Лого на YouVersion
Икона за пребарување

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลПримерок

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

242 ДЕН ОД 365

เปลี่ยนโฉมฝ่ายวิญญาณ

คุณพ่อรานิเอโร กันตาลาเมสซา นักเทศน์ของสมเด็จพระสันตะปาปา อายุ 81 ปี ได้กรุณามากล่าวปราศรัยในการประชุมผู้นำของเราที่ รอยัล อัลเบิร์ต ฮอลล์ หลายคนแสดงความคิดเห็นว่าใบหน้าและดวงตาของท่านเปล่งประกายด้วยรัศมีแห่งการประทับอยู่ของพระเจ้า ครั้งหนึ่งท่านอยู่บนรถไฟในอิตาลีเมื่อผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าเข้ามาหาท่าน และพูดว่า ‘*ใบหน้าของท่าน ทำให้ฉันต้องเชื่อ*’ มีคนกล่าวว่า ‘เราไม่สามารถควบคุมความงามของใบหน้าได้ แต่เราสามารถควบคุมการแสดงออกของใบหน้าได้’ จากตัวอย่างนี้ คุณสามารถบอกอะไรได้มากมายด้วยการดูจากตา และใบหน้าของผู้คน เราพูดว่า ‘คุณควรจะได้เห็น*ใบหน้าของพวกเขา*’ ดังสุภาษิตละตินโบราณกล่าวว่า ‘ใบหน้าคือเครื่องบ่งชี้ของจิตใจ’ ‘ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ’ เช่นกัน เมื่อเราต้องการใครสักคนที่รับฟังและเชื่อเราจริง ๆ เราพูดกับคนนั้นว่า *‘มองตาฉัน’* พระคัมภีร์กล่าวไว้มากมายเกี่ยวกับใบหน้า และดวงตา

สดุดี 104:19-30

พระพักตร์ของพระเจ้า

มีความหิวกระหายฝ่ายวิญญาณในหัวใจของเราซึ่งมีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ดับกระหายได้ เพลงสดุดีเต็มไปด้วยความปรารถนาอยากจะมีความสัมพันธ์กับพระเจ้า และความปรารถนาอยากจะอยู่ในที่ประทับของพระเจ้า นี่คือคำอธิบายโดยใช้ภาษาของความสัมพันธ์ของมนุษย์ ‘มอง’ หาพระเจ้าและแสวงหา ‘พระพักตร์’ ของพระองค์ ‘สิ่งทั้งหมดนี้แหงนหาพระองค์… เมื่อพระองค์ซ่อนพระพักตร์เสีย มันก็ลำบากใจ… เมื่อพระองค์ทรงส่งลมหายใจของพระองค์ออกไป มันก็ถูกสร้างขึ้นมา’ (ข้อ 27–30)

ผู้เขียนสดุดีเปรียบเทียบความพึงพอใจที่มาจากการมองพระพักตร์ของพระเจ้ากับความลำบากใจเมื่อพระองค์ซ่อนพระพักตร์ไปจากเรา ความบาปสร้างกำแพงกั้นระหว่างเรากับพระเจ้า เมื่ออาดัมและเอวาทำบาป พวกเขาไม่สามารถมองพระเนตรของพระเจ้าได้อีกต่อไป พวกเขาซ่อนตัวจากพระองค์ พวกเขาถูกถอดออกจากพระพักตร์ของพระองค์ พระเจ้าซ่อนพระพักตร์จากพวกเขา พวกเขาก็หวาดกลัว

สิ่งที่ตรงกันข้ามเมื่อเราสามารถมองพระพักตร์พระเจ้าได้คือ ‘สิ่งทั้งหมดนี้มองอย่างคาดหวัง เพื่อให้พระองค์ประทานอาหารแก่มันตามเวลา... เมื่อพระองค์แบพระหัตถ์ออก มันก็อิ่มหนำด้วยของดี’ (ข้อ 27, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) สิ่งนี้เป็นจริงไม่เพียงแต่กับอาหารทางกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอาหารฝ่ายวิญญาณที่พระเจ้าประทานแก่เราด้วย

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอบพระคุณที่เมื่อข้าพระองค์มองดูพระองค์ พระองค์ทรงแบพระหัตถ์ของพระองค์และทำให้ข้าพระองค์อิ่มหนำด้วยของดี ขอทรงยกโทษบาปของข้าพระองค์ และอย่าปิดบังพระพักตร์ของพระองค์จากข้าพระองค์

2 โครินธ์ 3:7-18

ใบหน้าของเรา

ใบหน้าของเราควรจะเปล่งประกายยิ่งกว่าใบหน้าของโมเสส ใบหน้าของ ‘โมเสสขณะที่นำแผ่นศิลานั้นเต็มไปด้วยรัศมี (ถึงแม้จะจางหายไปในไม่ช้าก็ตาม) ทำให้ชาวอิสราเอลไม่สามารถเพ่งดูใบหน้าของโมเสสได้ยิ่งกว่าการจ้องมองที่ดวงอาทิตย์’ (ข้อ 7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พันธกิจของพันธสัญญาเดิมนั้นดี ‘คือตามตัวอักษรที่จารึกไว้บนแผ่นศิลา’ แต่ก็มา ‘ด้วยรัศมี’ (ข้อ 7) โมเสสมองดูพระพักตร์ของพระเจ้าและด้วยเหตุนี้ใบหน้าของเขาจึงเต็มไปด้วยรัศมี (อพยพ 34:29 เป็นต้นไป) โมเสสต้อง “เอาผ้าคลุมไว้บนใบหน้า เพื่อไม่ให้ชนชาติอิสราเอลเพ่งดูการสิ้นสุดของรัศมีที่ค่อย ๆ จางหายไปนั้น” (2 โครินธ์ 3:13)

แม้ว่าพันธกิจแห่งพันธสัญญาเดิมนั้นดี แต่แท้จริงแล้ว ‘ทำให้ตาย’ (ข้อ 7) เราไม่สามารถ (ด้วยตัวของเราเอง) ที่จะรักษาธรรมบัญญัติของพระเจ้าที่ถูกเขียนเอาไว้ เราทำบาป และ ‘ค่าจ้างของความบาปคือความตาย’ (โรม 6:23)

เปาโลยังคงเปรียบเทียบพันธกิจแห่งพันธสัญญาเดิมกับพันธกิจของพระวิญญาณ การปรนนิบัติตามพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมนั้นดี (2 โครินธ์ 3:7) อย่างไรก็ตาม การปรนนิบัติตามพระวิญญาณนั้นยิ่งใหญ่กว่าและยั่งยืนยิ่งกว่าเดิม (ข้อ 9–11)

การปรนนิบัติตามพันธสัญญาเดิมเกี่ยวข้องกับโมเสสที่สวมผ้าคลุมหน้า ไม่ได้ถูกเปิดออก เปาโลกล่าวว่าแม้แต่ทุกวันนี้ผู้คนก็ยังไม่เห็นหรือเข้าใจจริง ๆ ว่า ‘ความคิดของพวกเขามืดมัวไป’ (ข้อ 14) แต่ถ้าใครหันมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า ผ้าคลุมนั้นก็จะถูกเปิดออก (ข้อ 16)

นี่เป็นประสบการณ์ของผม ผมเคยได้ยินคนอ่านพระคัมภีร์ และพูดถึงความเชื่อของคริสเตียน แต่ผมไม่เข้าใจว่าเขาพูดถึงอะไร มันไม่สมเหตุสมผลสำหรับผมเลย ดวงตาฝ่ายวิญญาณของผมมืดบอด ทันทีที่ผมหันไปหาพระเจ้า มันราวกับว่าผ้าคลุมถูกถอดออกไป ผมมองเห็นและเข้าใจ

เปาโลยังคงเขียนบางสิ่งที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง: ‘และเมื่อพระเจ้าสถิตอยู่ด้วยพระองค์เอง พระวิญญาณแห่งชีวิต กฎเก่า ๆ ที่รัดกุมนั้นก็ถือว่าล้าสมัยแล้ว เราเป็นอิสระจากสิ่งนี้! เราทั้งหมด! ไม่มีสิ่งใดขวางกั้นระหว่างเรากับพระเจ้า ใบหน้าของเราเปล่งประกายด้วยความสว่างแห่งพระพักตร์ของพระเจ้า เราจึงกลายร่างเหมือนพระเมสสิยาห์ ชีวิตเราค่อยๆ สว่างขึ้นและสวยงามขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพระเจ้าเข้ามาในชีวิตเรา และเราก็เป็นเหมือนพระองค์’ (ข้อ 17–18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ทั้งสามพระภาคมีการทำงานร่วมกัน สง่าราศีของพระเจ้า (พระบิดา) ปรากฏในพระพักตร์ของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระเยซูและพระวิญญาณบริสุทธิ์มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดจนเปาโลสามารถเขียนได้ว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าคือพระวิญญาณ… พระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้า’ (ข้อ 17–18) พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพระวิญญาณของพระเยซู (กิจการ 16:7)

พระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้านำเสรีภาพเข้ามาในชีวิต เสรีภาพจากการประพฤติตามธรรมบัญญัติ ความรู้สึกผิด ความละอาย การฟ้องผิด ความเกลียดชังตนเอง และการปฏิเสธตนเอง เป็นอิสระจากอำนาจของความบาป ความเห็นแก่ตัว การถูกควบคุม เป็นอิสระจากความกลัวความตาย และความกลัวในสิ่งที่คนอื่นคิดเกี่ยวกับเรา อิสระจากการเปรียบเทียบตัวเรากับผู้อื่น

คุณมีอิสระที่จะรู้จัก รัก และรับใช้พระเจ้า คุณมีอิสระที่จะใช้ชีวิต และพลังของคุณเพื่อรักผู้อื่น คุณมีอิสระที่จะเป็นตัวของตัวเอง คุณสามารถเข้าหาพระเจ้าด้วยความกล้าหาญ (2 โครินธ์ 3:12) คุณไม่จำเป็นต้องปิดบังใบหน้าของคุณ

ในขณะที่คุณมองดูพระพักตร์ของพระเยซู พระองค์จะทรงเปลี่ยนคุณให้เป็นเหมือนพระองค์ การเปลี่ยนแปลงจะค่อยเป็นค่อยไป ‘โดยมีศักดิ์ศรีเป็นลำดับขึ้นไป’ (ข้อ 18) เมื่อคุณใช้เวลากับผู้อื่น คุณมักจะเป็นเหมือนเขามากขึ้น ผู้คนต่างเพ่งดูคนมีชื่อเสียงและเลียนแบบกิริยาท่าทาง และรูปลักษณ์ของพวกเขา หากคุณใช้เวลากับพระเยซู คุณก็จะเปลี่ยนไปเป็นเหมือนพระฉายของพระองค์

คุณอาจเห็นใบหน้าของคนนับพันต่อวัน พระฉายนั้นอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่พระวิญญาณทรงเปิดเผยใบหน้าที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา เมื่อคุณใช้เวลาในการทรงสถิตของพระเจ้า คุณจะเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้นเรื่อย ๆ คุณจะถูกเปลี่ยนไปเป็นเหมือนกับพระองค์ในศักดิ์ศรีที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นพระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์สำหรับสิทธิพิเศษอันยิ่งใหญ่นี้ ที่ข้าพระองค์สามารถเข้าหาพระองค์อย่างมีเสรีภาพและด้วยความกล้าหาญ ขอบพระคุณที่ข้าพระองค์สามารถมองเข้าไปในพระพักตร์ของพระองค์ และสะท้อนสง่าราศีของพระองค์ในโลก ขอทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ในวันนี้ที่จะเพ่งมองดูที่พระองค์

2 พงศาวดาร 35:20-36:23

พระเนตรของพระเจ้า

พระเนตรของพระเจ้าเห็นทุกสิ่งที่คุณทำ แม้แต่คำพูดและความคิด เราสามารถหนีจากสายตามนุษย์ได้ แต่เราไม่สามารถหนีจากสายพระเนตรของพระเจ้าได้

ประวัติศาสตร์ที่น่าเศร้าของประชากรของพระเจ้ายังคงดำเนินต่อไปในพระธรรมตอนนี้ ธรรมชาติของมนุษย์ไม่เปลี่ยนแปลง มีการสู้รบ การทะเลาะวิวาท และสงคราม (35:20–21) โยสิยาห์ได้ส่งต่อบัลลังก์ต่อกษัตริย์ที่ไม่ทำตามแบบอย่างที่ดีของเขา เยโฮอาคิม เยโฮยาคีน (บุตรชายของเขา) และ เศเดคียาห์ (อาของเยโฮยาคีน) ล้วน “ทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์” (36:5, 9, 12)

ปัญหาของเศเดคียาห์ก็เหมือนกับคนอื่น ๆ คือเขา “พระทัยแข็งกระด้าง โดยไม่หันไปหาพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล” (ข้อ 13) การปฏิเสธที่จะยอมลงต่อพระพักตร์พระเจ้า การทำใจให้แข็งกระด้างเป็นวิธีที่เราจะปฏิเสธการทำงานพระวิญญาณบริสุทธิ์

‘พระเจ้า… ทรงกล่าวโดยทูตของพระองค์อย่างไม่หยุดยั้ง เพราะพระองค์ทรงเมตตาสงสารประชากรและที่ประทับของพระองค์ พระองค์ทรงต้องการให้โอกาสพวกเขาทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ แต่พวกเขาไม่ฟัง’ (2 พงศาวดาร 36:15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เช่นเดียวกับหลาย ๆ คนในทุกวันนี้ ‘เย้ยหยันบรรดาทูตของพระเจ้าอยู่เสมอ ดูหมิ่นพระวจนะของพระองค์ ทั้งทำกับบรรดาผู้เผยพระวจนะของพระองค์อย่างคนโง่เขลา’ (ข้อ 16, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ในที่สุด พระเจ้าก็มอบพวกเขา (ข้อ 17) ให้กับมหาอำนาจในเวลานั้น คือบาบิโลน (อิรักในปัจจุบัน) และเปอร์เซีย (อิหร่านในปัจจุบัน)

หนังสือพงศาวดารจบลงด้วยข้อความแห่งความหวังเพียงเล็กน้อย พระธรรมตอนนี้อธิบายถึงความพินาศของกรุงเยรูซาเล็มและพระวิหารใน 597 ปีก่อนคริสตกาลและการตกไปเป็นเชลย แต่จบลงด้วยความหวังว่าจะมีการฟื้นฟูและสร้างใหม่ซึ่งเริ่มขึ้นใน 538 ปีก่อนคริสตกาล

การฟื้นฟูนี้ชี้ให้เห็นถึงความหวังที่ยิ่งใหญ่กว่าว่าจะเกิดอะไรขึ้นโดยทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พันธกิจของพระเยซูและพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่เกินกว่าพันธกิจตามพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ความหวังของเราแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เปาโลเขียนว่า ‘เมื่อมีความหวังเช่นนั้นแล้วเราจึงพูดด้วยความกล้าอย่างยิ่ง’ (2 โครินธ์ 3:12) เป็นความหวังที่จะสะท้อนพระรัศมีของพระเจ้าและถูกเปลี่ยนให้เป็นเหมือนพระองค์โดยมีศักดิ์ศรีเป็นลำดับขึ้นไป (ข้อ 18)

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอบพระคุณพระองค์สำหรับความหวังที่เรามี ซึ่งยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ใครจะคิดหรือจินตนาการได้ ขอบพระคุณที่ข้าพระองค์สามารถจ้องมองที่พระพักตร์ของพระเยซู ขอบพระคุณที่ข้าพระองค์สามารถสะท้อนรัศมีของพระเจ้าและเปลี่ยนให้เป็นเหมือนพระฉายาของพระองค์ โดยมีศักดิ์ศรีเป็นลำดับขึ้นไป

Pippa Adds

2 โครินธ์ 3:18

‘แต่เราทุกคนไม่มีผ้าคลุมหน้าแล้ว และมองดูพระรัศมีขององค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วเราก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงให้เป็นเหมือนพระฉายาของพระองค์โดยมีศักดิ์ศรีเป็นลำดับขึ้นไป เหมือนอย่างศักดิ์ศรีที่มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพระวิญญาณ’

ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ก็จะไม่มีการเติบโต

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

Опис за овој план

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!

More