พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลUkázka

ทุกวิกฤติคือโอกาส
ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี เคยกล่าวไว้ว่า ‘เมื่อเขียนเป็นภาษาจีน คำว่า “วิกฤติ” ประกอบด้วยอักขระสองตัว ตัวแรกแสดงถึงอันตราย และอีกตัวหนึ่งแสดงถึงโอกาส’ ทุกวิกฤติในเวลาเดียวกันย่อมมีโอกาส วิกฤติมักเกิดจากปัญหาที่เราคาดไม่ถึง เราทุกคนมีปัญหา พวกเราหลายคนต้องเผชิญกับวิกฤติ คุณตอบสนองต่อช่วงเวลาแห่งปัญหา อันตราย หรือความยากลำบากที่ไม่คาดคิดในชีวิตอย่างไร? เราตอบสนองต่อปัญหาที่คาดไม่ถึงในคริสตจักรหรือในประเทศของเราอย่างไร? เราจะทำอย่างไรเมื่อ ‘(เรา)หมดปัญญา’? (สดุดี 107:27) เราจะทำอย่างไรเมื่อ ‘ความจริงของข่าวประเสริฐ’ ตกอยู่ในอันตราย? (กาลาเทีย 2:5) เราตอบสนองต่อ ‘วันทุกข์ใจ’ ในชีวิตของเราอย่างไร? (อิสยาห์ 37:3)สดุดี 107:23-32
ร้องทูลต่อพระเจ้าในคำอธิษฐาน
อาจมีบางครั้งในชีวิตของคุณที่คุณต้องเผชิญกับพายุใหญ่ เป็น ‘พายุ’ ที่ดูเหมือนจะพัดและคลื่นก็ ‘กำเริบ’ (ข้อ 25) ความกล้าหาญของคุณละลายไป (ข้อ 26ข) และคุณถึงจุดสิ้นสุดของปัญญา (ข้อ 26-27) คุณเจอพายุที่ไม่คาดคิดและไม่รู้ว่าจะออกไปได้อย่างไร
สดุดีตอนนี้บอกคุณว่าจะตอบสนองอย่างไร บรรดาผู้คน:
‘... ร้องทูลพระเจ้าในสภาพที่สิ้นหวัง [ของพวกเขา]
|พานำ(เขา)ออกมาในเวลาไม่นาน’ (ข้อ 28, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
พระเจ้าไม่เคยสาย ไม่เคยรีบเร่ง พระองค์มาทันเวลาเสมอ!
‘พระองค์ทรงทำให้พายุสงบลง
|และคลื่นทะเลก็นิ่ง
|...พระองค์ทรงนำเขามาถึงเมืองท่าที่เขาปรารถนา’ (ข้อ 29-30ข)
เมื่อพระเจ้าตอบรับคำร้องขอของคุณที่ต้องการความช่วยเหลือ อย่าลืมขอบพระคุณพระองค์:
‘ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับความรักอันน่าอัศจรรย์ของพระองค์
|เพื่อพระเมตตาอันอัศจรรย์ของพระองค์ที่มีต่อบุตรธิดาที่เขารัก’ (ข้อ 31-32, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณสำหรับหลายครั้งที่พระองค์ได้ยินเสียงทูลและทรงช่วยข้าพระองค์ ข้าพระองค์ร้องทูลขอความช่วยเหลือในชีวิตของข้าพระองค์ และเพื่อคริสตจักรในประเทศนี้
กาลาเทีย 2:1-10
ใช้ทักษะ การเจรจาเชื่อมความสัมพันธ์ และความกล้าหาญ
ดังที่เราเห็นเมื่อวานนี้ บางครั้งเราอาจถูกล่อลวงให้ดูถูกส่วนอื่น ๆ ของคริสตจักร นิกายอื่น ๆ หรือคริสเตียนคนอื่น ๆ ด้วยความหวังว่าพวกเขาจะเป็นเหมือนพวกเรามากขึ้น! 'ถ้าเพียงแต่พวกเขาทำสิ่งที่เหมือนเรามากขึ้น พวกเขาก็จะเป็นคริสเตียนที่ ‘เหมาะสม’ หรือ ‘คริสเตียนที่ดีกว่า’ ในการคิดเช่นนี้ แท้จริงแล้ว เพียงพอต่อการแสดงว่าเราปฏิเสธที่จะเชื่อในพระเยซู
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับคริสตจักรกาลาเทีย มีคนบอกว่าแค่มีความเชื่อในพระเยซูไม่ถือว่าเพียงพอ หากพวกเขาต้องการเป็นคริสเตียนที่ ‘แท้จริง’ พวกเขาจำเป็นต้องเข้าสุหนัต
คริสตจักรยุคแรกกำลังเผชิญกับวิกฤติที่คาดไม่ถึง และอัครสาวกเปาโลต้องใช้ทั้งหมดของความกล้าหาญและความมุ่งมั่น รวมกับทักษะ และการเจรจาเชื่อมความสัมพันธ์ เพื่อหลีกเลี่ยงการแบ่งแยกที่สร้างความเสียหายและแตกแยกในคริสตจักร
เปาโลต้องการชี้แจงอย่างชัดเจนว่าเขาได้ลงมือทำภายใต้การทรงนำ และการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ‘ข้าพเจ้าขึ้นไปตามที่พระเจ้าได้ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้า’ (ข้อ 2) เปาโลเชื่อมั่นในความถูกต้องของข่าวประเสริฐที่เขาสั่งสอน แต่ก็กังวลเรื่องความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันด้วย ‘ข้าพเจ้าทำสิ่งนี้กับผู้นำเป็นการส่วนตัว... เพื่อที่ความกังวลของเราจะไม่กลายเป็นประเด็นสาธารณะที่เป็นที่ถกเถียงกัน’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
เปาโลพาเพื่อนสองคนไปด้วย คือบารนาบัสกับทิตัส บารนาบัสเป็นชาวยิว และทิตัสเป็นชาวกรีก (คนต่างชาติที่ไม่ได้เข้าสุหนัต) สำหรับชาวยิวในศตวรรษแรก มีคนอยู่สองประเภทในโลกคือคนยิวและคนกรีก (เข้าสุหนัตและไม่ได้เข้าสุหนัต) การเข้าสุหนัตเป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกว่าเป็นชาวยิว ตามพระบัญชาของพระเจ้า (ปฐมกาล 17:9-14) หมายความถึงพันธสัญญาของพระเจ้ากับคนที่พระองค์ทรงเลือก
กระนั้น เปาโลเลือกทิตัสเป็นเพื่อนคนหนึ่ง 'ที่สำคัญ ทิตัส ด้วยความที่เขาไม่ใช่คนยิว ไม่จำเป็นต้องเข้าสุหนัต’ (กาลาเทีย 2:3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ประเด็นของเปาโลในส่วนนี้คืออัครสาวกในกรุงเยรูซาเล็ม (ยากอบ เปโตร และยอห์น) ตกลงกันว่าข่าวดีของพระเยซูคริสต์มีให้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชาวยิวและคนต่างชาติ คนเข้าสุหนัตและไม่ได้เข้าสุหนัต
เปาโลจำเป็นต้องปกป้อง ‘เสรีภาพซึ่งเรามีในพระเยซูคริสต์’ (ข้อ 4) เสรีภาพที่แท้จริงพบได้ผ่านความเชื่อในพระคริสต์เท่านั้น การระบุให้ต้องเข้าสุหนัตอันเป็นไปเพื่อความชอบธรรมก่อนหน้านั้น ‘ทำให้เราเป็นทาส' (ข้อ 4)
หากชาวต่างชาติยอมจำนนต่อข้อเรียกร้องให้เข้าสุหนัต เท่ากับพวกเขาปฏิเสธสาระสำคัญของพระกิตติคุณ จุดประสงค์ของจดหมายฉบับนี้คือเพื่ออธิบาย ‘ความจริงของข่าวประเสริฐ’ (ข้อ 5) เปาโลต้องการแสดงให้เห็นว่าชีวิต การสิ้นพระชนม์ และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูได้บรรลุตามข้อกำหนดทั้งหมดตามบัญญัติของโมเสสแล้ว
การประชุมในกรุงเยรูซาเล็มเพื่อแก้ปัญหาเรื่องการเข้าสุหนัต จัดเป็นหนึ่งในเรื่องที่สำคัญอย่างมากในประวัติศาสตร์ของศาสนาคริสต์ การตัดสินใจครั้งนี้ป้องกันความแตกแยกภายในคริสตจักร วิกฤติกลายมาเป็นโอกาส
ไม่เพียงแต่แก้ไขปัญหาความข้องใจเรื่องข้อเรียกร้องให้เข้าสุหนัตเท่านั้น แต่พระกิตติคุณที่เปโตรและเปาโลสั่งสอนยังได้รับการสถาปนาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันด้วย (ข้อ 6) บรรดาผู้นำในเยรูซาเล็มตระหนักดีว่า การเป็นอัครสาวกของเปาโลแบกรับสิทธิอำนาจทั้งหมดที่พระเจ้าประทานให้
เปโตรและคนอื่น ๆ ยอมรับเปาโล และตกลงแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ คืออาจารย์เปาโลสำหรับผู้ที่ไม่ใช่ยิว และเปโตรเพื่อชาวยิว พระกิตติคุณเดียวกันจะถูกส่งไปยังคนสองกลุ่มที่แตกต่างกันโดยคนที่แตกต่างกัน พวกเขาร่วมมือกันเพื่อให้เกิดภาพว่าข้อตกลงได้รับเกียรติ (ข้อ 7-9) นี่เป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่สำหรับคริสตจักรยุคแรก
ทั้งสองฝ่ายมีการอภิปรายที่สมเหตุสมผลและมีรายละเอียดเกี่ยวกับความแตกต่างของพวกเขา เปาโลไม่ปล่อยตัวเองไปกับความตื่นตระหนก แม้ว่าคนที่เขาเคยพบจะ ‘เป็นเสาหลัก' (ข้อ 9) ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาตกลงกันได้! ยากอบน่าจะมาเป็นผู้นำของคริสตจักรในเยรูซาเล็ม เปโตร และยอห์นต่างก็เป็นสมาชิกวงในของพระเยซู
การอภิปรายมาสู่ข้อตกลงที่น่าพึงใจ ดูเหมือนว่า เปาโลจะประพฤติตนอย่างให้เกียรติและสุภาพ แทนที่จะแสดงด้านที่เป็นคนหัวรั้นด้วยความจดจ่อในพันธกิจพิเศษนี้ ท่านไม่ยอมให้มีการต่อต้านจากภายนอก หรือความท้อแท้มากดดันจากภายในมาหยุดเขาไว้จากการทำสิ่งที่ท่านได้รับการทรงเรียกให้ลงมือทำ
เงื่อนไขเดียวที่ผู้นำของคริสตจักรในเยรูซาเล็มกำหนดไว้ไม่สร้างปัญหาให้กับเปาโล: ‘นึกถึงคนจน’ (ข้อ 10) คริสตจักรต้องให้ความสำคัญกับคนจน และผู้ด้อยโอกาสในสังคมก่อนเสมอ
ข้าแต่พระเจ้า โปรดประทานทักษะ การเจรจาเชื่อมความสัมพันธ์ และความกล้าหาญแก่ข้าพระองค์เหมือนกับที่อัครสาวกเปาโลมี ช่วยข้าพระองค์เช่นเดียวกับเปาโล ให้อ้าแขนรับมาทั้งคริสตจักรของพระเยซูคริสต์
อิสยาห์ 36:1-37:38
นำสถานการณ์ที่ 'เป็นไปไม่ได้' มาสู่พระเจ้า
คุณเคยถูกเย้ยหยันหรือกลั่นแกล้งเพราะความเชื่อในพระเจ้าหรือไม่? ‘คุณคิดว่าพระเจ้าอยู่กับคุณจริงๆหรือ' คนพูดกันไหมว่า ‘ไม่ใช่แค่เพื่อนในจินตนาการของคุณหรือ?’ ‘คุณคิดว่าการวางใจในพระเจ้าจะทำให้เกิดสิ่งดี ๆ ขึ้นแก่คุณหรือ?’ นี่เป็นวิธีที่ผู้คนของพระเจ้าถูกเย้ยหยันตลอดประวัติศาสตร์
ผู้คนของพระเจ้าเผชิญกับการโจมตีที่ไม่คาดคิด นี่เป็นเหตุการณ์สำคัญที่ปรากฏในพระคัมภีร์สามครั้ง (ดู 2 พงศ์กษัตริย์ บทที่ 18; 2 พงศาวดาร บทที่ 32) เซนนาเคอริบ กษัตริย์แห่งอัสซีเรียกำลังโจมตีกรุงเยรูซาเล็มด้วยกองทัพขนาดใหญ่ ลูกน้องของเขาเย้ยหยันผู้คนว่า 'เจ้ามั่นใจเช่นนี้เพราะวางใจในสิ่งใด' (อิสยาห์ 36:4) พวกพวกเขาถูกเย้ยหยันและถูกมองว่าไร้สาระเพราะความเชื่อในพระเจ้า
ดูเหมือนว่าจะเป็นสถานการณ์ที่เป็นไปไม่ได้ ไม่มีใครเคยได้รับความช่วยเหลือจาก ‘พระหัตถ์ของพระราชาของอัสซีเรีย’ (ข้อ 18) แต่พวกเขาไม่ตอบคำเยาะเย้ย บางครั้งการตอบสนองที่ดีที่สุดต่อการวิพากษ์วิจารณ์คือการรักษาความเงียบไว้ด้วยท่าทีสง่างาม ‘แต่เขาทั้งหลายนิ่งเงียบ ไม่ตอบเขาสักคำเดียว เพราะพระบัญชาของกษัตริย์มีว่า “อย่าตอบโต้เขา”’ (ข้อ 21)
กษัตริย์เฮเซคียาห์ทรงตอบโต้วิกฤติด้วยการฉีกฉลองพระองค์ ทรงนุ่งห่มผ้ากระสอบ แล้วเสด็จเข้าไปในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า (บทที่ 37 ข้อ 1) ทรงส่งตัวเองไปหาผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ เฮเซคียาห์ตรัสว่า 'วันนี้เป็นวันมืดมน เราอยู่ในภาวะวิกฤต’ (ข้อ 3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เฮเซคียาห์ขอให้อิสยาห์อธิษฐานให้ (ข้อ 4)
อิสยาห์ตอบโดยกล่าวว่าถ้อยคำของพระเจ้าคือ ‘อย่าเสียใจกับถ้อยคำที่เจ้าได้ยิน... เราจะดูแลเขาเป็นการส่วนตัว' (ข้อ 6–7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
เมื่อเฮเซคียาห์ได้รับจดหมายขู่ ก็ขึ้นไปที่พระนิเวศของพระเจ้า ‘ทรงคลี่จดหมายนั้นออกเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ และเฮเซคียาห์ทรงอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ว่า ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์จอมทัพ... พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของบรรดาราชอาณาจักรแห่งแผ่นดินโลก คือพระองค์แต่เพียงองค์เดียว พระองค์ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอเงี่ยพระกรรณสดับ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอเบิกพระเนตรและทรงมองดู และขอทรงฟังบรรดาถ้อยคำของเซนนาเคอริบ ซึ่งเขาส่งมาเยาะเย้ยพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์... ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงช่วยพวกข้าพระองค์ให้พ้นมือของเขา เพื่อราชอาณาจักรทั้งหมดของแผ่นดินโลกจะทราบว่า พระองค์แต่เพียงองค์เดียวทรงเป็นพระยาห์เวห์”’ (ข้อ 14– 20)
อิสยาห์ให้ข้อความกับเฮเซคียาห์ว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า: เพราะเจ้าได้อธิษฐานต่อเรา... เราจะป้องกันนครนี้ไว้เพื่อช่วยให้รอด เพื่อเห็นแก่เราเอง และเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา!”’ (ข้อ 21,35)
พระเจ้าได้ยินคำอธิษฐานของเฮเซคียาห์และอิสยาห์ พระองค์ทรงช่วยกู้และช่วยนำให้พ้นภัย (ข้อ 36–38)
ข้าแต่พระเจ้า ชื่อของพระเยซูไม่ได้รับเกียรติในสังคมของเราอีกต่อไป พระองค์โปรดเถิด เทวิญญาณแห่งการอธิษฐาน และการวิงวอนมาเหนือประชากรของพระองค์ เพื่อที่พวกข้าพระองค์จะหันไปหาพระองค์ในการอธิษฐาน สดับเสียงทูลอธิษฐานของพวกข้าพระองค์ และช่วยนำพวกข้าพระองค์ให้พ้นภัยในยามวิกฤตนี้
Pippa Adds
กาลาเทีย 2:10
‘ท่านเหล่านั้นขอแต่เพียงให้เรานึกถึงคนจน ซึ่งเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าทำอย่างกระตือรือร้นอยู่แล้ว’
ฉันก็ต้องการที่จะนึกถึงคนยากจนเช่นกัน แต่บางครั้งฉันก็รู้สึกหนักใจเกินกว่าจะรู้ว่าต้องทำอะไร หรือมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการออกไปท่องเที่ยวกับใครซักคน แต่เราต้องไม่ปล่อยปละละเลย อย่างที่พระคัมภีร์กล่าวไว้ ให้ระลึกถึงคนยากจนอยู่เสมอ
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)O tomto plánu

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Podobné plány

Zůstávejme v Ježíši: Přinášejme trvalé ovoce (Love God Greatly/Miluj Boha nesmírně)

Zkus se modlit

Milost ve vašem příběhu

Svoboda

Ester: Pro chvíli, jako je tato

Co je mým účelem? Nauč se milovat Boha a milovat druhé lidi

Porazit sebevědomí a úzkost

Radujme se

Uvědomit si, že Bůh mě miluje
