YouVersion လိုဂို
ရွာရန္ အိုင္ကြန္

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลနမူနာ

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

365 ၏ ေန႔ 103

พระเจ้าทรงมีพระลักษณะอย่างไร?

วันหนึ่งเด็กหญิงอายุ 6 ขวบได้วาดรูป ๆ หนึ่ง คุณครูของเธอกล่าวว่า ‘หนูวาดรูปอะไรจ๊ะ?’ เด็กน้อยตอบว่า ‘หนูวาดรูปพระเจ้าค่ะ’ คุณครูก็ประหลาดใจและกล่าวว่า ‘แต่ไม่มีใครรู้ว่าพระเจ้าหน้าตาเป็นอย่างไรนะจ๊ะ!’ เด็กน้อยยังคงวาดต่อไปและตอบว่า ‘เดี๋ยวพวกเขาจะได้รู้ในอีกไม่กี่นาทีนี้ค่ะ’ ข้อดีอย่างหนึ่งของการอ่านพระคัมภีร์ใน 1 ปี คือ เราได้เห็นภาพรวมของธรรมชาติและพระลักษณะของพระเจ้า และได้เข้าใจมากยิ่งขึ้นว่าพระเจ้าทรงมีพระลักษณะเป็นอย่างไร

สดุดี 45:1-9

พระเยซูองค์กษัตริย์

ผู้เขียนพระธรรมฮีบรูเห็นว่าสดุดีนี้เป็นการพยากรณ์ที่พรรณนาถึงพระเยซู เขาเขียนว่า ‘แต่ส่วนพระบุตรนั้น พระองค์ตรัสว่า “ข้าแต่พระเจ้า พระที่นั่งของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์...”’ (ดูใน ฮีบรู 1:8-9, อ้างถึงข้อ 6-7 ของบทเพลงสดุดีนี้)

นี่เป็นหนึ่งในกรณีที่ชัดเจนที่สุดในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่เกี่ยวกับพระเยซูที่ถูกกล่าวถึงในฐานะที่เป็น ‘พระเจ้า’ และในฐานะที่ทรงเป็นผู้ที่สมควรได้รับนมัสการอย่างแท้จริง พระเยซูทรงเป็นผู้ที่ทำให้ความคาด หวังใน ‘กษัตริย์ผู้ถูกเจิม’ นั้นสำเร็จที่รู้จักในนามของพระเมสสิยาห์ พระเยซูทรงทำให้คำพยากรณ์เหล่านี้สำเร็จ

พระเยซูตรัสว่า ‘คนที่ได้เห็นเราก็ได้เห็นพระบิดา’ (ยอห์น 14:9) อีกนัยหนึ่งคือ ถ้าคุณต้องการที่จะรู้ว่าพระเจ้า ทรงมีพระลักษณะเป็นอย่างไร ให้ดูที่พระเยซู

‘พระคุณไหลหลั่งมายังริมฝีปากของพระองค์’ (สดุดี 45:2) เราได้เห็นการบอกเป็นนัยเกี่ยวกับตรีเอกานุภาพใน ข้อพระคำเหล่านี้คือ พระเจ้าพระบิดา (‘พระเจ้าคือพระเจ้าของพระองค์’ สดุดี 45:7) พระเยซูพระบุตร (‘พระที่นั่งของพระองค์’ ข้อ 6ก) และพระวิญญาณบริสุทธิ์ (‘น้ำมันแห่งความยินดี’ ข้อ 7ข, ดูใน อิสยาห์ 61:1, 3)

ข้าแต่พระเยซู กษัตริย์ของข้าพระองค์ ‘ขอทรงม้าอย่างสง่างามเสด็จไปอย่างมีชัยเพื่อเห็นแก่ความจริง ความสุภาพอ่อนโยน และความชอบธรรม ให้พระหัตถ์ขวาของพระองค์สอนกิจอันน่าครั่นคร้าม’ (สดุดี 45:4ก)

ลูกา 15:1-32

พระบิดาผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรัก

พระเจ้าทรงรักคุณด้วยความรักที่ลึกซึ้ง สุดใจ และไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าคุณจะสับสนวุ่นวายในชีวิตมากแค่ไหน และไม่ว่าคุณจะเสียใจมากเพียงใด ก็ไม่สายเกินไปที่จะหันไปหาพระเจ้า พระองค์ทรงยอมรับคุณ และโอบกอด คุณในฐานะของบิดาผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรักโอบกอดบุตรที่หลงหาย

พระเยซูทรงทำให้ผู้นำทางความเชื่อต่างตกใจและไม่พอใจ ‘พวกเขาก็บ่นว่า “คนนี้ต้อนรับคนบาปและกินด้วยกันกับเขา ปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนเป็นสหายเก่า” การบ่นของพวกเขาจุดชนวนเรื่องนี้ขึ้นมา’ (ข้อ 2-3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระเยซูจึงตรัสคำอุปมา 3 เรื่องเพื่อแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงห่วงใยผู้ที่หลงหายเป็นอย่างมาก ถ้าคุณเคย ทำสิ่งที่มีค่าสูญหาย ตามหามันแทบหัวชนฝา และสุดท้ายก็หามันเจอ คุณจะจดจำความชื่นชมยินดีเมื่อคุณเจอ สิ่งที่คุณได้ทำหาย พระเยซูตรัสว่าความชื่นชมยินดีนั้นไม่สำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับความชื่นชมยินดีในสวรรค์

เรื่องราวของแกะหลงหายแสดงให้เห็นว่า ‘จะมีความชื่นชมยินดีในสวรรค์เรื่องคนบาปคนเดียวที่ได้รับการช่วยเหลือมากกว่าเรื่องคนชอบธรรมเก้าสิบเก้าคนที่ไม่ต้องการการช่วยเหลือ’ (ข้อ 7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เรื่องราวของเหรียญ เงินที่หายไปแสดงให้เห็นว่า ‘พวกทูตสวรรค์ของพระเจ้าจัดงานเลี้ยงฉลองขึ้นทุกครั้งที่มีจิตวิญญาณเดียวที่หลง หายได้กลับใจมาหาพระเจ้า’ (ข้อ 10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

จากนั้นในเรื่องราวสั้น ๆ ที่อาจจะเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยเล่ามาคือพระเยซูทรงเปิดเผยสิ่งที่น่าอัศจรรย์อีก อย่างหนึ่งว่าพระเจ้าทรงมีพระลักษณะอย่างไร คือ ทรงเป็นพระบิดาผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรัก

บุตรคนเล็กร้องขอมรดกในขณะที่บิดายังมีชีวิตอยู่และมีสุขภาพที่ดี ตามวัฒนธรรมดั้งเดิมของตะวันออกกลาง สิ่งนี้เทียบเท่ากับการกล่าวว่า ‘พ่อ ผมอยากให้พ่อตาย!’ บิดาชาวตะวันออกกลางดั้งเดิมอาจจะไล่เขาออกจาก บ้านทันที นั้นเพราะมันเป็นคำร้องขอที่รุนแรง ซึ่งคาดว่าบิดาจะปฏิเสธแน่นอน

แต่ด้วยความรักที่แสนวิเศษ บิดาจึงฝ่าฝืนประเพณีและให้อิสระแก่บุตรที่จะขายมรดกในส่วนของเขา (สิ่งนี้อาจนำความอับอายมาสู่ครอบครัวต่อหน้าคนทั้งชุมนุมชน) บุตรชายจึง ‘เปลี่ยนทรัพย์สินเป็นเงินสด’ (ข้อ 13) จากนั้นเขาก็ออกเดินทางและออกจากเมืองโดยเร็วที่สุด

ปัจจุบันมีผู้คนมากมายรวมทั้งผมด้วยที่ได้ประสบกับสิ่งที่บุตรชายคนเล็กต้องเผชิญขณะอยู่ห่างไกลจากบิดาของตน เขากำลังทำลายชีวิตของเขา (‘ผลาญทรัพย์สินของตนที่นั่นด้วยการใช้ชีวิตแบบฟุ่มเฟือย’, ข้อ 13) ‘เขาจึงเริ่มเป็นทุกข์’ (ข้อ 14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เขาถูกกดขี่ (‘คนนั้นก็ใช้เขา’, ข้อ 15) ภายในของเขารู้สึกว่างเปล่า (‘เขาอยากจะอิ่มท้องด้วยฝักถั่วที่หมูกินนั้น’, ข้อ 16) เขารู้สึกโดดเดี่ยว บนโลกใบนี้ (‘แต่ไม่มีใครให้อะไรเขาเลย’, ข้อ 16)

การหันกลับมาหาพระเจ้าไม่ใช่การกระทำที่ไร้เหตุผล ตรงกันข้ามกัน ‘เขาสำนึกตัวได้’ (ข้อ 17) บุตรนั้นยอม รับว่าต้องการความช่วยเหลือ เขาจึงตัดสินใจที่จะกลืนความทะนงตนและกลับไปหาบิดาของเขา (ข้อ 18) เขารู้ว่าเขาต้องการกลับบ้าน เขาเตรียมพร้อมที่จะยอมรับความผิดบาปของตน เขาวางแผนที่จะพูดกับบิดาของเขาว่า ‘ลูกผิดต่อสวรรค์และผิดต่อท่านด้วย... ไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็นลูก ของพ่ออีกต่อไป ขอโปรดให้ลูกอยู่ในฐานะของลูกจ้างคนหนึ่งของท่านเถิด’ (ข้อ 18-19)

เราต้องก้าวไปด้วยความเชื่อ ‘แล้วเขาก็ลุกขึ้นไปหาบิดา’ (ข้อ 20) เขาไม่อาจรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ ในช่วงเวลาของพระเยซู เด็กชายชาวยิวที่เสียมรดกของครอบครัวให้กับชาวต่างชาติอาจถูกคนในหมู่บ้านของเขาลงโทษ และพวกเขาจะไม่ข้องเกี่ยวกับบุตรชายที่ไม่เชื่อฟัง

ความรักของพระเจ้านั้นพิเศษและเหนือกว่าทุกสิ่งที่คุณเคยคาดหวังหรือคิดได้ แทนที่เราจะได้รับความอับอาย แต่เราได้รับการอภัยและความรัก ในขณะที่บุตรชายนั้นอยู่ไกลออกไป บิดาของเขาก็เห็นเขา เป็นที่ปรากฏชัด ว่าบิดากำลังรอคอยและเฝ้าดู และไม่เคยลืมบุตรชายของตนเลย ‘หัวใจของเขาก็เต้นแรง เขาจึงวิ่งออกไป กอด และจูบเขา’ (ข้อ 20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) คำที่ใช้มีความหมายเป็นนัยว่าจูบเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า นี่เป็นวิธีที่พระเจ้าทรงต้อนรับคุณ

แค่คุณเริ่มกล่าวถ้อยคำของการกลับใจที่ได้เตรียมไว้ ผู้เป็นบิดาจะขัดจังหวะทันที และปฏิบัติต่อคุณเหมือนดั่งแขกผู้มีเกียรติ ให้คุณสวมเสื้อคลุมที่ดีที่สุด (ข้อ 22) เขามอบสัญลักษณ์เพื่อแสดงความมั่นใจให้แก่คุณโดยการ เอาแหวนประจำตระกูลมาสวมที่นิ้วมือให้ (ข้อ 22, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) บิดาเอารองเท้าที่ไม่ได้สงวนไว้สำหรับทาสแต่สงวนไว้สำหรับบุตรชายมาสวมที่เท้าของคุณ (ข้อ 22) และวางแผนที่จะจัดงานเฉลิมฉลองที่หรูหรา (ข้อ 23-24)

เราได้รู้ว่าพระเจ้าทรงมีพระลักษณ์อย่างไรและพระองค์ทรงรักเรามากเพียงใด อีกครั้งที่เราได้เห็นภาพ ของแผ่นดินสวรรค์ที่เหมือนดั่งงานเลี้ยง สิ่งนี้ตรงกันข้ามกับที่หลาย ๆ คนคิด พวกเขาไม่เชื่อมโยงพระเจ้า เข้ากับดนตรี และการเต้นรำ งานเลี้ยงและการเฉลิมฉลอง

ความรักของพระเจ้าก็ขยายไปถึงบุตรชายคนโตด้วย ซึ่งเขากำลัง ‘โกรธเคือง’ (ข้อ 28, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) และรู้สึกอิจฉาต่อการได้รับการอภัยและการยอมรับของน้องชาย คุณลองนึกภาพ ว่าบิดาเอาแขนมาโอบกอดเขาและพูดว่า ‘ลูกเอ๋ย ลูกยังไม่เข้าใจ ลูกอยู่กับพ่อตลอดเวลา และสิ่งของทั้งหมด ของพ่อก็เป็นของลูกอยู่แล้ว แต่นี่เป็นช่วงเวลาที่แสนวิเศษ และเราต้องเฉลิมฉลอง น้องคนนี้ของลูกตายไปแล้ว และเขากลับเป็นขึ้นอีก! เขาหายไปแล้วแต่ยังได้พบกันอีก!’ (ข้อ 31-32, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เรื่องราว (ที่เล่าให้เหล่าผู้นำทางความเชื่อฟัง) ได้จบลงด้วยความตื่นเต้น บุตรชายคนโตจะตอบสนองต่อ ความรักของบิดาอย่างไร?

ข้าแต่พระบิดาเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์ทรงรักข้าพระองค์อย่างมาก และเมื่อข้าพระองค์สับสน วุ่นวาย พระองค์ก็ไม่ปฏิเสธข้าพระองค์ เมื่อข้าพระองค์กลับใจและกลับมาหาพระองค์ พระองค์ทรงยอมรับข้าพระองค์ และตรัสว่า ‘ให้เราจัดงานเลี้ยงและเฉลิมฉลอง’ (ข้อ 23)

เฉลยธรรมบัญญัติ 19:1-20:20

ผู้พิพากษาศักดิ์สิทธิ์

มีความสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องอ่านพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมผ่านทางมุมมองของพระเยซู เราไม่สามารถใช้ธรรมบัญญัติในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมกับสังคมของเราในยุคปัจจุบันได้ และเราไม่สามารถนำแนวคิด ของ ‘สงครามศักดิ์สิทธิ์’ (20:1-20) และเปลี่ยนมันให้เป็น ‘สงครามครูเสด’ ได้

สิ่งที่เราเห็นตลอดทั่วทั้งพระคัมภีร์คือพระเจ้าเป็นพระเจ้าผู้บริสุทธิ์ และเป็นพระเจ้าแห่งความยุติธรรม หลักการบางอย่างของระบบกฎหมายของอิสราเอลโบราณมีความเฉพาะเจาะจงสำหรับช่วงเวลานั้น กฎหมายอื่น ๆ สามารถใช้ได้โดยทั่วไปมากกว่า

เห็นได้ชัดว่าการฆาตกรรมเป็นอาชญากรรมที่รุนแรงกว่าการฆ่าคนโดยไม่โดยไม่เจตนา(19:1-13) จำเป็นต้องมีหลักฐานที่ดีก่อนที่ใครสักคนจะถูกตัดสินว่ามีความผิดทางอาชญากรรม (ข้อ 15) การเป็นพยานเท็จเป็นการกระทำความผิดที่ร้ายแรง (ข้อ 16-18) ควรได้รับการลงโทษตามสมควร และตามสัดส่วน (ข้อ 21 สิ่งนี้ไม่เคยถูกนำมาใช้อย่างแท้จริง ยกเว้นในกรณีของการลงโทษประหารชีวิต) จุดประสงค์ที่สองของการกำหนดบทลงโทษคือเพื่อยับยั้งอาชญากรรม (ข้อ 20)

ไม่ใช่ทุกสิ่งในอิสราเอลยุคโบราณที่จะปรับใช้กับเราได้ โดยทางพระเยซูมีการกำหนดวิธีการใหม่ พระพิโรธของพระเจ้าที่มีต่อผู้กระทำความผิดในชุมนุมชนได้มาเยือนอีกครั้งและผ่านตัวแทนของความชอบธรรมนั่นคือบุตรมนุษย์

เราไม่สามารถยอมรับอิสราเอลเพื่อเป็นต้นแบบสำหรับการศึกษาเกี่ยวกับบทลงโทษทางอาชญากรรม ศาสตราจารย์โอลิเวอร์ โอโดโนแวนแห่งออกซ์ฟอร์ด อดีตศาสตราจารย์ในภาควิชาศาสนศาสตร์ได้เขียนว่า ‘ไม่ใช่เพราะว่ามันอาจจะเป็นการใจแคบ แต่เป็นเพราะว่ามันอาจจะผิดหลักที่คริสเตียนจะทำเช่นนั้น เป็นที่รู้กันว่า “อิสราเอล” ถูกอ้างว่าเป็นสถานที่ที่พระเจ้าประทับอยู่บนแผ่นดินโลก ได้ถูกแทนที่โดย พระคริสต์แล้ว’

ตัวอย่างเช่น เมื่อพระเยซูอ้างอิงข้อพระคำตอนนี้ พระองค์ตรัสว่า ‘ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้ว่า “ตาแทนตา และฟันแทนฟัน” (เฉลยธรรมบัญญัติ 19:21) ส่วนเราบอกพวกท่านว่า อย่าต่อสู้คนชั่ว ถ้าใครตบแก้มขวาของท่านก็จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาด้วย’ (มัทธิว 5:38-39)

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรัก ความยุติธรรม และความจริง ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์ทรงเปิดเผยพระองค์เองแก่ข้าพระองค์ เมื่อข้าพระองค์ศึกษาพระวจนะของพระองค์ และใช้เวลาเฉพาะพระพักตร์พระองค์

Pippa Adds

ลูกา 15:1-32

พระเยซูทรงเล่าเรื่องราว 3 เรื่องเกี่ยวกับแกะ เหรียญ และบุตรชายที่หลงหาย และจากนั้นก็มีความชื่นชมยินดีที่มากล้นจากการที่หาพวกเขาพบ ดูเหมือนว่าเราจะทำสิ่งต่าง ๆ หายในทุก ๆ วัน โดยปกติจะเป็นกุญแจ โทรศัพท์ และแว่นตา ฉันเจอแหวนของคุณยายซึ่งฉันคิดว่าฉันทำมันหายไปแล้ว ฉันรู้สึกเหมือนกันหญิงเหล่านั้นในคำอุปมา คือมีความสุขล้น ฉันก็ยังรู้อีกว่าครั้งหนึ่งฉันเคยหลงหาย และบัดนี้ฉันถูกพบแล้ว

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

ဤအစီအစဥ္အေၾကာင္း

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!

More