Logo YouVersion
Ikona vyhledávání

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลUkázka

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

วิธีอ่านและทำความเข้าใจพระคัมภีร์

ในการอ่านและพยายามทำความเข้าใจพระคัมภีร์ คุณมี 3 ตัวช่วยด้วยกัน อย่างแรก *พระวิญญาณบริสุทธิ์*ที่สถิตอยู่ในคุณ (1 โครินธ์ 2:2-16) อย่างที่สอง การช่วยเหลือจากทางคริสตจักร คงฟังดูทะนงตนเกินไปที่จะอ้างว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสกับฉันเท่านั้น พระองค์ตรัสกับคนอื่น ๆ ด้วยในประวัติศาสตร์และยังตรัสกับประชากรของพระองค์ต่อไป เปาโลอธิษฐานว่า ‘ให้ท่านสามารถเข้าใจ*ร่วมกับธรรมิกชน*’ (เอเฟซัส 3:18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก New Revised Standard Version โดยผู้แปล) และอย่างที่สาม คุณได้รับประโยชน์จากการคิดหาเหตุผล จาก*ความคิดเห็น*ของคุณ เปาโลหนุนใจแต่ละคนให้ ‘มีความแน่ใจใน*ความคิดเห็นของตน*เถิด’ (โรม 14:5) ในการตีความพระคัมภีร์นั้น มีอยู่ 3 คำถามหลักที่คุณจำเป็นต้องถาม: 1. ***จริง ๆ แล้วพระคัมภีร์พูดว่าอย่างไร?*** พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมเขียนในภาษาฮีบรู (และภาษาอาราเมค) และในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่เขียนด้วยภาษากรีก แต่คุณสามารถมั่นใจได้ว่าการแปลในสมัยใหม่นั้นน่าเชื่อถือและถูกต้อง 2. ***พระคัมภีร์หมายความว่าอย่างไร?*** การจะตอบคำถามนี้ คุณต้องถามว่า: เป็นงานเขียนประเภทไหน? เป็นการเขียนทางประวัติศาสตร์หรือไม่? เป็นคำกลอน? เป็นคำเผยพระวจนะ? เป็นคำพยากรณ์การสิ้นโลก? เป็นธรรมบัญญัติ? เป็นถ้อยคำแห่งสติปัญญา? เป็นพระกิตติคุณ? ตอนต่าง ๆ ในวันนี้เป็นประเภทวรรณกรรมที่แตกต่างกัน (คำกลอน คำพยากรณ์การสิ้นโลก และประวัติศาสตร์) ดังนั้น เราจะอ่านแต่ละบทด้วยวิธีที่แตกต่างกัน จากนั้น ถามต่อว่าสิ่งนี้มีความหมายอย่างไรตามที่ผู้เขียนต้องการสื่อ และมีความหมายอย่างไรสำหรับผู้อ่านหรือผู้ได้ยินกลุ่มแรกด้วย แล้วถามต่อไปอีกว่า ‘มีสิ่งใดเกิดขึ้นตามมาที่จะเปลี่ยนแปลงความเข้าใจเราหรือไม่?’ ตัวอย่างเช่น ความเข้าใจในเรื่องการเสด็จมาของพระเยซูทำให้เราเข้าใจพันธสัญญาเดิมแตกต่างไปอย่างไร? ท้ายที่สุดแล้ว พระคัมภีร์ล้วนเป็นเรื่องของพระเยซูทั้งสิ้น (ดู ยอห์น 5:39-40) 3. **เรื่องนี้จะนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตของฉันได้อย่างไร?** เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กลายเป็นเพียงบททดสอบทางสติปัญญา คุณต้องคิดให้ตกว่าจะสามารถนำมาประยุกต์ใช้อะไรได้บ้างในชีวิตประจำวัน

สดุดี 144:9-15

จริงใจต่อพระเจ้า (บทกวี)

พระเจ้าต้องการให้เราจริงใจต่อพระองค์ พระธรรมสดุดีไม่ใช่การอธิษฐานจากคนดีด้วยภาษาสุภาพ แต่มักใช้คำที่ดูดิบเถื่อน แบบทางโลก และหยาบกระด้าง ถ้อยคำเหล่านี้คือการตอบสนองส่วนตัวที่แท้จริง และซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองต่อพระเจ้า

พระธรรมสดุดีเขียนด้วยภาษาแห่งบทกวี บทกวีของโรเบิร์ต เบิร์นส์ เขียนไว้ว่า ‘ความรักของผมเปรียบดังกุหลาบแดง’ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เขาไม่ได้หมายความตามนั้นตรงตัว

ภาษาด้านศาสนศาสตร์มากมายมักเกี่ยงข้องกับภาพเปรียบเทียบ เมื่อสองสิ่งถูกนำมาเปรียบเทียบกัน ไม่ได้หมายความว่า จะต้องเหมือนกันในทุกแง่มุม

ตัวอย่างเช่น:

‘ขอให้บรรดาบุตรชายของข้าพระองค์ทั้งหลาย
|เมื่อพวกเขายังหนุ่ม ๆ อยู่เป็นเหมือนต้นไม้โตเต็มขนาด
|และขอให้บรรดาบุตรหญิงของข้าพระองค์ทั้งหลาย
|มีรูปร่างสวยงามและมีความสดใส ดั่งทุ่งดอกไม้ป่า’ (ข้อ 12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระธรรมสดุดียังแสดงถึงความรู้สึกของมนุษย์เป็นอย่างมากอีกด้วย ตัวอย่างเช่น ในวันนี้ ผู้เขียนสดุดีเขียนว่า ‘ขอทรงฉวยและช่วยกู้ข้าพระองค์ให้พ้นจากมือคนต่างชาติ ผู้ซึ่งปากของเขาพูดเท็จ และมือขวาของเขาเป็นมือแห่งการหลอกลวง’ (ข้อ 11)

ชัดเจนว่า ไม่ใช่คนต่างชาติทุกคนเป็นคนโกหกและชอบหลอกลวง แต่บางครั้งพระธรรมสดุดีกล่าวถึงความฉุนเฉียวที่มีต่อพระเจ้าและความแค้นต่อผู้อื่น ไม่ได้หมายความว่า ความรู้สึกเหล่านี้ถูกต้อง แต่คือการตอบสนองอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งเราหลายคนรู้สึกแบบเดียวกันในช่วงเวลาต่างกันไปในชีวิต

ดาวิดอยู่ท่ามกลางสงครามและถูกจู่โจมจากเมืองต่างชาติอยู่เสมอ ความขัดแย้งกันทางกองกำลังเป็นความจริงในชีวิตสำหรับเขา ​​สิ่งนี้ขัดกับฉากหลังที่เขาขอบคุณพระเจ้าในการฝึกมือของเขาเพื่อทำสงคราม นี่ไม่ได้บ่งชี้ว่าเราควรเลียนแบบความรู้สึกเหล่านี้ ทั้งพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่ เราควรที่จะรักคนต่างชาติและคนนอกเป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตาม ยังมีความรู้สึกอื่น ๆ ที่คุณสามารถได้รับแรงบันดาลใจในการทำตาม ตัวอย่างเช่น ถ้อยคำของดาวิดในข้อ 9 สร้างแรงบันดาลใจให้เราในการนมัสการ และเขายังคงกล่าวต่อไปถึงความปรารถนาในพระพรของพระเจ้าเหนือครอบครัวของเขา การงานและความมั่นคงของชนชาติของเขา เขาจบลงด้วย ‘ชนชาติผู้มีพระพรอย่างนี้ก็เป็นสุข ชนชาติซึ่งพระเจ้าของเขาคือองค์พระผู้เป็นเจ้าก็เป็นสุข’ (ข้อ 15)

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณที่พระพรของพระเจ้านั้นอยู่เหนือคริสตจักร ผู้ที่พระเจ้าของเขา คือ องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์นมัสการพระองค์วันนี้และอธิษฐานขอพระพรของพระองค์เหนือครอบครัว การงาน การรับใช้ เมืองและชนชาติของข้าพระองค์

วิวรณ์ 8:1-9:12

สร้างความแตกต่างด้วยการอธิษฐาน (คำพยากรณ์ถึงการสิ้นโลก)

งานเขียนแห่งคำพยากรณ์การสิ้นโลกเป็นงานเขียนแห่งความฝันและนิมิต ของความลึกลับอันล้ำลึก และวาระสุดท้ายแห่งประวัติศาสตร์ เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ที่ต้องตีความ ในนั้นเราจะได้เห็นสิ่งต่าง ๆ ที่มักจะอยู่ในขอบเขตของความเข้าใจของมนุษย์ ซึ่งสิ่งที่ซับซ้อน และอยู่เหนือจินตนาการนี้ สามารถช่วยให้เราเริ่มที่จะมองสิ่งต่าง ๆ ที่เกินความเข้าใจของเราได้

เป็นที่ทราบกันดีว่าวรรณกรรมเกี่ยวกับคำพยากรณ์ถึงการสิ้นโลกนั้นยากที่จะตีความ พบได้หลายที่ในพระคัมภีร์โดยเฉพาะพระธรรมดาเนียล และวิวรณ์

การอ่านการเขียนคำพยากรณ์ถึงการสิ้นโลกสำหรับวันนี้นั้นไม่ง่ายเลยที่จะเข้าใจ ดูเป็นการทรงเรียกของพระคริสต์ที่มีต่อทั้งโลกให้กลับใจใหม่ และสัญญาณเตือนแห่งการพิพากษาของพระองค์ที่กำลังมา

ก่อนการพิพากษา ‘ฟ้าสวรรค์เงียบไป เงียบสงัดประมาณครึ่งชั่วโมง’ (8:1 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ในระหว่างช่วงเวลาอันน่าสะพรึงกลัวนั้น ทั่วทั้งฟ้าสวรรค์เงียบสงัด บางทีนี่อาจเป็นสัญลักษณ์ของโอกาสของการอธิษฐานแห่งประชากรของพระเจ้าที่จะได้นำเสนอต่อพระองค์และจะทรงได้ยิน

แตร 7 คัน (ข้อ 2) พระองค์กำลังทำทุกสิ่งโดยอำนาจทั้งหมดที่มีเพื่อที่จะนำให้เราได้กลับใจใหม่ ความปรารถนาของพระเจ้าคือการเตือนเราถึงผลที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จากทางของเราแตร 4 คันแรกนั้น ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (ข้อ 6-13) มีภัยพิบัติทางสิ่งแวดล้อม (ข้อ 7) เหตุการณ์วุ่นวายท่ามกลางการทรงสร้างของพระองค์ (ข้อ 8-9) โศกนาฏกรรมของมนุษย์ (ข้อ 10-11) และอันตรายที่มาถึงในระบบจักรวาล (ข้อ 12) แล้วทูตสวรรค์องค์ที่ 5 และ 6 ได้นำความพินาศมาสู่มนุษยชาติ (9:1-21)

ท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ คุณสามารถเห็นความสำคัญของการอธิษฐาน ‘ทูตสวรรค์อีกองค์... พระเจ้าประทานเครื่องหอมมากมาย ให้ถวายร่วมกับคำอธิษฐานของธรรมิกชน... และควันเครื่องหอมนั้นก็ลอยขึ้นไปพร้อมกับคำอธิษฐานของธรรมิกชนทั้งหลาย จากมือทูตสวรรค์สู่เบื้องพระพักตร์ของพระเจ้า’ (8:3-4) ผลของคำอธิษฐานที่แท้จริงยังไม่ชัดเจนนัก แต่สิ่งที่ชัดเจนก็คือ พระเจ้าได้ยินคำอธิษฐานของคุณ คำอธิษฐานของคุณนั้นสำคัญ คำอธิษฐานของคุณทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

เราใช้ชีวิตอยู่ในเวลาระหว่างการเสด็จมาครั้งที่ 1 และ 2 ของพระคริสต์ เราเห็นหลักฐานของสิ่งที่ถูกเขียนไว้เกี่ยวกับบทเหล่านี้ที่เกิดขึ้นในโลกของเรา การตอบสนองของเราควรจะเป็นการอธิษฐาน และกลับใจใหม่

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์อยากจะตรวจสอบชีวิตของข้าพระองค์เองและกลับใจใหม่จากความบาปที่ข้าพระองค์รู้ ขอบคุณที่ทรงได้ยินคำอธิษฐานของข้าพระองค์ และที่มันจะทำให้เกิดความแตกต่างขึ้นได้

เอสรา 1:1-2:67

ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าให้สำเร็จในชีวิตของคุณ (ประวัติศาสตร์)

พระเจ้าทรงมีพระประสงค์สำหรับชีวิตของคุณ คุณได้รับการทรงเรียกให้ทำบางอย่างที่พิเศษเพื่อพระองค์ พระธรรมเอสราแสดงให้เราเห็นว่าแม้ว่าจะเป็นแผนการของพระเจ้าเอง ก็ยังมีฝ่ายต่อต้าน และแรงเสียดทานมากมาย แต่พระเจ้าทรงอยู่กับคุณ (1:3) และแผนการของพระเจ้าจะสำเร็จในที่สุด

ในพระธรรมเอสรา เราพบตนเองว่ามีจุดที่คล้ายคลึงกับประวัติศาสตร์ในตอนนั้น หมวดประวัติศาสตร์ของพระคัมภีร์นั้นไม่เพียงแค่บันทึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ยังให้การตีความของเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่พรรณนาถึง การเขียนทางประวัติศาสตร์ดูเหมือนเป็นกิจพยากรณ์ ซึ่งบันทึกทั้งความจริงและอธิบาย หรือเปิดเผยว่าพระเจ้าทรงทำการนั้นอย่างไรผ่านเหตุการณ์ที่บรรยาย

ข้อพระคัมภีร์เปิดของพระธรรมเอสราเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการนำความจริงกับการตีความมาไว้ด้วยกัน: ‘ในปีแรกแห่งรัชกาลไซรัสกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย เพื่อพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ตรัสโดยปากของเยเรมีย์จะสำเร็จ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเร้าจิตใจของไซรัสกษัตริย์แห่งเปอร์เซียพระองค์จึงทรงป่าวประกาศตลอดราชอาณาจักรของพระองค์และทรงบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร’ (ข้อ 1) (ข้อความร่วมสมัยที่จารึกไว้แสดงให้เห็นด้วยว่ากษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียอนุญาตให้เชลยชนชาติอื่นสามารถกลับบ้านได้เช่นกัน)

ขณะเดียวกัน ผู้เขียนอธิบายถึง ความสำคัญของเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์เหล่านี้ เขาเน้นว่าพวกเขาทำให้คำเผยพระวจนะก่อนหน้าของเยเรมีย์ว่าจะถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยจะมีช่วงเวลาราว 70 ปี (เยเรมีย์ 25:12 และ 29:10) นี่ไม่ใช่แค่เพียงบทเรียนประวัติศาสตร์ดึกดำบรรพ์ แต่คือการเปิดเผยจากพระเจ้า แสดงให้เราเห็นถึงความสัตย์ซื่อของพระเจ้าต่อประชากรของพระองค์ เป็นสิ่งเตือนใจเราว่าพระองค์เป็นพระเจ้าแห่งการช่วยกู้ และทำให้เห็นว่าพระองค์เป็นผู้บัญชาการและควบคุมประวัติศาสตร์

เหตุการณ์ที่เอสราพรรณนาถึงในบทเหล่านี้เกิดขึ้น 536 ปีก่อนคริสตกาล ภายหลังจาก 70 ปีที่ถดถอย พ่ายแพ้ และเป็นเชลย พระเจ้าได้ทรงประทานการเริ่มต้นใหม่ดังที่เห็นได้ว่าประชากรของพระเจ้าได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน

พระราชกฤษฎีกาของไซรัสอนุญาติให้ชาวยิวเดินทางกลับ และสร้างพระวิหารในกรุงเยรูซาเล็มขึ้นใหม่ เอสราจดจ่ออยู่กับการสร้างพระวิหารขึ้นใหม่ และเนหะมีย์จดจ่อกับการสร้างกำแพงของกรุงเยรูซาเล็มขึ้นใหม่ อย่างไรก็ตาม พื้นฐานท่าทีภายในใจของพวกเขานั้นเหมือนกัน พวกเขาเห็นแก่พระสิริของพระเจ้าและประชากรของพระองค์ ด้วยวิธีที่แตกต่างกัน ทั้งสองต่างทำตามประสงค์ของพระเจ้าสำหรับชีวิตของพวกเขา

วันนี้ เป็นแบบเดียวกันสำหรับคุณ คุณมีเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงสำหรับชีวิต พวกเราทั้งหมดมีโครงการที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับงานของเรา ความรักความชอบและของประทานที่ต่างกัน แต่พื้นฐานท่าทีภายในใจควรจะเหมือนกัน นั่นก็คือ เห็นแก่พระสิริของพระเจ้าและประชากรของพระองค์ พระเจ้าจะทรงทำให้เป้าหมายเฉพาะในชีวิตของคุณนั้นเป็นจริง

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์อยากพร้อมเพื่อพระองค์ เพื่อทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับข้าพระองค์ ขอให้ชีวิตของข้าพระองค์นั้นนำพระสิริมาสู่พระนามของพระองค์

Pippa Adds

ฉันเพิ่งดูรายชื่อของเชลยที่กลับมาจากการถูกกวาดต้อนในพระธรรมเอสราบทที่ 2 พวกเขานับจำนวนคน เพราะประชาชนมีความสำคัญ

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

O tomto plánu

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!

More