกระตุ้นฉัน

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

ဤအစီအစဥ္အေၾကာင္း

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!

More