พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลMuestra

จะมีความมั่นใจได้อย่างไร
การอธิบายถึงใครบางคนว่า ‘มั่นใจในตัวเอง’ มักจะตั้งใจให้เป็นคำชม แต่มีความมั่นใจ ทั้งในแบบที่ถูกต้องและแบบผิด ๆ ความมั่นใจแบบผิด ๆ เกี่ยวข้องกับการเห็นตัวเองมีคุณค่ามากยิ่งกว่าพระเจ้า นี่เป็นความเย่อหยิ่ง แต่ความมั่นใจอย่างถูกต้อง เกี่ยวข้องกับการมองเห็นคุณค่าตัวเอง*ใน* และ*ผ่านทาง*พระคริสต์ ‘ความมั่นใจตามความหมายธรรมชาติโลก คือการพึ่งพาตนเอง ส่วนในโลกฝ่ายวิญญาณ คือ การพึ่งพาพระเจ้า’ ที่สุดแล้ว นี่เกี่ยวข้องกับความมั่นใจในการทรงสถิตของพระเจ้าสดุดี 137:1-9
การสูญเสียความมั่นใจ
มีบางสิ่งที่ปลอบประโลมใจอย่างมากเกี่ยวกับความโกรธที่ถูกเขียนไว้ในพระธรรมสดุดีนี้ มันคือเครื่องเตือนใจว่า คุณสามารถที่จะเป็นตัวเอง และซื่อสัตย์กับความรู้สึกของคุณกับพระเจ้าได้ และคุณไม่จำเป็นต้องปิดปังบางส่วนของคำอธิษฐานของคุณ เพราะพระองค์สามารถจัดการ แม้กระทั่งความคิดที่ดำมึดที่สุดของคุณได้
ประชากรของพระเจ้าสูญเสียความมั่นใจของพวกเขา เรื่องการทรงสถิตของพระเจ้า ผู้เขียนสดุดีถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยในเมืองบาบิโลนซึ่งห่างไกลจากกรุงเยรูซาเล็ม และพระนิเวศแห่งการทรงสถิตของพระเจ้า สิ่งที่เลวร้ายที่สุดเกี่ยวกับการถูกจับไปเป็นเชลยในคนของพระเจ้าก็คือ: ‘ณ ริมฝั่งลำน้ำแห่งบาบิโลน ที่นั่นเรานั่งลงและร่ำไห้เมื่อระลึกถึงศิโยน’ (ข้อ 1)
การตอบสนองที่เต็มไปด้วยความรุนแรง และความปรารถนาที่จะแก้แค้นของพวกเขานั้นคือ ‘เจ้าต้องถูกล้างผลาญให้สาสมกับที่เจ้าได้ทำกับเรา’ (ข้อ 8-9) ซึ่งเป็นการร่ำร้องอันห่างไกลจากพระบัญญัติของพระเจ้าในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ที่ให้รักศัตรูของคุณ (ดูมัทธิว 5:44) แต่เป็นการร่ำไห้ในลักษณะเดียวกันในการคร่ำครวญของผู้ที่ถูกทรมาน (สดุดี 137:3) และปรารถนาการทรงสถิตของพระเจ้าอย่างแรงกล้า
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ปรารถนาการทรงสถิตย์ของพระองค์ในวันนี้
1 ยอห์น 3:11-4:6
ความมั่นใจที่ถูกรื้อฟื้น
ความมั่นใจ และความรักนั้นมาควบคู่กัน ถ้าคุณรู้ถึงความรักของพระเจ้าสำหรับคุณ คุณจะรักพระองค์และผู้อื่น แล้วคุณจะใช้ชีวิตอย่างมั่นใจต่อพระพักตร์พระเจ้า และต่อหน้าบรรดามนุษย์ทุกคน
ความรักไม่ใช่เพียงแค่ความรู้สึก แต่รวมถึงการกระทำ: ‘เช่นนี้แหละเราจึงรู้จักความรัก โดยที่พระองค์ได้ยอมสละพระชนม์ของพระองค์เพื่อเรา เราก็ควรจะสละชีวิตของเราเพื่อพี่น้อง แต่ถ้าใครมีทรัพย์สมบัติในโลกนี้ และเห็นพี่น้องของตนขัดสนแล้วยังไม่เปิดใจช่วยเขา ความรักของพระเจ้าจะดำรงอยู่ในคนนั้นได้อย่างไร?’ (3:16-17)
เป็นสิ่งสำคัญที่จะบอกแก่ผู้คนมากมายว่า พระเจ้ารักเขา และคุณก็รักเขาเช่นกัน แต่คำพูดนั้นไม่เพียงพอ ‘ลูกทั้งหลายเอ๋ย อย่าให้เรารักกันด้วยคำพูดและด้วยปากเท่านั้น แต่จงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง’ (ข้อ 18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) สำแดงความรักของคุณในทางที่พระเยซูทรงได้ทำไว้ โดยการกระทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อผู้ยากไร้
นี่เป็นพระบัญญัติที่ถือได้ว่าเป็นการท้าทายที่ยิ่งใหญ่ในโลก เพราะมีพี่น้องจำนวนมากที่ต่างก็มีความจำเป็นที่ต้องได้รับความช่วยเหลือ เราต้องลงมือปฏิบัติในประเด็นสำคัญต่างๆของโลกที่เราอยู่นี้ ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาความยากจน ความอยุติธรรม โรคร้ายที่ไม่สามารถป้องกันได้ อีกทั้งในบริบทของคริสตจักรท้องถิ่น คุณต้องรักด้วยการแสดงออก และความจริง
พระเจ้าปรารถนาให้คุณมีความมั่นใจจำเพาะพระพักตร์พระองค์ (ข้อ 21) พระองค์ปรารถนาให้คุณ ‘กล้าหาญและมีเสรีต่อหน้าพระเจ้า’ (ข้อ 21, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ความมั่นใจนั้นเป็นสิ่งตรงกันข้ามกับการกล่าวโทษ การกล่าวโทษไม่ได้มาจากพระเจ้า ‘เพราะฉะนั้นไม่มีการลงโทษคนที่อยู่ในพระเยซูคริสต์’ (โรม 8:1) การกล่าวโทษนั้นมาจากมารซึ่งเป็นผู้ให้ร้าย หรือจากหัวใจของเราเอง (1 ยอห์น 3:20)
มีความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างการกล่าวโทษ ‘ใจของเขากล่าวโทษตัวเอง’ (ข้อ 20,พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) และการสำแดงให้เห็นความบาป ซึ่งมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ (ยอห์น 16:8) เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้ความมั่นใจแก่ผมเกี่ยวกับความบาป มันจะมีความเจาะจง ผมรู้ว่าผมทำผิด และจุดประสงค์ก็คือเพื่อช่วยให้ผมได้กลับใจใหม่ ได้รับการรื้อฟื้นและถูกยกขึ้นมาอีกครั้ง
ในอีกทางหนึ่ง การกล่าวโทษนั้นเป็นความรู้สึกที่คลุมเครือไม่ชัดเจนของความรู้สึกผิด และความละอาย ที่ทำให้เรารู้สึกแย่กับตัวเอง แม้ว่าเรานั้นจะได้อธิษฐานขอการอภัยบาป และกลับใจใหม่แล้ว มันขโมยเอาความมั่นใจต่อหน้าพระเจ้าของเราไป
การยืนยันอันอัศจรรย์ก็คือ ‘พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่กว่าใจที่เป็นทุกข์กังวลของเราและทรงรู้จักเรามากกว่าที่เรานั้นรู้จักตัวเอง’ (1 ยอห์น 3:20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ไม่มีใครสมบูรณ์ แต่ในความรักที่ไม่สมบูรณ์นั้น เป็นหลักฐานที่ชี้ว่าพระวิญญาณทรงกระทำการอยู่ในชีวิตของคุณ เมื่อคุณได้ระลึกถึงความล้มเหลวในหัวใจของคุณ ความหิวกระหายในความรักอันสมบูรณ์แบบของพระคริสต์นั้นไม่ควรทำให้คุณหวั่นไหวในการยืนยันนี้ แต่กลับเป็นการตอกย้ำมัน
พระเจ้าไม่ได้ทรงกล่าวโทษคุณ แต่ทรงยอมรับคุณแม้คุณผิดพลาดมามากเพียงใด ไม่ว่าความไม่สมบูรณ์แบบ และความอ่อนแอของคุณจะเป็นอย่างไร แน่นอนว่า พระองค์ทรงสัญญาว่าคุณจะได้รับจากพระองค์ถ้าคุณทูลขอ เพราะคุณเชื่อฟังและประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ และปฏิบัติตามชอบพระทัยพระองค์ (ข้อ 22)
การเชื่อฟังพระบัญญัติของพระองค์ และปฏิบัติตามชอบพระทัยพระองค์ หมายความว่าอย่างไร? คำตอบง่ายมาก มีเพียงสองสิ่งที่ต้องการ สิ่งแรกคือ เชื่อวางใจในพระเยซู และสิ่งที่สอง คือ รักกันและกัน ถ้าคุณทำสองสิ่งนี้ควบคู่กันเสมอ คุณสามารถมั่นใจได้ว่าคุณได้ดำรงชีวิตอยู่ในพระองค์และพระองค์อยู่ในคุณ: ‘เช่นนี้แหละ พวกเราจึงรู้ว่าพระองค์สถิตอยู่ในเราคือโดยพระวิญญาณที่พระองค์ประทานแก่เรา’ (ข้อ 24, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
เราจะรู้ได้อย่างไรว่า นั่นคือ พระวิญญาณของพระเจ้า และไม่ใช่วิญญาณอื่นที่อยู่ในเรา? ‘วิญญาณทุกดวงที่ยอมรับว่าพระเยซูคริสต์ได้เสด็จมาเป็นมนุษย์ วิญญาณนั้นก็มาจากพระเจ้า’ (4:2)
เราจะได้ต่อสู้ในหลายการสู้รบ เราจะถูกโลกเกลียดชัง (3:13) จะมีผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จมากมาย ‘ไม่ใช่ทุกคนที่พูดถึงพระเจ้า มาจากพระเจ้า’ (4:1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) แต่คุณสามารถมีความมั่นใจได้เพราะว่า “พระองค์ผู้ทรงอยู่ในพวกท่านยิ่งใหญ่กว่าผู้ที่อยู่ในโลก” (ข้อ 4)
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่ข้าพระองค์ได้รู้ถึงการทรงสถิตของพระองค์ผ่านทางพระวิญญาณของพระองค์ และที่ข้าพระองค์สามารถมีความมั่นใจต่อหน้าพระองค์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ในวันนี้ที่จะรักอย่างที่พระเยซูได้ทรงรัก ที่ข้าพระองค์จะยินดีที่จะสละชีวิตของตนเองเพื่อผู้อื่น
ดาเนียล 9:20-11:1
ความมั่นใจที่ได้รับมา
เป็นสิ่งที่หนุนใจผมอย่างมากว่า ดาเนียลไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบ จนถึงตอนนี้ สิ่งที่เราได้อ่านเกี่ยวกับดาเนียลแทบทั้งหมดช่วยให้เราเห็นว่า เขาปราศจากตำหนิ แต่เราก็ได้อ่านถึง ‘ข้าพเจ้ากำลังระบายความในใจของข้าพเจ้า อธิษฐานสารภาพบาปของข้าพเจ้าและบาปของประชากรของข้าพเจ้า’ (9:20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) กระนั้น ทันทีที่เขาได้เริ่มต้นอธิษฐานก็ได้รับคำตอบ และเขาถูกเรียกว่า ‘ผู้เป็นที่รักอย่างยิ่ง’ (ข้อ 23;10:11) ‘ผู้ที่ทรงรักมาก’ (9:23, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
นิมิตและคำเผยพระวจนะมากมายนั้นเกิดขึ้นจริงในหลากหลายระดับ มีทั้งที่เกิดขึ้นทันทีในประวัติศาสตร์และที่ต้องรอคอย ที่ต้องรอคอยนั้นก็คือ การสิ้นพระชนม์ของพระเยซู พระองค์ทรงเป็นเพียงผู้เดียวที่ ‘ยุติการละเมิดให้บาปจบสิ้น และให้ลบมลทิน เพื่อนำความชอบธรรมนิรันดร์เข้ามา’ (ข้อ 24) พระองค์ทรงเป็นผู้ที่ได้รับการเจิม (ลูกา 4:18) พระองค์ทรงเป็นผู้ที่จะเสด็จกลับมา และยุคสุดท้ายจะมาเหมือนดังน้ำท่วม
พระเยซูสะท้อนถ้อยคำเหล่านี้ต่อเหล่าสาวกของพระองค์ เมื่อได้พูดถึงการต่อสู้ที่ผู้ติดตามพระองค์ต้องเผชิญภายหลังจากที่พระองค์เสด็จจากไปแล้ว และจนกว่าที่พระองค์จะเสด็จกลับมาเป็นครั้งสุดท้าย (ดูมัทธิว 24:6,8,15-16) สิ่งเหล่านี้ได้เกิดขึ้นไปแล้วบางส่วนเมื่อมีบางคนตั้งตนขึ้นต่อต้านพระเจ้า จากจักรวรรดิโรมันจนถึงสตาลิน และชัยชนะครั้งสุดท้ายของพระเยซูเหนือมารซาตานก็จะสำเร็จในวันหนึ่งเช่นกัน
ดาเนียลมีนิมิตที่เมื่อได้อ่านผ่านมุมมองของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่เราจะเข้าใจว่ามันคือนิมิตแห่งพระเยซู ‘ข้าพเจ้าแหงนมองขึ้นดู นี่แน่ะ มีชายคนหนึ่งสวมเสื้อผ้าป่าน มีทองเมืองอุฟาสคาดเอวไว้ ร่างกายของท่านก็เหมือนกับฟ้าแลบ ดวงตาของท่านก็เหมือนกับเปลวไฟของคบเพลิง แขนและเท้าเป็นเงางามเหมือนกับทองสัมฤทธิ์ขัด และเสียงถ้อยคำของท่านเหมือนเสียงมวลชน’ (ดาเนียล 10:5-6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
นี่คล้ายกับคำบรรยายถึงพระเยซูในพระธรรมวิวรณ์ 1:12-18 เมื่อดาเนียลเห็นนิมิตแห่งพระเยซูนี้ ‘ข้าพเจ้าก็สิ้นเรี่ยวสิ้นแรง หน้าของเขาก็ซีดไป’ (ดาเนียล 10:8, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
เมื่อดาเนียลถ่อมตัวลงเขาจึงได้รับการยืนยัน มีเสียงพูดกับเขาว่า “ดาเนียลเอ๋ย อย่ากลัวเลย เพราะตั้งแต่วันแรกที่ท่านตั้งใจจะเข้าใจและถ่อมตัวลง พระเจ้าได้ยินคำอธิษฐานของท่าน” (ข้อ 12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
นิมิตนี้ยังดำเนินต่อไปและดาเนียลพรรณนาว่าเขานั้น ‘ประหลาดใจเพราะมีบางสิ่งคล้ายกับมือมนุษย์มาสัมผัสที่ริมฝีปาก (ของเขา)’ เขากล่าวต่อไปว่า ‘แล้วข้าพเจ้าก็อ้าปากพูด..ท่านผู้มีรูปร่างอย่างมนุษย์นั้นได้แตะต้องข้าพเจ้าอีกครั้งหนึ่งและให้กำลังแก่ข้าพเจ้า ท่านกล่าวว่า “อย่ากลัวเลย เพื่อนเอ๋ย ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี จงเข้มแข็ง เออ จงเข้มแข็งเถิด’ เมื่อท่านพูดกับข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้ามีกำลังขึ้นและกล่าวว่า “ขอเจ้านายของข้าพเจ้าจงพูดเถิด เพราะท่านได้ให้กำลังข้าพเจ้าแล้ว”’ (ข้อ 15-19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
เมื่อพระเยซูสัมผัสที่ริมฝีปากของคุณ คุณได้รับความมั่นใจและความสามารถในการที่จะพูด (ข้อ 16) เมื่อพระเยซูทรงสัมผัสร่างกายของคุณ คุณได้รับความมั่นใจ และกำลังที่จะประพฤติปฏิบัติ (ข้อ 18)
ข้อความที่มาถึงดาเนียลคือ ‘อย่ากลัวเลย...สวัสดิภาพจงมีแด่ท่าน จงเข้มแข็งเถิด’ (ข้อ 19) ความมั่นใจนี้มาถึงท่านด้วยเช่นกันเพราะพระเยซูทรงมอบความกล้าหาญ สันติภาพ และกำลังแก่ท่าน
ข้าแต่พระเจ้าข้า ข้าพระองค์ปรารถนาการทรงสถิตย์ของพระเยซูในข้าพระองค์ยิ่งนัก ขอทรงช่วยให้ข้าพระองค์เข้าใจพระคำของพระองค์และที่จะถ่อมตัวลงต่อหน้าพระองค์ (ข้อ 12) ขอทรงมอบความมั่นใจในการทรงสถิตย์ของพระองค์ ขอได้โปรดสัมผัสริมฝีปากของข้าพระองค์และประทานความมั่นใจและความสามารถในการที่จะพูดพระคำของพระองค์ ขอทรงโปรดสัมผัสร่างกายของข้าพระองค์และประทานความมั่นใจและกำลังที่จะประพฤติปฏิบัติ ขอทรงนำความกลัวของข้าพระองค์ออกไปและประทานสันติสุขของพระองค์แก่ข้าพระองค์
Pippa Adds
ดาเนียล 10:19ข
‘เมื่อพระเจ้าพูด ข้าพเจ้าก็มีกำลังขึ้น …’
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)Acerca de este Plan

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Planes relacionados

5 Claves Para Liderar Con Madurez: Convierte tu influencia en impacto duradero

El Tesoro Del Sufrimiento

Un Matrimonio Que Da Fruto

Vivir Una Vida Que Importe

inVISIBLES

El Arte Perdido Del Servicio

¡Hola Rival! Un Plan De Juego Bíblico Para Deportistas Cristianos.

De Camino Con Jesús

El Rey Que Se Hizo Siervo
