พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลПримерок

เป็นพลเมืองดีอย่างไร
นักการเมือง: เราจะปฏิบัติกับพวกเขาอย่างไร? รัฐบาลและสมาชิกสภาท้องถิ่น: เราจะบอกพวกเขาอย่างไร?ภาษี: เราจำเป็นต้องจ่ายไหม? แล้วถ้าเป็นระบอบการปกครองที่ชั่วร้ายล่ะ? ถ้าคุณอยู่ภายใต้การปกครองของฮิตเลอร์หรือสตาลิน คุณสมควรเชื่อฟังพวกเขาหรือไม่? อัครสาวกเปาโลเขียนว่า ‘จงเป็นพลเมืองที่ดี’ ‘ไม่มีอำนาจใดเลยที่ไม่ได้มาจากพระเจ้า ตราบใดที่มีสันติและความเรียบร้อย นั่นคือระเบียบของพระเจ้า ดังนั้นจงใช้ชีวิตอย่างรับผิดชอบในฐานะพลเมือง ผู้ที่ขัดขืนอำนาจนั้น ก็ขัดขืนผู้ซึ่งพระเจ้า ผู้ที่ขัดขืนนั้นจะต้องถูกลงโทษ ผู้ครอบครองที่ถูกแต่งตั้งขึ้นจะเป็นภัยต่อเมื่อท่านพยายามขัดขืน แต่พลเมืองดีไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว’ (โรม 13:1-3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) นี่คงจะเป็นแนวคิดที่สุดโต่งสำหรับผู้อ่านรุ่นแรกของอาจารย์เปาโล ในโลกยุคโบราณผู้คนส่วนใหญ่มองว่าศาสนาและการปกครองเป็นเรื่องเดียวกัน คริสตจักรยุคแรกยังต้องปรับตัวกับความคิดว่าพระเมสสิยาห์จะไม่ปกครองคนของพระองค์ในการปกครองของโลกนี้ เพราะพวกเขาต่างนมัสการโรมและจักรพรรดิดั่งพระเจ้า แต่ว่าอาจารย์เปาโลบอกพวกเขาให้ติดตามพระเยซูในฐานะกษัตริย์ของพวกเขาและยังคงจำนนต่อสิทธิอำนาจของโรม คำสอนของเปาโลในโรม 13 จะต้องสมดุลกับวิวรณ์ 13 ซึ่งวิวรณ์ 13 ถูกเขียนในสมัยที่คริสเตียนถูกข่มเหงภายใต้จักรวรรดิโดมิเชียน การเมืองปกครองถูกมองว่าเป็นพันธมิตรกับซาตาน (ในคราบของพญานาคสีแดง) ผู้ซึ่งมอบอำนาจของตนแก่การปกครองที่ข่มเหง (ในคราบของสัตว์ร้ายที่ผุดขึ้นจากทะเล) ที่เลวร้ายสุดคืออำนาจการปกครองนั้นอาจจะถูกครอบงำโดยวิญญาณชั่ว ทั้งโรม 13 และวิวรณ์ 13 นั้นต่างก็เป็นความจริง มีทั้งฝ่ายปกครองที่ดีและที่ไม่ดี ในการปกครองที่ดีแต่ก็อาจมีส่วนไม่ดีด้วยเช่นกัน ตามที่ออสการ์ คูลแมนกล่าวว่า ‘ไม่ว่ารัฐจะยังคงอยู่ภายในขอบเขตหรือละเมิดกฏ คริสเตียนก็สามารถเรียกรัฐเป็นดั่งผู้รับใช้ของพระเจ้าหรือเป็นดั่งเครื่องมือของมารได้เช่นกัน’ แล้วคุณจะมีชีวิตแบบพลเมืองที่ดีได้อย่างไร?สดุดี 89:38-45
อธิษฐานเพื่อผู้คนที่มีสิทธิอำนาจ
อิสราเอลมีระบอบการปกครองที่พระเจ้าเป็นผู้ปกครองสูงสุด ที่ทั้งคริสตจักรและฝ่ายปกครองผูกประสานกันโดยไม่อาจแยกได้ ผู้นำของประชากรของพระเจ้า คือผู้ที่ ‘พระองค์ทรงเจิมไว้’ (ข้อ 38) และยังเป็นผู้เดียวกับที่สวม ‘มงกุฎ’ (ข้อ 39) และนั่งบน ‘บัลลังก์’ (ข้อ 44)
กษัตริย์ต่าง ๆ ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมถือว่าถูกเจิมตั้งโดยพระเจ้า ถึงกระนั้นพวกเขาหลายคนก็ได้ทำบาปและไม่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้า ผู้เขียนสดุดีกล่าวว่า ‘แต่บัดนี้ พระองค์ทรงทอดทิ้งและปฏิเสธ พระองค์ทรงพระพิโรธต่อผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้ พระองค์ได้ทรงยกเลิกพันธสัญญาที่ทำกับผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์ทรงทำให้มงกุฎของท่านเป็นมลทินในผงคลีดิน’ (ข้อ 38-39)
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์อธิษฐานเผื่อรัฐบาลของเราและผู้นำต่าง ๆ ในประเทศนี้ ขออย่าให้พวกเขาถูกปกคลุมด้วยความอับอาย ขอให้พวกเขาปกครองอย่างดีเยี่ยมและอย่างมีปัญญา
โรม 13:1-14
ชื่นชมในเสรีภาพภายใต้สิทธิอำนาจ
เราอยู่ในช่วงเวลาระหว่างการเสด็จมาครั้งแรกและการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระเยซู เมื่อพระเยซูกลับมา พระองค์จะปกครองและครอบครองเป็นนิจ ไม่จำเป็นจะต้องมีการปกครองฝ่ายโลกอีกต่อไป แต่ในระหว่างนี้ เราจำเป็นจะต้องมีการปกครองฝ่ายโลก ในถ้อยคำของเปโตร อำนาจของการปกครองนั้นเป็นที่ประจักษ์ชัดในรูปแบบของ ‘ผู้มีสิทธิอำนาจ’ (1 เปโตร 2:13)
นั่นไม่ได้หมายความว่ามนุษย์วางแผนทุกอย่างขึ้นมาตามอำเภอใจหรือแยกตัวออกจากพระเจ้า แต่นี่เป็นสถาบันในการดำรงอยู่ของสังคมมนุษย์ตามที่พระเจ้าทรงสร้างไว้
แต่ในเมื่อพระเจ้าทรงเป็นผู้เจิมตั้ง อาจารย์เปาโลเขียนว่านั่นเองเราทุกคนจึงต้องยอมจำนนต่อผู้มีอำนาจที่ปกครองอยู่ (โรม 13:1-2)
หากสิ่งนี้ยังใช้กับสิทธิอำนาจฝ่ายโลก แล้วจะยิ่งใช้กับสิทธิอำนาจของคริสตจักรมากเพียงใด คริสตจักรต่าง ๆ มีโครงสร้างของสิทธิอำนาจที่ต่างกัน ตามประสบการณ์ของผม การยอมต่อสิทธิอำนาจของผู้นำคริสตจักรไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป แต่ก็นำมาซึ่งเสรีภาพที่ยิ่งใหญ่
นี่เป็นหลักการพื้นฐานในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ คุณจะต้องเชื่อฟังสิทธิอำนาจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล การปกครองท้องถิ่น และสถาบันที่คุณมีส่วน ทำไมกัน?
-
คุณทำแบบนั้นเพราะว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของอำนาจที่พระเจ้าทรงสถาปนาไว้
-
คุณทำแบบนั้นเพราะตระหนักถึงผลที่ตามมาของการไม่เชื่อฟัง ‘หากท่านแหกกฎทั้งซ้ายและขวา จงระวังไว้ตำรวจไม่ได้มีเพื่อให้ชื่นชมเครื่องแบบของพวกเขาเท่านั้น พระเจ้าสนพระทัยในการรักษาระเบียบ และพระองค์ทรงใช้พวกเขาให้ทำมัน’ (ข้อ 4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
‘3. ...เพื่อมโนธรรมด้วย’ (ข้อ 5) ถ้าคุณไม่เชื่อฟังผู้มีอำนาจ คุณไม่อาจมีชีวิตอยู่ร่วมกับมโนธรรมที่ชัดเจนได้ ‘นั่นเป็นเหตุผลที่ท่านต้องมีชีวิตที่มีความรับผิดชอบ ไม่ใช่แค่เพื่อหลีกเลี่ยงการลงโทษ แต่เพราะว่านั่นเป็นวิธีการใช้ชีวิตที่ถูกต้องด้วย’ (ข้อ 5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
เราเห็นความแตกต่างชัดเจนระหว่างมโนธรรมส่วนตัวและการบังคับใช้กฎหมายของผู้มีอำนาจ ในด้านมโนธรรม คำสอนของอาจารย์เปาโลนั้นคล้ายคลึงกับคำสอนของพระเยซูคริสต์ ซึ่งพูดถึงการไม่ตอบโต้และ ‘การหันแก้มอีกข้าง’ (ข้อ 12:14-21) ทว่าอาจารย์เปาโลย้ายจากจุดนี้ไปพูดถึง ‘อำนาจที่ปกครองอยู่’ (ข้อ 13:1-6) เขาเปรียบบรรดาผู้นำที่ได้รับสิทธิอำนาจมาจากพระเจ้าเป็นดั่งผู้รับใช้ของพระเจ้าที่จะนำบทลงโทษมาสู่ผู้ที่กระทำผิด (ข้อ 4)
หัวข้อนี้ได้ถูกให้ความสำคัญในแง่มุมของการปกป้องคุ้มครองผู้อื่น การรู้เห็นและเพิกเฉยต่อการฆาตกรรมและความรุนแรง จะเป็นอะไรที่ขัดกับความเป็นคริสเตียนและความรัก ในทางเดียวกัน ถ้าการมีสิทธิอำนาจที่จะใช้ความรุนแรงเพื่อปกป้องประชาชนจากความขัดแย้งภายใน เป็นสิ่งที่ถูก ถ้าเป็นเช่นนั้นการปกป้องพวกเขาจากความขัดแย้งภายนอกด้วยการใช้ความรุนแรง ก็เป็นสิ่งที่ควรจะยอมรับได้เช่นเดียวกันเมื่อถึงคราวจำเป็น แน่นอนว่าในทางปฏิบัติ มักจะเป็นเรื่องยากมากที่จะนำเอามาใช้ แม้การใช้กำลังดังกล่าวถือเป็นเรื่องชอบธรรม
สิ่งที่ดูจะที่ขัดแย้งน้อยกว่าคือเราควรจ่ายในสิ่งที่เราเป็นหนี้ (ข้อ 6-8) นั่นหมายความว่าเราจะต้องจ่ายภาษีให้ครบทุกบาทที่เราค้างและใบเก็บเงินทั้งหมดทันทีที่มาถึงมือเรา ‘จงให้แก่ทุกคนที่ท่านต้องให้เขา… อย่าเป็นหนี้อะไรใครเลย’ (ข้อ 7-8)
การมีหนี้ที่วางแผนไว้แล้วและบริหารจัดการได้นั้นไม่ผิด เช่น การจำนอง เงินกู้เพื่อการศึกษา หรือบัตรเครดิต แต่เราจะต้องหลีกเลี่ยงการมีหนี้ที่ไม่ได้วางแผนไว้หรือไม่สามารถจัดการได้อย่างมีสติ ถ้าคุณพบว่าตัวเองติดหนี้ มันสำคัญที่คุณจะไม่เพิกเฉยและพยายามหาความช่วยเหลือให้เร็วที่สุด อย่างเช่น หาที่ปรึกษาด้านหนี้สินของคริสเตียน
วิธีทำให้กฎเกณฑ์ต่าง ๆ สำเร็จเป็นจริงได้ก็คือการรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ‘เมื่อท่านรักผู้อื่น ท่านได้ทำตามสิ่งที่กฎเรียกร้องมาตลอดให้สำเร็จ’ (ข้อ 8ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ถ้าเราทำตามนั้น เราจะกล้าไม่ลักขโมยเพราะคนที่ถูกเราขโมยจะทุกข์ใจมาก เราจะไม่ฆ่าฟัน หรือแม้แต่มีความโกรธในแบบที่ผิด ๆ เพราะความเจ็บปวดที่จะมาถึงผู้อื่น เราจะไม่ล่วงประเวณีเพราะความเสียหายที่จะเกิดกับชีวิตสมรสและความสัมพันธ์ต่าง ๆ
‘ในธรรมบัญญัติ – อย่านอนกับคู่ของคนอื่น อย่าพรากชีวิตของคนอื่น อย่าเอาสิ่งที่ไม่ใช่ของตนมา อย่าปรารถนาสิ่งที่ตนไม่มีอยู่เรื่อย ๆ และ “อย่า” อื่น ๆ ที่เราคิดออกนั้น สุดท้ายแล้วรวมเป็นหลักการว่า จงรักผู้อื่นเหมือนกับที่ท่านรักตัวเอง ท่านไม่สามารถผิดพลาดได้เมื่อท่านรักผู้อื่น เมื่อเราบวกทุกอย่างในธรรมบัญญัติแล้ว จำนวนรวมนั้นคือความรัก’ (ข้อ 9-10 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
บทบัญญัติได้ถูกสรุปและทำให้สำเร็จด้วยความรัก ความรักไม่ใช่ข้ออ้างให้ไม่รักษาธรรมบัญญัติ แต่เป็นวิธีการรักษามัน บัญญัติเหล่านั้นถูกให้ด้วยรักที่มีต่อเราและถูกทำให้สำเร็จด้วยรัก อาจารย์เปาโลไม่ได้เขียนว่าถ้าคุณรัก คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังกฎ แต่เขาบอกว่าถ้าคุณรัก คุณจะทำตามกฎหรือบัญญัตินั่นเอง
พระเยซูเป็นตัวอย่างของความรักสูงสุด อาจารย์เปาโลบอกว่า ‘ท่านทั้งหลายจงประดับกายด้วยพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า’ (ข้อ 14) อธิษฐานขอที่พระลักษณะของพระเยซู และความรักของพระองค์จะล้อมรอบเรา ปกป้องเรา และเป็นที่ประจักษ์ต่อคนที่เราพบเจอในวันนี้
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์อยากจะประดับกายด้วยพระเยซูคริสต์ และไม่ ‘จัดเตรียมอะไรไว้เพื่อสนองตัณหาของเนื้อหนัง’ (ข้อ 14) โปรดช่วยให้ความรักของพระเยซูเห็นผ่านข้าพระองค์ในวันนี้
1 พงศาวดาร 7:1-9:1ก
พึงระวังข้อจำกัดของสิทธิอำนาจ
เมื่อเรามองดูโลกรอบตัวในปัจจุบัน เราเห็นถึงผู้นำและการปกครองที่ทั้งดีและไม่ดี ประชาชนอิสราเอลก็ได้เจอกับการปกครองที่ไม่ดีเช่นกัน
ผู้เขียนพงศาวดารได้สรุปรายชื่อและลำดับวงศ์ตระกูล เขาเขียนว่า ‘นี่คือลำดับพงศ์พันธุ์ที่ครบถ้วนของอิสราเอลทั้งชาติ ซึ่งถูกบันทึกในพระราชพงศาวดารของกษัตริย์อิสราเอลและกษัตริย์ยูดาห์ ในช่วงเวลาที่พวกเขาถูกเนรเทศไปบาบิโลนเพราะชีวิตที่ไม่เชื่อและไม่เชื่อฟังของพวกเขา’ (ข้อ 9:1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ในรายการนี้เขาพูดถึงซาอูลว่า ‘คีชเป็นบิดาของซาอูล ซาอูลเป็นบิดาของโยนาธาน’ (ข้อ 8:33) ซึ่งภายหลังเขาได้เน้นว่านี่คือแบบอย่างของคนที่เป็นผู้นำที่ดีในตอนแรก แต่จบลงด้วยการเป็นผู้นำที่ไม่ดี (ข้อ 10:13-14)
ซาอูลเป็นตัวอย่างของผู้มีอำนาจในแบบที่พระธรรมวิวรณ์ 13 กล่าวถึง ถึงกระนั้นดาวิดพยายามเท่าที่เขาสามารถทำได้ เพื่อจะยังคงสัตย์ซื่อ และยอมจำนนต่อสิทธิอำนาจของซาอูล
ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยให้ข้าพระองค์มีชีวิตอย่างพลเมืองดี มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อคนที่พระองค์ทรงวางให้มีอำนาจเหนือข้าพระองค์ โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ยอมจำนนด้วยความเต็มใจ แม้ในเวลาที่ไม่เห็นด้วยก็ตาม โปรดช่วยให้เรามีสติปัญญาที่จะรู้เมื่อถึงขีดจำกัดแล้ว
Pippa Adds
‘จงลุกขึ้นและตื่นตัวต่อสิ่งที่พระเจ้ากำลังทำ!’ (โรม 13:12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)Опис за овој план

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Слични Планови

Живеј живот со цел!

Пет молитви на понизност

Твојата најдобра инвестиција!

Живеј со сила и храброст!

Што е вистинска љубов?

божиќ о, дојдете да го прославиме!

доверба - да веруваш на тоа што бог го кажува во неговото слово и да живееш во согласност со тоа божјо слово

Отстапи го на Бога првото место

Библија за деца
