พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลUkázka

การต่อสู้ในทุกวันนี้ล้วนเป็นเรื่องเกี่ยวกับพระเยซู
ผมได้มีส่วนในการช่วยหรือนำกลุ่มย่อยใน[อัลฟ่า](https://thailand.alpha.org/) มากว่ายี่สิบห้าปี ระหว่างช่วงเวลานั้น ผมสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในวัฒนธรรมของเรา มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องท่าทีที่มีต่อพระเยซู โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนหนุ่มสาว หลายคนจะพูดว่าพวกเขาเชื่อในพระเจ้าและแม้แต่เปิดรับแนวคิดเรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่กลับมีความคิดว่าพระเยซูทรงกลายเป็นสิ่งกีดขวาง พวกเขาพูดทำนองว่า ‘ฉันไม่เข้าใจอะไรใน*ตัวพระเยซู*เลยซักนิด’ ดังที่คุณพ่อราเนียโร คาตาลาเมสซ่า กล่าวไว้บ่อย ๆ ‘การต่อสู้ในทุกวันนี้ล้วนเป็นเรื่องเกี่ยวกับพระเยซู’ พระเยซูทรงเป็นพระผู้ไถ่แห่งสรรพสิ่งทั้งปวงจริงไหม? นี่เป็นการต่อสู้เช่นเดียวกับในศตวรรษแรก ผู้คนในปัจจุบันนี้พอใจที่จะยอมรับพระเยซูว่าเป็น ‘หนึ่งในหลายพระ’ เอกลักษณ์ของพระเยซูเป็นเหตุให้เกิดการโจมตี ในพระธรรมสำหรับวันนี้ เราได้เห็นว่าเมื่อเราพบกับบางคนที่ไม่ธรรมดาในพระคัมภีร์ เช่น โมเสส โยชูวา เอลียาห์ และยอห์นผู้ให้บัพติศมา แต่ไม่มีใครเหมือนพระเยซู พระเยซูทรงไม่เหมือนใคร พระองค์ทรงเป็น*พระผู้ไถ่แห่งสรรรพสิ่งทั้งปวง*สดุดี 53:1-6
ไม่มีใครเหมือนพระเยซู
นโปเลียน โบนาปาร์ต กล่าวไว้ว่า ‘ข้าพเจ้ารู้จักคนมากหน้าหลายตา และข้าพเจ้าขอบอกท่านว่าพระเยซูคริสต์ไม่ได้เป็นแค่ชายคนหนึ่ง ระหว่างพระองค์กับคนอื่นๆ ในโลกแล้ว หาสิ่งใดมาเปรียบเทียบมิได้เลย’ พระเยซูทรงแตกต่างจากมนุษย์ทุกคนที่เคยมีชีวิตอยู่
ดาวิดกล่าวว่า ‘ไม่มีผู้ใดทำดี’ (ข้อ 1) เมื่อพระเจ้าทรงทอดพระเนตรลงมาจากสวรรค์มายังมนุษยชาติ พระองค์ทรงเห็นว่า ‘ไม่มีผู้ใดทำดี ไม่มีสักคนเดียว’ (ข้อ 3)
ดาวิดมองหาผู้ช่วยกู้ด้วยความหวัง: ‘ไม่มีใครช่วยกู้อิสราเอลเลยหรือ?’ (ข้อ 6ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) การรอคอยของดาวิด แน่นอนว่าสำเร็จในพระเยซูแล้ว พระเยซูทรงมีเอกลักษณ์ในความดีพร้อมของพระองค์ อัครสาวกเปาโลยกสดุดีตอนนี้มาเพื่อแสดงให้เห็นถึงความต้องการผู้ช่วยกู้ของมนุษย์ทุกคน (โรม 3:10–12)
ตามที่อาจารย์เปาโลยกตัวอย่างผู้คนที่แตกต่างกันในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนยิวกับคนต่างชาติ คนมีศีลธรรมและผิดศีลธรรม เขามาถึงข้อสรุปว่าไม่มีใครที่พระเจ้าทรงสามารถนับได้ว่าเป็นคนดีพร้อมและชอบธรรม เปาโลบรรยายว่า ‘เพราะว่าในสายพระเนตรของพระเจ้า ไม่มีใครถูกชำระให้ชอบธรรมได้...’ (ข้อ 20)
ความอัศจรรย์ของพระกิตติคุณคือเราผู้ซึ่งไม่ชอบธรรมสามารถถูกประกาศว่าชอบธรรมได้ ผ่านทางความชอบธรรมอันสมบูรณ์ของพระเยซู ‘คือความชอบธรรมของพระเจ้า ซึ่งปรากฏโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์แก่ทุกคนที่เชื่อ’ (ข้อ 22)
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่บัดนี้เป็นไปได้สำหรับข้าพระองค์ที่จะมีความชอบธรรมจากพระเจ้า ซึ่งปรากฏโดยความเชื่อในพระเยซูแก่ทุกคนที่เชื่อ
ยอห์น 1:1-28
พระเยซูผู้เดียวเท่านั้น
พระเยซูคริสต์ผู้เดียวเท่านั้น พระองค์ ‘ยังคงซึ่งความ มีเอกลักษณ์ ต่อให้พูดน้อยที่สุด หากพระเจ้าเป็นเหมือนพระเยซู พระองค์ก็ทรงคู่ควรแก่การเชื่อวางใจ’ นักหนังสือพิมพ์ แอนโทนี่ เบอร์เจสเขียนเอาไว้
พระกิตติคุณยอห์นทั้งเล่มตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ คือคำตอบของคำถามว่า ‘พระเยซูทรงเป็นผู้ใด?’ คำตอบของยอห์นคือพระเจ้าทรงเป็นเหมือนพระเยซูและพระองค์ทรงคู่ควรแก่การเชื่อวางใจ พระเยซูทรงมีเอกลักษณ์ พระองค์ทรงเป็น ‘องค์เดียว’ (ข้อ 14,18) พระองค์ทรงเป็น ‘การทรงสำแดงของพระเจ้าในแบบไม่ซ้ำใคร’ (ข้อ 18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) วัตถุประสงค์ของพระกิตติคุณยอห์นคือ นำคุณให้มีประสบการณ์เข้าสนิทกับพระเจ้าผ่านทางสัมพันธภาพกับพระเยซู
คุณเป็นสหายของพระเยซู แต่พระเยซูคือใครล่ะ?
- พระวาทะของพระเจ้าที่เป็นเอกลักษณ์
พระกิตติคุณยอห์นเปิดมาด้วยคำอธิบายพระเยซูไว้อย่างยอดเยี่ยมว่าเป็น ‘พระวาทะ’ สำหรับเรา นี่ดูเหมือนเป็นแนวคิดที่แปลกมาก แต่สำหรับผู้อ่านดั้งเดิมของพระธรรมยอห์น นี่เป็นสิ่งที่คุ้นเคยกันมากกว่า แนวคิดเรื่อง ‘พระวาทะของพระเจ้า’ น่าจะสำคัญต่อผู้อ่านชาวยิว พวกเขาคงระลึกถึงพระวาทะของพระเจ้าในการทรงสร้าง (ปฐมกาล 1) และผู้เผยพระวจนะทุกคนเคยพูดถึง ‘พระวจนะพระเจ้า’ (ดูตัวอย่างในอิสยาห์ 40:6–8 และเยเรมีย์ 23:29)
สำหรับผู้อ่านชาวกรีก แนวคิดเรื่อง ‘พระวาทะ’ จะเชื่อมโยงกับการค้นหาความหมายของชีวิต บ่อยครั้งที่นักปรัชญาใช้คำว่า ‘พระวาทะ’ ในแบบย่อ ๆ เพื่ออ้างถึงความหมายและจุดประสงค์ที่ยังไม่รู้จักของกัลปักษ์จักรวาล
คำพูดเริ่มต้นของยอห์นน่าจะทำให้ทั้งสองกลุ่มรู้สึกตื่นเต้น เขากำลังพูดว่า ‘ข้าพเจ้าจะบอกท่านเกี่ยวกับสิ่งที่ท่านค้นหามาตลอดเวลานี้’
เห็นได้ชัดว่าคำว่า ‘พระวาทะ’ ที่ยอห์นเขียนถึงนั้นคือพระเยซู ‘พระวาทะทรงกลายเป็นเลือดและเนื้อ และมาอยู่กับเรา’ (ยอห์น 1:14ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระเยซูไม่ได้แค่อยู่กับพระเจ้าตั้งแต่เริ่มต้น: ‘พระวาทะทรงเป็นพระเจ้า’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระเยซูทรงเคยเป็นและทรงเป็นพระเจ้า
- พระผู้สร้างทุกสิ่ง ผู้ทรงไม่เหมือนใคร
‘ทุกสิ่งถูกสร้างผ่านทางพระองค์ ไม่มีอะไร ไม่มีสักสิ่งเดียว! ที่เกิดขึ้นนอกเหนือพระองค์’ (ข้อ 3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ผ่านทางพระเยซู สรรพสิ่งทั้งสิ้นก็บังเกิดขึ้น: ‘เพราะว่าโดยพระองค์ทุกสิ่งได้รับการทรงสร้างขึ้น ทั้งสิ่งที่อยู่บนท้องฟ้าและบนแผ่นดินโลก ทั้งสิ่งที่มองเห็นและสิ่งที่มองไม่เห็น ไม่ว่าจะเป็นบัลลังก์แห่งพวกภูตผี หรือพวกภูตผีที่ปกครอง หรือพวกภูตผีที่ครอบครอง หรือพวกภูตผีที่มีอำนาจ ทุกสิ่งถูกสร้างขึ้นโดยพระองค์และเพื่อพระองค์’ (โคโลสี 1:16)
- ความสว่างแห่งโลกที่ไม่ซ้ำใคร ‘พระองค์ทรงเป็นแหล่งชีวิต และชีวิตนั้นเป็นความสว่างของมนุษย์ ความสว่างส่องเข้ามาในความมืด และความมืดไม่อาจเอาชนะความสว่างได้’ (ยอห์น 1:4-5)
ความสว่างเป็นดั่งความหมายของของความดีงาม และความจริง ความมืดเป็นดั่งความหมายของความชั่วร้าย และความเท็จ ความสว่างและความมืดนั้นตรงข้ามกัน และไม่เทียบเท่ากัน เทียนเล่มน้อยสามารถส่องสว่างไปทั่วทั้งห้องที่เต็มไปด้วยความมืดมิด และไม่ถูกทำให้มืดลงโดยความมืด ความสว่างแข็งแกร่งกว่าความมืด ความมืดไม่สามารถเอาชนะความสว่างได้
- ผู้ทรงเปลี่ยนแปลงชีวิตที่ไม่เหมือนใคร
‘แต่ทุกคนที่ยอมรับพระองค์ คือคนที่เชื่อในพระนามของพระองค์นั้น พระองค์ก็จะประทานสิทธิให้เป็นลูกของพระเจ้า ซึ่งในฐานะนั้นพวกเขาไม่ได้เกิดจากเลือดเนื้อหรือกาม หรือความประสงค์ของมนุษย์ แต่เกิดจากพระเจ้า’ (ข้อ 12–13)
ความเชื่อในพระเยซูนำเอาการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดให้เกิดขึ้นได้ เมื่อคุณต้อนรับพระเยซูเข้าสู่ชีวิตของคุณ พระเจ้าก็จะรับคุณเข้าสู่ครอบครัวของพระองค์
- การทรงสำแดงของพระเจ้าที่เป็นเอกลักษณ์
‘ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้าเลย แต่พระบุตรองค์เดียวผู้สถิตในพระทรวงของพระบิดา ทรงสำแดงพระเจ้าแล้ว’ (ข้อ 18)
ทุกสิ่งในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมนำไปสู่การเปิดเผยสำแดงขั้นสูงสุดของพระเจ้าในพระเยซู ‘เราได้รับพื้นฐานจากโมเสส จากนั้นการให้และรับอันสมบูรณ์นี้ การรู้และความเข้าใจที่ไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นผ่านทางพระเยซูคริสต์ องค์พระเมสสิยาห์’ (ข้อ 16–17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) นี่เป็นเหตุผลว่าทุกสิ่งที่เราอ่านในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม จำเป็นต้องทำความเข้าใจในแง่ของพระเยซู
พระเยซูทรงตรงข้ามกับยอห์นผู้ให้บัพติศมา ที่เน้นย้ำถึงสิ่งที่ยอห์นผู้ให้บัพติศมานั้นไม่สามารถได้เป็นได้ เขาไม่ได้เป็น ‘ความสว่าง’ (ข้อ 8) ไม่ได้เป็นนิรันดร์กาล (ข้อ 15) ไม่ได้เป็นพระคริสต์ (ข้อ 20) ไม่ได้เป็นเอลียาห์ (ข้อ 21) และไม่ได้เป็นผู้เผยพระวจนะ (ข้อ 21)
แม้ว่าพระเยซูตรัสถึงยอห์นไว้ว่า ‘ในบรรดาคนซึ่งเกิดจากผู้หญิงนั้น ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่ายอห์นผู้ให้บัพติศมา แต่ว่าผู้ที่เล็กน้อยที่สุดในแผ่นดินสวรรค์ก็ยังใหญ่กว่ายอห์นอีก ’ (มัทธิว 11:11) ยอห์นผู้ให้บัพติศมากล่าวถึงพระเยซูว่า ‘ท่านผู้นั้นมาภายหลังข้าพเจ้า แม้แต่สายรัดรองเท้าของท่าน ข้าพเจ้าก็ไม่สมควรที่จะแก้’ (ยอห์น 1:27) งานของยอห์นผู้ให้บัพติศมาก็เหมือนกับเราทุกคน คือ การชี้ออกไปจากตัวเราเอง และชี้ไปยังองค์พระเยซูผู้หนึ่งผู้เดียว ผู้ทรงมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร ผู้เป็นพระวาทะของพระเจ้า เป็นพระผู้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่ง เป็นความสว่างแห่งโลก เป็นผู้เปลี่ยนแปลงชีวิต และเป็นการทรงสำแดงของพระเจ้า
ข้าแต่พระเยซู ข้าพระองค์ขอนมัสการพระองค์ พระวาทะของพระเจ้าผู้ทรงไม่เหมือนใคร ข้าพระองค์อธิษฐานในวันนี้ขอการทรงสำแดงที่สดใหม่ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ใด และความเข้าใจอันลึกซึ้งต่อความหมายของการได้เป็นบุตรของพระเจ้า
โยชูวา 15:1-16:10
พระเยซูทรงเป็นพระผู้ไถ่ที่ไม่ซ้ำใคร
โยชูวาและคาเลบเป็นเพียงสองคนเท่านั้นของคนกลุ่มแรกที่ได้เข้าสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญา เพราะว่าพวกเขาเท่านั้นเป็นคนที่เชื่อฟังพระเจ้า และติดตามพระองค์ด้วยสุดใจ (ชื่อของโยชูวาหมายถึง ‘พระเจ้าแห่งการไถ่’ หรือ ‘พระเจ้าทรงช่วยกู้’ ‘โยชูวา’ เป็นคำภาษาฮีบรูของคำว่า ‘พระเยซู’) โยชูวาเป็นภาพเล็งถึงพระเยซู โยชูวาและคาเลบนั้นเป็นคนที่โดดเด่น แต่ไม่เหมือนกับพระเยซู พวกเขาไม่ได้มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร
เฮโบรนซึ่งเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของยูดาห์ ถูกมอบให้แก่คาเลบโดยโยชูวา (15:13) แต่เขายังคงต้องบุกเข้าไปและยึดครองมัน (ข้อ 14) เช่นเดียวกันกับความรอด พระพรอันยิ่งใหญ่ที่สุดก็มาถึงเราโดยพระคุณดั่งของขวัญ กระนั้นเราคงต้องรับเอา และยึดไว้ด้วยตัวเราเองโดยความเชื่อ ‘ส่วนพระคุณและความจริงมาทางพระเยซูคริสต์ ’ (ยอห์น 1:17) นี่เป็นของประทานซึ่งมอบให้แก่เรา
ตลอดพระคัมภีร์ทั้งเล่ม พระเจ้าทรงมองหาการตอบสนองของคุณ พระองค์ทรงทอดพระเนตรว่าคุณ ‘แสวงหาพระเจ้า’ (สดุดี 53:2) และ ‘ร้องทูลพระเจ้า’ (ข้อ 4) คุณจำเป็นต้องยึดเอาของประทานที่มอบให้แก่คุณและเชื่อในพระเยซู เมื่อคุณทำเช่นนั้น คุณจะได้รับสิทธิ์ให้กลายเป็นบุตรของพระเจ้า (ยอห์น 1:12)
พระเยซูทรงเป็นพระผู้ไถ่ที่ไม่ซ้ำใคร ไม่มีอะไรน่าทึ่งไปกว่าการยึดเอาความรอดผ่านทางความเชื่อในพระองค์ และกลายเป็นสหายของพระเยซู
ข้าแต่พระเจ้า วันนี้ข้าพระองค์อยากแสวงหาพระองค์ ขอบพระคุณที่พระองค์ทรงสำแดงพระองค์เองใน พระเยซูคริสต์ บริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริง ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้ดำเนินชีวิตซึ่งบริบูรณ์ไปด้วยพระคุณและความจริง ข้าพระองค์ร้องทูลพระองค์เพื่อความช่วยเหลือในทุกงานที่ข้าพระองค์รับหน้าที่ไว้และในทุกถ้อยคำที่ข้าพระองค์พูด ขอให้ข้าพระองค์บริบูรณ์ด้วยพระคุณ และความจริง
Pippa Adds
โยชูวา 15:16–17
‘และคาเลบกล่าวว่า “ใครโจมตีเมืองคีริยาทเสเฟอร์และยึดได้ เราจะยกอัคสาห์บุตรสาวของเราให้เป็นภรรยา” และโอทนีเอลบุตรเคนัส น้องคาเลบตีเมืองนั้นได้ ท่านจึงยกอัคสาห์บุตรสาวของท่านให้เป็นภรรยา'
นี่ไม่ใช่เกณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับการสมรส แต่คนก็แต่งงานกันด้วยเหตุผลแปลกกว่านี้ ในบท ‘พร้อมจะแต่งงานหรือยัง?’ ในหนังสือชีวิตสมรส โดยนิกกี้ และซีล่า ลี นั้นเป็นประโยชน์ แต่ฉันไม่คิดว่าคุณจะพบข้อเรียกร้องนี้ในนั้นแน่นอน ‘คุณโจมตีเมืองคีริยาทเสเฟอร์ และยึดได้แล้วหรือยัง?’
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)O tomto plánu

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Podobné plány

Porazit sebevědomí a úzkost

Svoboda

Ester: Pro chvíli, jako je tato

Zůstávejme v Ježíši: Přinášejme trvalé ovoce (Love God Greatly/Miluj Boha nesmírně)

Radujme se

Milost ve vašem příběhu

Sedmidenní vánoční rozjímání

Zkus se modlit

Co je mým účelem? Nauč se milovat Boha a milovat druhé lidi
