พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลUkázka

วิธีจัดการกับความขัดแย้ง
‘พระคัมภีร์บอกให้เรารักเพื่อนบ้านและรักศัตรูของเราด้วย อาจเป็นเพราะพวกเขาเป็นคน ๆ เดียวกัน!’ เขียนโดย จี.เค. เชสเตอร์ตัน ความขัดแย้งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้แต่พวกหลบเลี่ยงการเผชิญหน้าก็เลี่ยงไม่ได้ เมื่อเราดำเนินชีวิตไป เราจะต้องเผชิญกับคนที่เราจะขัดแย้งด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้ สำหรับคริสเตียน ยังมีความขัดแย้งภายในระหว่างความปรารถนาของธรรมชาติที่เป็นบาปของเรากับพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราอาจประสบกับความขัดแย้งเมื่อเรายืนหยัดเพื่อความจริงภายในคริสตจักร หรือเมื่อเรามีส่วนร่วมกับวัฒนธรรมที่แพร่หลาย แม้แต่ในสหราชอาณาจักร ประเทศซึ่งวัดจากประเพณีแล้วสมควรถูกมองว่าเป็น ‘คริสเตียน’ วัฒนธรรมที่แพร่หลายก็เริ่มเป็นปฏิปักษ์ต่อความเชื่อของคริสเตียนมากขึ้นสดุดี 109:1-20
ขัดแย้งกับผู้ที่เกลียดชังและโจมตีเรา
ดาวิดร้องทูลพระเจ้าว่า ‘ผู้ซึ่งข้าพระองค์สรรเสริญ’ (ข้อ 1) เขาขัดแย้งกับ ‘คนอธรรมและคนหลอกลวงใส่ร้าย’ เขา (ข้อ 2) ด้วย ‘ลิ้นมุสา’ (ข้อ 2) และ ‘ถ้อยคำเกลียดชัง’ (ข้อ 3) ‘พวกเขาตอบแทนความดีของข้าพระองค์ด้วยความชั่ว และตอบแทนความรักของข้าพระองค์ด้วยความเกลียดชัง’ (ข้อ 5)
เป็นเรื่องที่น่าวิตกอย่างยิ่งเมื่อคนที่เรารักและคิดว่าเป็นเพื่อนของเราโจมตีเรา ข้อกล่าวหาและคำพูดแสดงความเกลียดชังของพวกเขาทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างสุดซึ้ง
คำตอบของดาวิดในสดุดีนี้คือการนำความเจ็บปวดและการดิ้นรนมาสู่พระเจ้า ในระหว่างนั้นเขาประกาศว่า ‘ข้าพระองค์ได้แต่อธิษฐาน’ (ข้อ 4) และเขาระบายความในใจต่อพระเจ้า เขาเรียกหาพระเจ้าโดยปราศจากถ้อยคำที่เป็นกิจจะลักษณะ เขาร้องขอให้พระเจ้าไม่นิ่งเฉย แต่ให้ตอบแทนแก่พวกคนเหล่านั้น
บางสิ่งที่เขากล่าวอาจอ่านแล้วเข้าใจยาก และสะท้อนให้เห็นว่าการให้อภัยนั้นได้โดยยากเพียงใดหากปราศจากความช่วยเหลือจากพระเจ้า ตรงกันข้ามกับการที่พระเยซูทรงเรียกให้ ‘รักศัตรูของ[ท่าน] และจงอธิษฐานเพื่อบรรดาคนที่ข่มเหงพวก[ท่าน]’ (มัทธิว 5:44) หากคุณถูกโจมตีอย่างไม่เป็นธรรม ให้ทำตามแบบอย่างของดาวิดในเรื่องความสัตย์ซื่อต่อพระเจ้า ในเวลาเดียวกันขอให้พระเจ้าช่วยคุณเอาชนะความขมขื่น และความเกลียดชัง
ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์เมื่อข้าพระองค์ประสบกับความขัดแย้ง ไม่ให้ตอบสนองในเนื้อหนัง แต่ตอบสนองในพระวิญญาณ
กาลาเทีย 5:7-26
ขัดแย้งกับความบาป และในใจเรา
ความขัดแย้ง และการเผชิญหน้าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญของความเป็นผู้นำที่มีความกล้าหาญ เปาโลพบว่าตัวเองขัดแย้งกับ ‘ผู้ก่อกวน’ ท่านจดจ่ออยู่ในความจริง และใช้ภาษาที่รุนแรงมากกับพวกเขาเหล่านั้นที่กำลังนำคริสตจักรให้หลงทาง
ที่จริงแล้ว ท่านกล่าวว่าหากคนพวกนั้นกระหายที่จะตัดส่วนนั้นทางกายวิภาคของผู้ชายโดยการเข้าสุหนัต พวกเขาก็อาจจะเป็น ‘ขันที’ หรือตอนตัวเองไปด้วยเลย (ข้อ 12) เป็นภาษาที่น่าประหลาดใจมากที่ได้พบในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่แต่ความจริงเป็นสิ่งสำคัญ และเปาโลก็พร้อมที่จะเผชิญความขัดแย้งเพื่อปกป้องความจริง
หลังจากนั้นเปาโลก็ก้าวไปสู่ความขัดแย้งระหว่างธรรมชาติของเนื้อหนังที่เป็นบาปกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวิญญาณบริสุทธิ์และธรรมชาติของความบาป ‘ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน’ (ข้อ 17)
ประเด็นของเปาโลในการโต้แย้งทั้งหมด คือการเน้นเรื่องเสรีภาพ อย่างไรก็ตาม เสรีภาพจากบาปไม่ได้ หมายถึง เสรีภาพในการทำบาป
เปาโลเปรียบเทียบการเป็นทาสออกมาเป็นสองรูปแบบ นิตินิยม (การเป็นทาสต่อกฎเกณฑ์) และการอนุมัติ (การเป็นทาสตัวเอง) คุณได้รับอิสรภาพจากสิ่งเหล่านี้ หลีกเลี่ยงทั้งการเป็นทาสต่อกฎเกณฑ์และการเป็นทาสตัวเอง:’แค่แน่ใจว่าท่านไม่ได้ใช้เสรีภาพนี้เป็นข้ออ้างในการทำสิ่งที่ท่านต้องการทำและทำลายเสรีภาพของตน จงใช้เสรีภาพในการรับใช้กันด้วยความรัก’ (ข้อ 13–14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
เสรีภาพที่แท้จริงไม่ใช่การขาดศีลธรรม แต่เป็นเสรีภาพในการรับใช้ผู้อื่นด้วยความรัก รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง (ข้อ 14) หากเรายังคงตอบสนองต่อความขัดแย้งดังที่โลกทำ โดยการ ‘กัดและกินเนื้อกันและกัน' เราจะทำลายซึ่งกันและกัน (ข้อ 15)
เปาโลแสดงรายการสี่ตัวอย่างของเขตแดนที่ความขัดแย้งนี้ดำเนินอยู่:
- บาปทางเพศ: 'ซ้ำซาก, ไร้ความรัก, เพศสัมพันธ์ที่ไร้คุณค่า; การสะสมขยะทางจิตใจและอารมณ์เน่าเหม็น การไขว่คว้าความสุขอย่างบ้าคลั่งและไร้ความสุข’ (ข้อ 19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
- บาปทางความเชื่อ: ‘เทพเจ้าเล็ก ๆ น้อย ๆ การแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ ความเหงาหวาดระแวง’ (ข้อ 20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
- บาปทางสังคม: ‘การแข่งขันที่โหดร้าย ความต้องการกอบโกยทุกสิ่งแต่ไม่ตอบสนองความพอใจสักที อารมณ์รุนแรง ความเปราะบางที่ปรารถนาอยากจะรักหรือเป็นที่รัก ครอบครัวและชีวิตแตกแยก ขี้ใจน้อย และลำเอียง นิสัยที่ชอบยุแยง ทำให้ทุกคนห้ำหั่นต่อสู้กันเอง’ (ข้อ 20ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
- บาปแห่งความเกินพอดี: ‘การเสพติดที่ไม่สามารถควบคุมได้ และไม่มีการควบคุม การเล่นที่น่าเกลียดน่าชังของชุมนุมชน’ (ข้อ 21, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
อย่าสนองตัณหาเหล่านี้ แต่จงดำเนินชีวิตและได้รับการ ‘นำโดยพระวิญญาณ’ (ข้อ 18) หากคุณเลือกดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ คุณจะไม่ทำตามตัณหาของเนื้อหนังที่ทดลองเราตลอดเวลา แต่คุณจะผลิตผลของพระวิญญาณ นั่นคือ ‘ความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์ ความสุภาพอ่อนโยน การรู้จักบังคับตน’ (ข้อ 22–23) ดังที่เพื่อนของผม ไมเคิล ทิมมิส เขียนถึงผมว่า ‘วิธีที่ผมนิยามความรักคือการใช้ผลของพระวิญญาณ ซึ่งเริ่มด้วยความรัก ผมเชื่อว่า ความยินดีคือความรักที่เปรมปรีดิ์ ความสันติสุขคือความรักที่สงบ ความอดทนคือความรักที่รอคอย ความกรุณาคือความรักที่มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ความดีคือการเริ่มต้นความรัก ความซื่อสัตย์คือความรักที่รักษาคำพูด ความสุภาพอ่อนโยนคือการเอาใจใส่ในความรัก การรู้จักบังคับตนเองคือความรักที่ต่อต้านการทดลองใจ’
นี่คือคุณลักษณะที่เราเห็นในพระเยซู เปาโลกล่าวต่อไปว่า ‘ผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ได้ตรึงเนื้อหนังไว้ที่กางเขนพร้อมกับราคะและตัณหาแล้ว’ (ข้อ 24) การทดลองมักจะดึงเรากลับไป แต่ ‘ถ้าเรามีชีวิตอยู่โดยพระวิญญาณ ก็จงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณด้วย’ (ข้อ 25)
หลีกเลี่ยงความขัดแย้งส่วนตัวให้มากที่สุด: 'เราอย่าอวดตัว อย่ายั่วโทสะกัน และอย่าอิจฉากันเลย’ (ข้อ 26)
เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตอยู่ในคุณ ให้พระองค์มีส่วนร่วมในการตัดสินใจทั้งหมดของคุณ และคุณทำตามการกระตุ้นเตือนของพระองค์ หากคุณกำลังคิด พูดหรือทำอะไรบางอย่างที่ทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจ นั่นอาจเป็นการกระตุ้นจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้หยุด ในทางกลับกัน เมื่อคุณตัดสินใจและรู้สึกถึงความสงบสุขลึก ๆ ให้รู้ว่า นั่นมาจากการปฏิบัติตามพระวิญญาณบริสุทธิ์
ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์จัดการกับความขัดแย้งอย่างชาญฉลาด เพื่อรักษาทางให้สอดคล้องกับพระวิญญาณบริสุทธิ์
อิสยาห์ 47:1-49:7
ขัดแย้งกับวัฒนธรรม
เช่นเดียวกับหลาย ๆ คนในทุกวันนี้ ผู้คนของพระเจ้ามักพบว่าตนเองอยู่ในวัฒนธรรมที่มีมาตรฐานแตกต่างจากมาตรฐานของพวกเขาเองอย่างมาก คุณนั้นไม่ได้ถูกเรียกให้ถอยออกห่างจากวัฒนธรรมนั้น แต่คุณถูกเรียกให้แตกต่าง จงใช้ชีวิตให้ทวนต่อกระแสวัฒนธรรมและคุณจะมีผลกระทบอย่างมหาศาลต่อวัฒนธรรมในเชิงบวก
ประชากรของพระเจ้าพบว่าตนเองอยู่ในสังคมที่โหดร้าย (บาบิโลน) ที่ ‘ไม่ได้แสดงความกรุณาต่อเขา’ (47: 6) วัฒนธรรมที่น่าภาคภูมิใจมาก (ข้อ 8–9) หลงใหลในศาสตร์แห่งเวทมนตร์ โหราศาสตร์ และดวงชะตา (ข้อ 9ข, 12–13)
เป็นเรื่องยากมากที่จะมีชีวิตที่ทวนต่อกระแสวัฒนธรรม
จากนั้นอิสยาห์ก็พูดกับอิสราเอล เขากล่าวว่าหากเพียงแต่พวกอิสราเอลเอาใจใส่พระเจ้าและพระบัญชาของพระองค์ ‘ความสมบูรณ์พูนสุขของเจ้าจะเป็นเหมือนแม่น้ำ และความชอบธรรมของเจ้าจะเหมือนคลื่นทะเล’ (48:18)
แม้จะมีการล้มลงต่อบาปและปัญหามากมายของชนชาติอิสราเอล พระเจ้าไม่ทรงละทิ้งแผนการและจุดประสงค์ของพระองค์สำหรับ ‘ผู้รับใช้ของเราอิสราเอลผู้ซึ่งเราจะสำแดงศักดิ์ศรีของเราเอง’ (49:3) เราได้อ่านถึง ‘ผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์’ อีกผู้หนึ่ง (ดู พระคัมภีร์ใน 1 ปี วันที่ 260) ตอนนี้เจาะจงไปตัวผู้ที่จะ ‘นำยาโคบกลับมาหาพระองค์และเพื่อรวบรวมอิสราเอลมายังพระองค์’ (ข้อ 5) พระประสงค์ดั้งเดิมของพระเจ้าสำหรับอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์จะถูกเปิดเผย และสำเร็จในบุคคลผู้นี้ สิ่งนี้เองเล็งไปถึงพระเยซู พระองค์เป็นชาวอิสราเอลที่ถูกส่งไปยังอิสราเอล พระองค์ถูกระบุตนเป็นคนของชนชาตินี้ แต่ก็แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
ภารกิจแรกของผู้รับใช้คือการประกาศความจริง ปากของเขา ‘เหมือนดาบคม’ (ข้อ 2) พระเจ้าตรัสกับชนชาติหนึ่งและบอกพวกเขาให้บอกแก่ชนชาติอื่น ๆ ภารกิจที่สองของผู้รับใช้ คือ การทำให้พระเจ้าปรากฏให้เห็นเด่นชัด ‘ซึ่งเราจะสำแดงศักดิ์ศรีของเราเอง’ (ข้อ 3) ภารกิจที่สามคือการเป็นพรแก่โลก: ‘เรากำลังตั้งเจ้าให้เป็นแสงสว่างสำหรับประชาชาติเพื่อให้ความรอดของเรากลายเป็นสากล!’ (ข้อ 6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
อิสยาห์ทำให้เราได้เห็นว่าผู้รับใช้จะบรรลุเป้าหมายงานรับใช้เหล่านี้ได้อย่างไร ในเงาที่สะท้อนล่วงหน้าในอิสยาห์บทที่ 53 เขาพูดถึง ‘ผู้ถูกดูหมิ่นและถูกประชาชาติรังเกียจ’ (49:7) ผู้รับใช้ซึ่งสรรเสริญพระเจ้า (ข้อ 3) บัดนี้พระเจ้าได้ทรงยกย่องผู้รับใช้ผู้นั้น: ‘กษัตริย์ทั้งหลายจะมองดูแล้วจะยืนขึ้น และพวกเจ้านายจะกราบลงด้วยตัวเอง เพราะเหตุพระยาห์เวห์ผู้สัตย์จริง องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลผู้ได้เลือกสรรเจ้า’ (ข้อ 7)
สิ่งนี้สำเร็จเป็นจริงเมื่อพวกนักปราชญ์มานมัสการพระเยซู (มัทธิว 2:1–12) และสำเร็จครั้งแล้วครั้งเล่าในช่วง 2,000 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากกษัตริย์ จักรพรรดิ ประธานาธิบดี และนายกรัฐมนตรีได้คุกเข่าลงต่อพระเยซู
อิสราเอลนั้นไม่ประสบผลสำเร็จแต่พระเยซูทรงทำ บัดนี้ เป็นหน้าที่ของเราที่จะเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า อาจารย์เปาโลและบารนาบัสอ้างข้อนี้: ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งเราว่าอย่างนี้ “เราตั้งเจ้าไว้ให้เป็นความสว่างสำหรับคนต่างชาติ เพื่อเจ้าจะได้นำความรอดไปจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก”’ (อิสยาห์ 49:6; กิจการ 13: 47)
ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ให้มีส่วนกับวัฒนธรรมรอบตัว พูดความจริงด้วยความรัก ทำให้พระเจ้าปรากฏในชีวิต และเป็นแสงสว่างให้กับคนรอบข้าง
Pippa Adds
กาลาเทีย 5:22-23
‘... ผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์ ความสุภาพอ่อนโยน การรู้จักบังคับตน’
วันนี้คุณสบายดีไหม? เราทุกคนต้องทำงานในแต่ละด้านของชีวิตกันต่อไป
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)O tomto plánu

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Podobné plány

Uvědomit si, že Bůh mě miluje

Svoboda

Radujme se

Co je mým účelem? Nauč se milovat Boha a milovat druhé lidi

Porazit sebevědomí a úzkost

Ester: Pro chvíli, jako je tato

Milost ve vašem příběhu

Zůstávejme v Ježíši: Přinášejme trvalé ovoce (Love God Greatly/Miluj Boha nesmírně)

Zkus se modlit
