Logo de YouVersion
Icono de búsqueda

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลMuestra

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

DÍA 337 DE 365

จะมีความมั่นใจได้อย่างไร

การอธิบายถึงใครบางคนว่า ‘มั่นใจในตัวเอง’ มักจะตั้งใจให้เป็นคำชม แต่มีความมั่นใจ ทั้งในแบบที่ถูกต้องและแบบผิด ๆ ความมั่นใจแบบผิด ๆ เกี่ยวข้องกับการเห็นตัวเองมีคุณค่ามากยิ่งกว่าพระเจ้า นี่เป็นความเย่อหยิ่ง แต่ความมั่นใจอย่างถูกต้อง เกี่ยวข้องกับการมองเห็นคุณค่าตัวเอง*ใน* และ*ผ่านทาง*พระคริสต์ ‘ความมั่นใจตามความหมายธรรมชาติโลก คือการพึ่งพาตนเอง ส่วนในโลกฝ่ายวิญญาณ คือ การพึ่งพาพระเจ้า’ ที่สุดแล้ว นี่เกี่ยวข้องกับความมั่นใจในการทรงสถิตของพระเจ้า

สดุดี 137:1-9

การสูญเสียความมั่นใจ

มีบางสิ่งที่ปลอบประโลมใจอย่างมากเกี่ยวกับความโกรธที่ถูกเขียนไว้ในพระธรรมสดุดีนี้ มันคือเครื่องเตือนใจว่า คุณสามารถที่จะเป็นตัวเอง และซื่อสัตย์กับความรู้สึกของคุณกับพระเจ้าได้ และคุณไม่จำเป็นต้องปิดปังบางส่วนของคำอธิษฐานของคุณ เพราะพระองค์สามารถจัดการ แม้กระทั่งความคิดที่ดำมึดที่สุดของคุณได้

ประชากรของพระเจ้าสูญเสียความมั่นใจของพวกเขา เรื่องการทรงสถิตของพระเจ้า ผู้เขียนสดุดีถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยในเมืองบาบิโลนซึ่งห่างไกลจากกรุงเยรูซาเล็ม และพระนิเวศแห่งการทรงสถิตของพระเจ้า สิ่งที่เลวร้ายที่สุดเกี่ยวกับการถูกจับไปเป็นเชลยในคนของพระเจ้าก็คือ: ‘ณ ริมฝั่งลำน้ำแห่งบาบิโลน ที่นั่นเรานั่งลงและร่ำไห้เมื่อระลึกถึงศิโยน’ (ข้อ 1)

การตอบสนองที่เต็มไปด้วยความรุนแรง และความปรารถนาที่จะแก้แค้นของพวกเขานั้นคือ ‘เจ้าต้องถูกล้างผลาญให้สาสมกับที่เจ้าได้ทำกับเรา’ (ข้อ 8-9) ซึ่งเป็นการร่ำร้องอันห่างไกลจากพระบัญญัติของพระเจ้าในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ที่ให้รักศัตรูของคุณ (ดูมัทธิว 5:44) แต่เป็นการร่ำไห้ในลักษณะเดียวกันในการคร่ำครวญของผู้ที่ถูกทรมาน (สดุดี 137:3) และปรารถนาการทรงสถิตของพระเจ้าอย่างแรงกล้า

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ปรารถนาการทรงสถิตย์ของพระองค์ในวันนี้

1 ยอห์น 3:11-4:6

ความมั่นใจที่ถูกรื้อฟื้น

ความมั่นใจ และความรักนั้นมาควบคู่กัน ถ้าคุณรู้ถึงความรักของพระเจ้าสำหรับคุณ คุณจะรักพระองค์และผู้อื่น แล้วคุณจะใช้ชีวิตอย่างมั่นใจต่อพระพักตร์พระเจ้า และต่อหน้าบรรดามนุษย์ทุกคน

ความรักไม่ใช่เพียงแค่ความรู้สึก แต่รวมถึงการกระทำ: ‘เช่นนี้แหละเราจึงรู้จักความรัก โดยที่พระองค์ได้ยอมสละพระชนม์ของพระองค์เพื่อเรา เราก็ควรจะสละชีวิตของเราเพื่อพี่น้อง แต่ถ้าใครมีทรัพย์สมบัติในโลกนี้ และเห็นพี่น้องของตนขัดสนแล้วยังไม่เปิดใจช่วยเขา ความรักของพระเจ้าจะดำรงอยู่ในคนนั้นได้อย่างไร?’ (3:16-17)

เป็นสิ่งสำคัญที่จะบอกแก่ผู้คนมากมายว่า พระเจ้ารักเขา และคุณก็รักเขาเช่นกัน แต่คำพูดนั้นไม่เพียงพอ ‘ลูกทั้งหลายเอ๋ย อย่าให้เรารักกันด้วยคำพูดและด้วยปากเท่านั้น แต่จงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง’ (ข้อ 18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) สำแดงความรักของคุณในทางที่พระเยซูทรงได้ทำไว้ โดยการกระทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อผู้ยากไร้

นี่เป็นพระบัญญัติที่ถือได้ว่าเป็นการท้าทายที่ยิ่งใหญ่ในโลก เพราะมีพี่น้องจำนวนมากที่ต่างก็มีความจำเป็นที่ต้องได้รับความช่วยเหลือ เราต้องลงมือปฏิบัติในประเด็นสำคัญต่างๆของโลกที่เราอยู่นี้ ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาความยากจน ความอยุติธรรม โรคร้ายที่ไม่สามารถป้องกันได้ อีกทั้งในบริบทของคริสตจักรท้องถิ่น คุณต้องรักด้วยการแสดงออก และความจริง

พระเจ้าปรารถนาให้คุณมีความมั่นใจจำเพาะพระพักตร์พระองค์ (ข้อ 21) พระองค์ปรารถนาให้คุณ ‘กล้าหาญและมีเสรีต่อหน้าพระเจ้า’ (ข้อ 21, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ความมั่นใจนั้นเป็นสิ่งตรงกันข้ามกับการกล่าวโทษ การกล่าวโทษไม่ได้มาจากพระเจ้า ‘เพราะฉะนั้นไม่มีการลงโทษคนที่อยู่ในพระเยซูคริสต์’ (โรม 8:1) การกล่าวโทษนั้นมาจากมารซึ่งเป็นผู้ให้ร้าย หรือจากหัวใจของเราเอง (1 ยอห์น 3:20)

มีความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างการกล่าวโทษ ‘ใจของเขากล่าวโทษตัวเอง’ (ข้อ 20,พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) และการสำแดงให้เห็นความบาป ซึ่งมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ (ยอห์น 16:8) เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้ความมั่นใจแก่ผมเกี่ยวกับความบาป มันจะมีความเจาะจง ผมรู้ว่าผมทำผิด และจุดประสงค์ก็คือเพื่อช่วยให้ผมได้กลับใจใหม่ ได้รับการรื้อฟื้นและถูกยกขึ้นมาอีกครั้ง

ในอีกทางหนึ่ง การกล่าวโทษนั้นเป็นความรู้สึกที่คลุมเครือไม่ชัดเจนของความรู้สึกผิด และความละอาย ที่ทำให้เรารู้สึกแย่กับตัวเอง แม้ว่าเรานั้นจะได้อธิษฐานขอการอภัยบาป และกลับใจใหม่แล้ว มันขโมยเอาความมั่นใจต่อหน้าพระเจ้าของเราไป

การยืนยันอันอัศจรรย์ก็คือ ‘พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่กว่าใจที่เป็นทุกข์กังวลของเราและทรงรู้จักเรามากกว่าที่เรานั้นรู้จักตัวเอง’ (1 ยอห์น 3:20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ไม่มีใครสมบูรณ์ แต่ในความรักที่ไม่สมบูรณ์นั้น เป็นหลักฐานที่ชี้ว่าพระวิญญาณทรงกระทำการอยู่ในชีวิตของคุณ เมื่อคุณได้ระลึกถึงความล้มเหลวในหัวใจของคุณ ความหิวกระหายในความรักอันสมบูรณ์แบบของพระคริสต์นั้นไม่ควรทำให้คุณหวั่นไหวในการยืนยันนี้ แต่กลับเป็นการตอกย้ำมัน

พระเจ้าไม่ได้ทรงกล่าวโทษคุณ แต่ทรงยอมรับคุณแม้คุณผิดพลาดมามากเพียงใด ไม่ว่าความไม่สมบูรณ์แบบ และความอ่อนแอของคุณจะเป็นอย่างไร แน่นอนว่า พระองค์ทรงสัญญาว่าคุณจะได้รับจากพระองค์ถ้าคุณทูลขอ เพราะคุณเชื่อฟังและประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ และปฏิบัติตามชอบพระทัยพระองค์ (ข้อ 22)

การเชื่อฟังพระบัญญัติของพระองค์ และปฏิบัติตามชอบพระทัยพระองค์ หมายความว่าอย่างไร? คำตอบง่ายมาก มีเพียงสองสิ่งที่ต้องการ สิ่งแรกคือ เชื่อวางใจในพระเยซู และสิ่งที่สอง คือ รักกันและกัน ถ้าคุณทำสองสิ่งนี้ควบคู่กันเสมอ คุณสามารถมั่นใจได้ว่าคุณได้ดำรงชีวิตอยู่ในพระองค์และพระองค์อยู่ในคุณ: ‘เช่นนี้แหละ พวกเราจึงรู้ว่าพระองค์สถิตอยู่ในเราคือโดยพระวิญญาณที่พระองค์ประทานแก่เรา’ (ข้อ 24, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เราจะรู้ได้อย่างไรว่า นั่นคือ พระวิญญาณของพระเจ้า และไม่ใช่วิญญาณอื่นที่อยู่ในเรา? ‘วิญญาณทุกดวงที่ยอมรับว่าพระเยซูคริสต์ได้เสด็จมาเป็นมนุษย์ วิญญาณนั้นก็มาจากพระเจ้า’ (4:2)

เราจะได้ต่อสู้ในหลายการสู้รบ เราจะถูกโลกเกลียดชัง (3:13) จะมีผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จมากมาย ‘ไม่ใช่ทุกคนที่พูดถึงพระเจ้า มาจากพระเจ้า’ (4:1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) แต่คุณสามารถมีความมั่นใจได้เพราะว่า “พระองค์ผู้ทรงอยู่ในพวกท่านยิ่งใหญ่กว่าผู้ที่อยู่ในโลก” (ข้อ 4)

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่ข้าพระองค์ได้รู้ถึงการทรงสถิตของพระองค์ผ่านทางพระวิญญาณของพระองค์ และที่ข้าพระองค์สามารถมีความมั่นใจต่อหน้าพระองค์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ในวันนี้ที่จะรักอย่างที่พระเยซูได้ทรงรัก ที่ข้าพระองค์จะยินดีที่จะสละชีวิตของตนเองเพื่อผู้อื่น

ดาเนียล 9:20-11:1

ความมั่นใจที่ได้รับมา

เป็นสิ่งที่หนุนใจผมอย่างมากว่า ดาเนียลไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบ จนถึงตอนนี้ สิ่งที่เราได้อ่านเกี่ยวกับดาเนียลแทบทั้งหมดช่วยให้เราเห็นว่า เขาปราศจากตำหนิ แต่เราก็ได้อ่านถึง ‘ข้าพเจ้ากำลังระบายความในใจของข้าพเจ้า อธิษฐานสารภาพบาปของข้าพเจ้าและบาปของประชากรของข้าพเจ้า’ (9:20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) กระนั้น ทันทีที่เขาได้เริ่มต้นอธิษฐานก็ได้รับคำตอบ และเขาถูกเรียกว่า ‘ผู้เป็นที่รักอย่างยิ่ง’ (ข้อ 23;10:11) ‘ผู้ที่ทรงรักมาก’ (9:23, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

นิมิตและคำเผยพระวจนะมากมายนั้นเกิดขึ้นจริงในหลากหลายระดับ มีทั้งที่เกิดขึ้นทันทีในประวัติศาสตร์และที่ต้องรอคอย ที่ต้องรอคอยนั้นก็คือ การสิ้นพระชนม์ของพระเยซู พระองค์ทรงเป็นเพียงผู้เดียวที่ ‘ยุติการละเมิดให้บาปจบสิ้น และให้ลบมลทิน เพื่อนำความชอบธรรมนิรันดร์เข้ามา’ (ข้อ 24) พระองค์ทรงเป็นผู้ที่ได้รับการเจิม (ลูกา 4:18) พระองค์ทรงเป็นผู้ที่จะเสด็จกลับมา และยุคสุดท้ายจะมาเหมือนดังน้ำท่วม

พระเยซูสะท้อนถ้อยคำเหล่านี้ต่อเหล่าสาวกของพระองค์ เมื่อได้พูดถึงการต่อสู้ที่ผู้ติดตามพระองค์ต้องเผชิญภายหลังจากที่พระองค์เสด็จจากไปแล้ว และจนกว่าที่พระองค์จะเสด็จกลับมาเป็นครั้งสุดท้าย (ดูมัทธิว 24:6,8,15-16) สิ่งเหล่านี้ได้เกิดขึ้นไปแล้วบางส่วนเมื่อมีบางคนตั้งตนขึ้นต่อต้านพระเจ้า จากจักรวรรดิโรมันจนถึงสตาลิน และชัยชนะครั้งสุดท้ายของพระเยซูเหนือมารซาตานก็จะสำเร็จในวันหนึ่งเช่นกัน

ดาเนียลมีนิมิตที่เมื่อได้อ่านผ่านมุมมองของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่เราจะเข้าใจว่ามันคือนิมิตแห่งพระเยซู ‘ข้าพเจ้าแหงนมองขึ้นดู นี่แน่ะ มีชายคนหนึ่งสวมเสื้อผ้าป่าน มีทองเมืองอุฟาสคาดเอวไว้ ร่างกายของท่านก็เหมือนกับฟ้าแลบ ดวงตาของท่านก็เหมือนกับเปลวไฟของคบเพลิง แขนและเท้าเป็นเงางามเหมือนกับทองสัมฤทธิ์ขัด และเสียงถ้อยคำของท่านเหมือนเสียงมวลชน’ (ดาเนียล 10:5-6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

นี่คล้ายกับคำบรรยายถึงพระเยซูในพระธรรมวิวรณ์ 1:12-18 เมื่อดาเนียลเห็นนิมิตแห่งพระเยซูนี้ ‘ข้าพเจ้าก็สิ้นเรี่ยวสิ้นแรง หน้าของเขาก็ซีดไป’ (ดาเนียล 10:8, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เมื่อดาเนียลถ่อมตัวลงเขาจึงได้รับการยืนยัน มีเสียงพูดกับเขาว่า “ดาเนียลเอ๋ย อย่ากลัวเลย เพราะตั้งแต่วันแรกที่ท่านตั้งใจจะเข้าใจและถ่อมตัวลง พระเจ้าได้ยินคำอธิษฐานของท่าน” (ข้อ 12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

นิมิตนี้ยังดำเนินต่อไปและดาเนียลพรรณนาว่าเขานั้น ‘ประหลาดใจเพราะมีบางสิ่งคล้ายกับมือมนุษย์มาสัมผัสที่ริมฝีปาก (ของเขา)’ เขากล่าวต่อไปว่า ‘แล้วข้าพเจ้าก็อ้าปากพูด..ท่านผู้มีรูปร่างอย่างมนุษย์นั้นได้แตะต้องข้าพเจ้าอีกครั้งหนึ่งและให้กำลังแก่ข้าพเจ้า ท่านกล่าวว่า “อย่ากลัวเลย เพื่อนเอ๋ย ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี จงเข้มแข็ง เออ จงเข้มแข็งเถิด’ เมื่อท่านพูดกับข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้ามีกำลังขึ้นและกล่าวว่า “ขอเจ้านายของข้าพเจ้าจงพูดเถิด เพราะท่านได้ให้กำลังข้าพเจ้าแล้ว”’ (ข้อ 15-19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เมื่อพระเยซูสัมผัสที่ริมฝีปากของคุณ คุณได้รับความมั่นใจและความสามารถในการที่จะพูด (ข้อ 16) เมื่อพระเยซูทรงสัมผัสร่างกายของคุณ คุณได้รับความมั่นใจ และกำลังที่จะประพฤติปฏิบัติ (ข้อ 18)

ข้อความที่มาถึงดาเนียลคือ ‘อย่ากลัวเลย...สวัสดิภาพจงมีแด่ท่าน จงเข้มแข็งเถิด’ (ข้อ 19) ความมั่นใจนี้มาถึงท่านด้วยเช่นกันเพราะพระเยซูทรงมอบความกล้าหาญ สันติภาพ และกำลังแก่ท่าน

ข้าแต่พระเจ้าข้า ข้าพระองค์ปรารถนาการทรงสถิตย์ของพระเยซูในข้าพระองค์ยิ่งนัก ขอทรงช่วยให้ข้าพระองค์เข้าใจพระคำของพระองค์และที่จะถ่อมตัวลงต่อหน้าพระองค์ (ข้อ 12) ขอทรงมอบความมั่นใจในการทรงสถิตย์ของพระองค์ ขอได้โปรดสัมผัสริมฝีปากของข้าพระองค์และประทานความมั่นใจและความสามารถในการที่จะพูดพระคำของพระองค์ ขอทรงโปรดสัมผัสร่างกายของข้าพระองค์และประทานความมั่นใจและกำลังที่จะประพฤติปฏิบัติ ขอทรงนำความกลัวของข้าพระองค์ออกไปและประทานสันติสุขของพระองค์แก่ข้าพระองค์

Pippa Adds

ดาเนียล 10:19ข

‘เมื่อพระเจ้าพูด ข้าพเจ้าก็มีกำลังขึ้น …’

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

Acerca de este Plan

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!

More