YouVersion လိုဂို
ရွာရန္ အိုင္ကြန္

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลနမူနာ

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

365 ၏ ေန႔ 109

แผนกลยุทธ์ของพระเจ้า

ผมอาศัยอยู่ในลอนดอนที่มีประชากรมากกว่า 8 ล้านคน มันเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปและเป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยียนมากกว่า 18 ล้านคนต่อปี มันเป็นเมืองที่มีการพูดภาษาต่าง ๆ มากมายถึง 300 ภาษา เมืองต่าง ๆ เป็นสถานที่เชิงกลยุทธ์สำหรับการเผยแพร่พระกิตติคุณ มันเป็นเช่นนั้นเสมอ อัครสาวกเปาโลนำพระกิตติคุณจากเมืองหนึ่งไปสู่เมืองหนึ่ง ในช่วงต้นยุค ค.ศ. 100 ชุมชนคริสเตียนมากกว่า 40 แห่งตั้งอยู่ในเมืองต่าง ๆ รอบเมดิเตอร์เรเนียน รวมถึงแอฟริกาเหนือและบางส่วนของอิตาลี ในปี ค.ศ. 300 ประชากรครึ่งหนึ่งของภูมิภาคนั้นเป็นคริสเตียน ในขณะที่ประชากร 90% ในชนบทยังคงเป็นคนนอกศาสนา จดหมายของอาจารย์เปาโลส่วนใหญ่ถูกเขียนขึ้นในเมืองต่าง ๆ เมืองต่าง ๆ มักจะเป็นสถานที่ที่วัฒนธรรมได้ถูกสร้างขึ้น อิทธิพลต่าง ๆ มากมายที่ออกมาจากเมือง รวมถึงรัฐบาล นักการเมือง และผู้บัญญัติกฎหมาย ศิลปะและความบันเทิง ธุรกิจและตลาดการค้า มหาวิทยาลัยและสถานศึกษาอื่น ๆ สื่อและศูนย์กลางการสื่อสาร แม่น้ำแห่งอิทธิพลนั้นมีแนวโน้มที่จะหลั่งไหลมาจากเมืองไปยังชานเมืองและพื้นที่ชนบท วิธีที่จะเปลี่ยนวัฒนธรรมก็คือเปลี่ยนเมือง ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เมืองต่าง ๆ มักมีบทบาทสำคัญในพระประสงค์ของพระเจ้าเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมือง ๆ หนึ่งที่เป็นหัวใจสำคัญสำหรับกลยุทธ์ของพระเจ้าเพื่อโลกนี้

สดุดี 48:1-8

อำนาจของเมือง

พระธรรมสดุดีนี้เกี่ยวกับ ‘นครแห่งพระเจ้า’ (เยรูซาเล็ม) ‘นคร’ ถูกกล่าวถึงในลักษณะต่าง ๆ เจ็ดครั้งในพระธรรมตอนนี้ มันประกาศถึงความงามตระการตา (ข้อ 2) และความปลอดภัยของเมือง (ข้อ 8) ที่สำคัญที่สุดคือการประกาศความจริงที่ว่า นี่เป็น ‘นครแห่งพระเจ้าของเรา’ (ข้อ 1, 8) เป็นสถานที่ที่พระวิหารของพระเจ้าถูกสร้างขึ้น และเป็นที่ที่พระเจ้าสำแดงพระองค์ (ข้อ 3) และเป็นสถานที่ที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของพระองค์ (ข้อ 3, 8) เป็นเมืองที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นแหล่งของพระพรสำหรับคนทั้งโลก: ‘ความชื่นบานของแผ่นดินโลกทั้งสิ้น’ (ข้อ 2)

อาจารย์เปาโลเปรียบเทียบเมืองเยรูซาเล็มทางกายภาพกับเมืองที่ยิ่งใหญ่กว่าคือ ‘เยรูซาเล็มซึ่งอยู่เบื้องบน’ (กาลาเทีย 4:26) อาจารย์เปาโลมองว่าคริสตจักรของคริสเตียนเป็นเยรูซาเล็มใหม่

ในพระธรรมวิวรณ์ ยอห์นได้เห็น ‘นครบริสุทธิ์ นครเยรูซาเล็มใหม่ลอยลงมาจากสวรรค์และจากพระเจ้า นครนี้เตรียมพร้อมเหมือนอย่างเจ้าสาวที่แต่งตัวไว้สำหรับสามี’ (วิวรณ์ 21:2) เยรูซาเล็มคือคริสตจักร คือเจ้าสาวของพระคริสต์ นี่เป็นสถานที่ที่พระเจ้าจะประทับอยู่เป็นนิตย์ (ข้อ 3)

คริสตจักรควรจะน่าทึ่ง ‘สูงตระหง่านงามตระการตา เป็นความชื่นบานของแผ่นดินโลกทั้งสิ้น’ (สดุดี 48:2) เราควรรู้สึกถึงการประทับอยู่ของพระเจ้าที่นั่น รู้ถึงการคุ้มครองและการปกป้องของพระองค์ และเป็นพระพรสำหรับคนทั้งหลายที่อยู่รอบตัวเรา

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์สำหรับอำนาจของการประทับอยู่ในคริสตจักรของพระองค์ ขอให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นแหล่งแห่งพระพรสำหรับคนในโลกนี้

ลูกา 19:11-44

การมีภาระใจต่อบ้านเมือง

เมื่อพระเยซูเสด็จมาใกล้กรุงเยรูซาเล็ม (ข้อ 11) พระองค์ตรัสอุปมาเรื่องเงินมินา เป็นอุปมาที่ท้าทายสมมติฐานของผู้ฟังเกี่ยวกับแผ่นดินของพระเจ้า และแผนการของพระองค์สำหรับเมืองบนโลกนี้ เงินหนึ่งมินามีค่าเท่ากับค่าจ้าง 3 เดือนซึ่งเป็นเงินจำนวนมาก เป็นสิ่งสำคัญมากที่คุณต้องรู้ว่าจะใช้สิ่งที่พระเจ้าทรงมอบความไว้วางใจให้คุณอย่างไร

คุณควรจะใช้ไม่ใช่แค่เพียงเงินทองของคุณ แต่ต้องใช้ของประทานทั้งหมดที่พระเจ้าทรงมอบให้คุณ รวมถึงเวลา การศึกษา การงาน ทักษะและโอกาสต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ขององค์กษัตริย์และแผ่นดินของพระองค์

สิ่งที่น่าสนใจคือรางวัลสำหรับการไว้วางใจในการดูแลเงินมินาคือการ ‘มีอำนาจครอบครองสิบเมือง’ หรือ ‘ห้าเมือง’ (ข้อ 17, 19)

เมื่อพระเยซูเสด็จเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็มอย่างผู้พิชิต ‘พวกสาวกทุกคนก็มีความชื่นชมยินดีเพราะมหกิจทั้งหลายที่พวกเขาเห็นนั้น จึงเริ่มสรรเสริญพระเจ้าด้วยเสียงดัง ว่า “ขอให้พระมหากษัตริย์ ผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ!” “ขอให้มีสันติในสวรรค์และพระเกียรติในที่สูงสุด!’” (ข้อ 37-38)

พวกเขาเห็นว่าพระเยซูเป็นพระเมสสิยาห์ที่จะมา เป็นผู้ที่จะครอบครองเมืองเยรูซาเล็ม กระทำพระสัญญาที่มีต่อกษัตริย์ดาวิดให้สำเร็จ และปลดปล่อยเมืองนี้จากการควบคุมของโรมัน

อย่างไรก็ตาม พระเยซูทรงมีวาระที่ต่างออกไป เมื่อพระองค์เสด็จมาใกล้กรุงเยรูซาเล็มก็ทรงกันแสงสงสารกรุงนั้น (ข้อ 41) พระเยซูทรงมีใจรักและทรงสงสารเมืองนี้ พระองค์ทรงเห็นล่วงหน้าถึงการทำลายล้างของกรุงเยรูซาเล็มซึ่งได้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 70 พระวิหารไม่เคยได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่และกรุงเยรูซาเล็มก็ยังคงเป็นสถานที่ที่มีแต่การร้องไห้คร่ำครวญ

เรื่องน่าเศร้าก็คือ กรุงเยรูซาเล็ม ‘ไม่รับรู้วันเวลาที่พระเจ้าเสด็จมาเยี่ยมเจ้า’ (ข้อ 44) พระเจ้าเสด็จมาในสภาพของบุคคลคือพระเยซู แต่โดยการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของ พระองค์ในกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงกระทำให้เยรูซาเล็มใหม่เกิดขึ้นได้

ข้าแต่พระเจ้า ขอโปรดให้ข้าพระองค์มีความรัก และความสงสารแบบเดียวกันกับพระองค์ต่อผู้คนในสถานที่ที่ข้าพระองค์อาศัยอยู่

เฉลยธรรมบัญญัติ 30:11-31:29

ผู้คนในเมือง

คุณเคยพบว่าตัวเองเป็นกังวลกับความคิดสงสัย ความกลัว หรือความเศร้า ความท้อใจ และ ‘ตกใจกับเสียงเตือนภัย’ บ้างหรือไม่? (31:8, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)

สิ่งเหล่านี้เป็นอารมณ์ของมนุษย์ทั่วไป โมเสสต้องเผชิญกับอารมณ์เหล่านี้ และเขารู้ว่าผู้สืบทอดของเขา โยชูวาและผู้คนทุกคนก็ต้องเผชิญไม่ใช่แค่เพียงการต่อสู้ทางกายเท่านั้น แต่ต้องต่อสู้ทางจิตใจด้วย

เมื่อเราอ่านถึงช่วงสุดท้ายของชีวิตโมเสส เขาเรียกร้องให้ประชาชนปฏิบัติตามถ้อยคำของพระเจ้า (30:14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เขาเรียกร้องให้พวกเขารักพระเจ้าและดำเนินในพระมรรคาทั้งหลายของพระองค์ (ข้อ 16, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เขาได้เตือนพวกเขาไม่ให้เปลี่ยนใจและไม่ให้ปฏิเสธที่จะเชื่อฟังพระเจ้า เขาหนุนใจพวกเขาให้ ‘เลือกชีวิต’ (ข้อ 19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ทางเลือกนี้เริ่มต้นจากความคิดของคุณ ความคิดของคุณจะกลายเป็นคำพูด คำพูดของคุณจะกลายเป็นการกระทำ ในแต่ละวันจงเลือกความคิดที่ให้ชีวิต

ผู้สืบทอดของโมเสสคือโยชูวา เขาเป็นผู้นำคนใหม่ของประชาชนของพระเจ้า เขาจะต้องเผชิญกับการต่อสู้อีกมากมายข้างหน้า โมเสสกล่าวกับเขาว่า ‘จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด... ผู้ที่เสด็จไปข้างหน้าท่านคือพระยาห์เวห์ พระองค์สถิตอยู่กับท่าน พระองค์จะไม่ทรงปล่อยให้ท่านล้มเหลว หรือทอดทิ้งท่าน อย่ากลัวและอย่าขยาดเลย’ (31:6, 8)

โมเสสจะไม่พูดเรื่องนี้หากไม่มีอะไรต้องกลัวและไม่มีเหตุให้ท้อใจ แต่เขารู้ดีว่าจะมีเหตุให้เกิดความกลัวและความท้อใจมากมาย ผู้นำทุกคนต้องใช้ความกล้าหาญในการยึดมั่นในวิสัยทัศน์และใช้ความอดทนอย่างมากเพื่อทนต่อคำตำหนิ ในทุก ๆ ความยากลำบากที่เกิดขึ้นระหว่างทาง ทั้งในขณะนั้นและขณะนี้ ประชาชนของพระเจ้าก็ต้องการผู้นำ)ที่เข้มแข็งที่กล้าหาญและไม่หวาดกลัวหรือท้อใจจากการคัดค้านและการต่อต้านทั้งสิ้นที่เกิดขึ้น

คำตอบสำหรับความกลัวคือ พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะไปกับเขาเสมอ (‘ผู้ที่ไปกับท่านคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน’ ข้อ 6) พระเจ้าทรงให้พระสัญญาอย่างเดียวกันกับคุณและผมในวันนี้ เมื่อคุณถูกโจมตีด้วยความสงสัย ความท้อใจ และความยากลำบาก จงจำไว้ว่าไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน ไม่ว่าสถานการณ์ของคุณจะเป็นอย่างไร คุณสามารถทูลขอให้พระเจ้าเสด็จไปข้างหน้าคุณและจัดเตรียมหนทางไว้ให้คุณ ดังนั้นคุณจึงสามารถมั่นใจได้และไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว

จากนั้นโมเสสบัญชาพวกเขาว่า ‘ในเทศกาลอยู่เพิง เมื่อคนอิสราเอลประชุมพร้อมกันเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ณ สถานที่ซึ่งพระองค์ทรงเลือกไว้นั้น ท่านจงอ่านธรรมบัญญัตินี้...’ (ข้อ 10-11)

แน่นอนว่า ‘สถานที่ซึ่งพระองค์ทรงเลือกไว้’ กลับกลายเป็นนครเยรูซาเล็ม ในเทศกาลอยู่เพิง ประชาชนจะไปยังนครเยรูซาเล็มเพื่อเฉลิมฉลองช่วงเวลาที่พระเจ้าโดยทางโมเสสทรงนำน้ำออกมาจากหินในถิ่นทุรกันดาร พวกเขาจะขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงจัดหาน้ำให้ในปีที่ผ่านมาและอธิษฐานให้พระองค์ทรงกระทำแบบเดียวกันในปีที่จะมาถึง นอกจากนี้น้ำยังถูกมองเป็นสัญลักษณ์แห่งความโปรดปรานของพระเจ้าและเป็นสัญลักษณ์ของความสดชื่นทางจิตวิญญาณ (ดูตัวอย่างใน 1 โครินธ์ 10:3-4)

ในวันสุดท้ายซึ่งเป็นวันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของงานเทศกาลอยู่เพิง พระเยซูทรงยืนขึ้นและทรงประกาศว่า ‘ถ้าใครกระหาย ให้คนนั้นมาหาเรา และให้คนที่วางใจในเราดื่ม’ ตามที่มีคำเขียนไว้แล้วว่า ‘แม่น้ำที่มีน้ำดำรงชีวิตจะไหลออกมาจากภายในคนนั้น’ (ยอห์น 7:37-38) พระองค์กำลังตรัสว่าพระสัญญานี้จะไม่สำเร็จในสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง แต่จะสำเร็จในบุคคลคนหนึ่ง

แม่น้ำแห่งชีวิตจะไหลออกมาจากภายในของพระเยซู ดังนั้นในอีกแง่มุมหนึ่งสายน้ำแห่งชีวิตจะไหลออกมาจากคริสเตียนทุกคนด้วยเช่นกัน! (‘คนที่วางใจในเรา' ข้อ 38) พระเยซูตรัสว่า แม่น้ำนี้จะไหลมาจากคุณเพื่อนำชีวิต นำการเกิดผล และนำการรักษามาสู่ผู้คนอื่น ๆ

ภาพ ๆ นี้ถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งในพระธรรมวิวรณ์ซึ่งเราได้เห็นถึงการเติมเต็มของนครเยรูซาเล็ม (วิวรณ์ 22:1-3) เช่นเดียวกับแม่น้ำที่ไหลออกจากเอเดนในช่วงต้นของพระคัมภีร์ (ปฐมกาล 2:10) ดังนั้นในตอนท้ายในสวรรค์และโลกใหม่ แม่น้ำจะไหลจากนครของพระเจ้าแห่งนี้ที่ซึ่งพระเจ้าทรงประทับอยู่กับมนุษย์ตลอดไปเป็นนิตย์

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์ทรงสัญญาจะสถิตอยู่กับข้าพระองค์ไม่ว่าข้าพระองค์จะไปที่ใด และพระองค์จะไม่ปล่อยให้ข้าพระองค์ล้มเหลว หรือทอดทิ้งข้าพระองค์ ขอโปรดเติมข้าพระองค์ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ เพื่อแม่น้ำแห่งชีวิตจะไหลออกจากใจของข้าพระองค์ในวันนี้

Pippa Adds

เฉลยธรรมบัญญัติ 31:6

‘จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่ากลัวหรือครั่นคร้ามเขาเลย เพราะว่าผู้ที่ไปกับท่านคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน พระองค์จะไม่ทรงปล่อยท่านให้ล้มเหลวหรือทอดทิ้งท่าน’

นี่เป็นหนึ่งในข้อพระคำประจำชีวิตของฉัน

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

ဤအစီအစဥ္အေၾကာင္း

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!

More