พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลUkázka

ความวิตกกังวลและสันติ
ความวิตกกังวลสามารถขโมยความสุขในชีวิตของคุณไปได้ สาเหตุของความวิตกกังวลมีได้มากมาย ปัญหาด้านสุขภาพ การทำงาน (หรือไม่มีงานทำ) การเงิน (หนี้สิน ค่าใช้จ่ายค้างชำระ และอื่นๆ ) และอื่นๆ อีกมากนอกจากนี้ บางสาเหตุที่ใหญ่ที่สุดของความวิตกกังวลคือสิ่งที่ต้องรับมือในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ที่จะอ่านกันในวันนี้ ความสัมพันธ์ การสมรส (หรือไม่ได้สมรส) เพศสัมพันธ์ (หรือการขาดการมีเพศสัมพันธ์) การเป็นโสดและการหย่าร้าง) ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมตอนนี้ของเรา พระธรรมปัญญาจารย์แนะนำว่า ความวิตกกังวลส่วนมากที่เราเจอ มีสาเหตุมาจากบางอย่างที่ลึกลงไปกว่านั้น นี่อาจอธิบายว่าเป็นความวิตกกังวลที่ไร้ความหมาย ท่ามกลางทั้งหมดนี้ คุณถูกเรียกให้ ‘อยู่อย่างสันติ’ (1 โครินธ์ 7:15)สดุดี 94:12-23
พูดกับพระเจ้าเรื่องความวิตกกังวลต่างๆ ของคุณ
คุณรู้ไหมว่า ประสบการณ์ในการความวิตกกังวลมากมายคืออะไร (ข้อ 19ก)?
ผู้เขียนสดุดีเคยมีประสบการณ์นั้นแน่นอน เขาเขียนว่า ‘เพื่อจะทรงให้เขาพักจากวันลำบาก…เมื่อข้าพเจ้าได้คิดว่า “เท้าของข้าพลาด” ข้าแต่พระยาห์เวห์ ความรักมั่นคงของพระองค์ค้ำจุนข้าพระองค์ไว้ เมื่อความกังวลมีมากในใจข้าพระองค์ การปลอบโยนของพระองค์ก็ทำให้จิตใจข้าพระองค์ปีติยินดี’ (ข้อ 13ก,18–19)
เขาเขียนต่อไป แต่พระยาห์เวห์ทรงเป็นที่กำบังอันแข็งแกร่งของข้าพเจ้าแล้ว และพระเจ้าของข้าพเจ้าทรงเป็นศิลาที่ลี้ภัยของข้าพเจ้า’ (ข้อ 22)
เมื่อเต็มไปด้วยความวิตกกังวลมากมาย จงหันกลับไปหาองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อขอความช่วยเหลือ “เมื่อข้าพระองค์กลุ้มใจและกังวล พระองค์ทรงปลอบประโลมและทำให้ข้าพระองค์” (ข้อ 19 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เราได้รับการบรรเทา การปลอบโยนและความสุขในความรักของพระเจ้า พระเจ้าทรงจัดเตรียม “หลุมแห่งความเงียบสงบในเสียงโห่ร้องของความชั่วร้าย” (ข้อ 13 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ขอบพระคุณ องค์พระผู้เป็นเจ้าที่พระองค์ทรงประทานความบรรเทาให้แก่ข้าพระองค์ในวันแห่งความยากลำบาก วันนี้ข้าพระองค์เข้ามาหาพระองค์ และนำความวิตกกังวลต่างๆ มามอบไว้กับพระองค์…
1 โครินธ์ 7:1-16
อยู่อย่างสันติในสถานการณ์ของคุณ
คุณรู้สึกว่า คุณกำลังดำเนินชีวิตแห่งสันติสุขไหม? ‘พระเจ้าทรงเรียกเราให้อยู่อย่างสันติ’ (ข้อ 15ค) คุณจะพบ ‘สันติสุข’ นี้ได้อย่างไร? ในบทนี้ อาจารย์เปาโลกำหนดวิธีที่คุณจะพบสันติสุขในความสัมพันธ์ ชีวิตสมรส การเป็นโสด และการแยกกันอยู่ ท่านเริ่มต้นด้วยการตั้งคำถาม ‘เป็นเรื่องดีไหมที่จะมีความสัมพันธ์ทางเพศ?’ (ข้อ 1 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เขาตอบว่า ‘แน่นอน แต่อยู่ภายใต้บริบทหนึ่งเท่านั้น’ (ข้อ 2ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
เปาโลกำลังรับมือกับอันตรายสองขั้ว คนที่พูดว่า ‘ทำทุกสิ่งได้’ (ดูบทที่ 6) ซึ่งนำไปสู่การทำผิดศีลธรรม และพวกที่ถือสันโดษที่เคร่งครัดฝ่ายวิญญาณ ผู้ปฏิเสธความต้องการทั้งสิ้นทางกาย ในคำตอบ เปาโลตอบคำถามหลายข้อต่อไปนี้:
- ชีวิตสมรส เป็นน้ำพระทัยโดยทั่วไปของพระเจ้าต่อประชากรของพระองค์หรือไม่?
ชีวิตสมรสเป็นบรรทัดฐานสำหรับบุรุษและสตรีทุกคน ‘เป็นสิ่งดีที่ผู้ชายแต่ละคนควรมีภรรยาเป็นของตน และผู้หญิงแต่ละคนควรมีสามีเป็นของตน’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) น้ำพระทัยโดยทั่วไปของพระเจ้าคือการที่ประชากรแต่งงานเพื่อให้มีเพื่อนคู่คิด (ปฐมกาล 2:18) การสืบเชื้อสาย (ปฐมกาล 1:28) และความพึงใจ (1 โครินธ์ 7:1–5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) การเป็นโสดถือเป็นข้อยกเว้น ซึ่งเป็นการทรงเรียกที่พิเศษ
เหตุผลที่เปาโลให้ตรงนี้คือเพราะว่านี่เป็นสิ่งที่ ‘ล่วงประเวณี’ (ข้อ 2) ‘แรงขับดันทางเพศนั้นรุนแรงมาก แต่การสมรสนั้นเข้มแข็งพอที่จะจำกัดมันไว้ได้ และจัดเตรียมชีวิตทางเพศที่สมดุลและเติมเต็มในโลกของความผิดปกติทางเพศ’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เขากำลังรับมือกับปรปักษ์ตามเงื่อนไขของพวกเขาเอง พวกเขาต่อต้านการล่วงประเวณีและโต้เถียงกันเรื่องการไม่มีเพศสัมพันธ์และการแต่งงาน
เปาโลตอบสนองต่อสิ่งนี้ เช่นเดียวกับเหตุผลในเชิงบวกทุกอย่าง การล่วงประเวณีถึงเป็นการทดลองจึงเป็นเหตุผลที่ดีที่จะแต่งงาน
- อะไรคือท่าทีของคริสเตียนต่อเรื่องเพศโดยปราศจากการสมรส?
เส้นทางสู่ความบริบูรณ์ทางจิตวิญญาณในชีวิตสมรสไม่ได้เกิดจากการงดเว้น ในชีวิตสมรสมีเสรีภาพทางเพศ และมีความเท่าเทียมกันทางเพศ ‘เตียงสมรสควรจะเป็นที่แห่งการเป็นของกันและกัน สามีควรทำให้ภรรยาของตนพึงใจ ภรรยาควรทำให้สามีของตนพึงใจ’ (ข้อ 3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เหตุผลเดียวที่ควรงดเว้นเพศสัมพันธ์คือเพื่อช่วงสั้นๆ สำหรับการอธิษฐาน หากตกลงร่วมกันแล้ว และนั่นเป็นการให้อนุญาตไม่ใช่เป็นคำสั่ง (ข้อ 5–6)
- เป็นโสดหรือแต่งงานดีกว่ากัน?
เปาโลเขียนว่าทั้งสองแบบเป็นของประทานจากพระเจ้า ทั้งสองแบบเป็นสิ่งที่ดี (ข้อ 7–9) ในทางหนึ่ง เป็นสิ่งที่ดีที่สุด (มีการให้เหตุผลต่างๆ ในภายหลัง) ที่จะอยู่เป็นโสด ‘บางครั้ง ข้าพเจ้าหวังว่าทุกคนจะเป็นโสดเหมือนข้าพเจ้า ชีวิตง่ายกว่าในหลายด้าน! แต่ชีวิตโสดไม่ได้มีไว้สำหรับทุกคนไปมากกว่าการสมรส’ (ข้อ 7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) แต่เป็นสิ่งดีที่จะแต่งงาน (ข้อ 9)
- คริสเตียนควรหย่าร้างจากคริสเตียนอีกคนไหม?
หลักการโดยทั่วไปในพระธรรมตอนนี้ และส่วนอื่นๆ ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ ดูเหมือนจะตอบคำถามนี้ว่า “ไม่ได้” “หากคุณแต่งงาน ก็จงอยู่ในชีวิตสมรสต่อไป...สามีไม่มีสิทธิที่จะกำจัดภรรยาของเขา” (ข้อ 10–11 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) แน่นอนว่า นี่เป็นประเด็นที่ซับซ้อนมาก (ผมได้พยายามตอบคำถามนี้ในรายละเอียดมากขึ้นในหนังสือ การดำเนินชีวิตเหมือนพระเยซู (The Jesus Lifestyle) บทที่ 6)
- แล้วเรื่องความสัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช่คริสเตียนล่ะ?
เปาโลไม่หนุนใจให้คริสเตียนแต่งงานกับผู้ที่ไม่ใช่คริสเตียน (2 โครินธ์ 6:14, 7:1, 1 โครินธ์ 7:39) อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาแต่งงานกันอยู่แล้ว ก็เป็นเรื่องค่อนข้างจะแตกต่างออกไป พวกเขาไม่ควรหาทางยุติความสัมพันธ์ในชีวิตสมรสที่มีอยู่
ฝ่ายตรงข้ามกับเปาโลกังวลว่า การสมรสกับบางคนที่ไม่ได้เป็นคริสเตียนอาจทำให้ชีวิตสมรสเป็นมลทินไป การตอบสนองของเปาโลคือตรงข้ามกันคือกรณีนี้ที่ ‘สามีที่ยังไม่เชื่อได้แบ่งปันความบริสุทธิ์ของภรรยาในระดับหนึ่ง และภรรยาที่ไม่เชื่อก็เช่นเดียวกัน ได้สัมผัสถึงความบริสุทธิ์ของสามีของนาง มิเช่นนั้น ลูกๆ ของคุณจะถูกกันออกไป ดังที่เป็นอยู่ ลูกๆ ยังคงถูกรวมเข้าไว้สู่พระประสงค์ฝ่ายวิญญาณของพระเจ้าด้วย’ (ข้อ 14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
หากฝ่ายที่ยังไม่ได้เป็นคริสเตียนยืนยันที่จะเลิกไป และการยึดอยู่ในชีวิตสมรสไม่ได้นำไปสู่สิ่งใดนอกเหนือไปจากความขุ่นมัวใจและตึงเครียด เช่นนั้นคริสเตียนควรปล่อยพวกเขาไป ไม่ใช่เพื่อเห็นแก่ความบริสุทธิ์ แต่เพื่อเห็นแก่ ‘สันติ’ (ดู ข้อ 15)
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยเราไม่ว่าเราจะพบว่าตัวเองอยู่ในสถานะใด ไม่ว่าสถานภาพการสมรสของเราจะเป็นอย่างไร ให้ได้ดำเนินชีวิตตามมาตรฐานของพระองค์และรู้ถึงความสงบสันติของพระองค์
ปัญญาจารย์ 1:1-3:22
ค้นพบวัตถุประสงค์แทนที่จะไร้ความหมาย
‘เพราะว่ามนุษย์ได้อะไรจากการตรากตรำทั้งสิ้น และการดิ้นรนที่เขาต้องตรากตรำภายใต้ดวงอาทิตย์เล่า?’ (2:22) สำนวนที่ว่า ‘ภายใต้ดวงอาทิตย์’ ปรากฏ 28 ครั้งในพระธรรมเล่มนี้ นี่เป็นสิ่งที่ใช้เพื่ออธิบายถึงการค้นหาความหมายที่ไม่เคยไปได้ไกลกว่าชีวิตนี้และโลกนี้
ปัญญาจารย์เป็นเรื่องราวของความกังวลของคนคนหนึ่งที่ค้นหาความหมาย ผู้เขียนที่มีประสบการณ์คือกษัตริย์ซาโลมอนที่มีชีวิตอยู่เมื่อ 3,000 ปีก่อน ค้นหาในหลายด้าน
จอยซ์ ไมเยอร์ เขียนไว้ว่า ‘ซาโลมอนเป็นคนที่ยุ่งมาก เขาทรงลองทุกอย่างที่ควรจะลอง และทำทุกสิ่งที่ควรจะต้องทำ แต่ในตอนท้ายของประสบการณ์ของตน เขากลับไม่อิ่มใจ และขมขื่น...เหนื่อยล้า ผิดหวัง และขุ่นมัว’ ปัญญาจารย์แสดงให้เห็นความขุ่นมัวต่างๆ เหล่านี้ในเรื่องชีวิต
ยูจีน ปีเตอร์สัน เขียนไว้ว่า ‘ปัญญาจารย์ไม่ได้กล่าวเรื่องพระเจ้าไว้มากมายนัก ผู้เขียนละไว้กับพระธรรมที่เหลืออีก 65 เล่มในพระคัมภีร์ หน้าที่ของพระองค์คือการเปิดเผยถึงการไร้ความสามารถของเราในการค้นหาความหมาย และเติมเต็มชีวิตของเราด้วยตัวเราเอง...นี่เป็นการเปิดใจและปฏิเสธความคาดหวังที่หยิ่งยโสและโง่เขลาทุกอย่างว่าเราสามารถดำเนินชีวิตของเราเองได้ด้วยตัวเอง ตามแบบที่เรากำหนดเอง’
ซาโลมอนพบว่า ‘ทุกสิ่งก็น่าเบื่อ น่าเบื่อหน่ายที่สุด ไม่มีใครสามารถพบความหมายใดๆ ในสิ่งเหล่านั้น’ (1:8, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘ดังนั้นจะได้อะไรจากชีวิตที่ตรากตรำทำงานหนัก ? ความเจ็บปวดและโศกเศร้าตั้งแต่ฟ้าสางจนฟ้ามืด ไม่เคยได้พักอย่างสงบในยามค่ำคืน ไม่เหลืออะไรให้จับต้องเลย’ (2:23, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
-
ปัญญานิยม
พระองค์ทรงเริ่มต้นด้วยการไล่ตาม ‘สติปัญญา’ และ ‘ความรู้’ (1:18ก) แต่สิ่งนี้เพียงแค่นำไปถึง ‘ทุกข์ระทมมากขึ้น’ และ ‘ความเศร้าโศกมากขึ้น’ (ข้อ 18ข) ‘ยิ่งรู้มาก ยิ่งเจ็บปวดมาก’ (ข้อ 18ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) การสะสมสติปัญญาและความรู้ไม่ได้จัดการกับเหตุสุดวิสัยเรื่องความวิตกกังวล และ ไร้ความหมาย -
สุขนิยม
สุขนิยมเป็นความเชื่อที่ว่า ความเพลิดเพลินใจเป็นเป้าหมายหลักที่ดี หรือเหมาะสม ‘ข้าพเจ้ารำพึงว่า “มาเถอะ ลองสนุกสนานดู จงสนุกกันให้เต็มที่!”’ (2:1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ซาโลมอนพยายามหนีไปผ่านทาง ‘การหัวเราะ’ (ข้อ 2) แม้กระทั่งลองใช้สิ่งกระตุ้นต่าง ๆ ‘กายจึงคึกคักด้วยเหล้าองุ่น’ (ข้อ 3) จากนั้นหันไปหาดนตรี ‘นักร้องชายหญิง’ (ข้อ 8) ทั้งยังลองเพลิดเพลินทางเพศ ‘มีความสนุกสนานทางเพศ’ (ข้อ 8ข) ที่จริงซาโลมอนทรงมีมเหสี 700 คน และนางห้าม 300 คน ทั้งหมดนี้ก็ยังไม่ได้ทำให้อิ่มใจ
ซาโลมอนสรุปว่า ‘แล้วข้าพเจ้าหันมาดูทุกสิ่งที่มือข้าพเจ้าทำ และผลของการตรากตรำที่ข้าพเจ้าทำลงไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย และดูเถิด ทุกอย่างก็อนิจจังคือ กินลมกินแล้ง และไม่มีประโยชน์อะไรภายใต้ดวงอาทิตย์’ (ข้อ 11) เขาประสบกับความย้อนแย้งของความสุข กฎแห่งผลตอบแทนที่ลดลง ยิ่งคนเราแสวงหาความสุขมากเท่าไหร่ ยิ่งพบได้น้อยลงเท่านั้น
- วัตถุนิยม
วัตถุนิยมคือ ‘แนวโน้มที่จะชอบทรัพย์สมบัติทางวัตถุมากกว่าค่านิยมฝ่ายวิญญาณ’ ซาโลมอนลอง ‘การใหญ่โต’ หลากหลาย (ข้อ 4) มีทรัพย์สินมากมาย (ข้อ 4–6) มีชายและหญิงมากมายทำงานให้ (ข้อ 7) มีสมบัติมากมาย (ข้อ 7ข) ซาโลมอนหาเงินได้มาก ‘ข้าพเจ้าสะสมเงินทองไว้ด้วย และสะสมทรัพย์สมบัติอันควรคู่กับกษัตริย์และควรคู่กับเมืองทั้งหลาย’ (ข้อ 8) มีความยิ่งใหญ่ ความสำเร็จ และชื่อเสียง (ข้อ 9) มีงานและอาชีพที่ประสบความสำเร็จ (ข้อ 10ข) กระนั้น ความตายก็ทำให้ทุกสิ่งที่ค้นหามาได้นั้น ‘อนิจจัง’ (ข้อ 16–18)
ปัญญาจารย์ยกคำถามต่างๆ ซึ่งในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ตอบคำถามเหล่านั้น การค้นพบความหมายไม่ได้อยู่ ‘ภายใต้ดวงอาทิตย์’ แต่อยู่ในพระบุตร
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่ในพระเยซู ข้าพระองค์ได้พบคำตอบต่อความวิตกกังวลเรื่องความอนิจจัง ขอบพระคุณที่ในพระเยซู ข้าพระองค์ได้พบสันติสุขและความหมายที่แท้จริงต่อชีวิตของข้าพระองค์
Pippa Adds
ปัญญาจารย์ 3:1
‘มีวาระสำหรับเรื่องราวทุกอย่าง…’
ฉันไม่เคยมีเวลาพอ แม้แต่สำหรับแผนการอ่านพระคัมภีร์ในหนึ่งปี (แม้ว่าฉันจะลาพักร้อนอยู่)
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)O tomto plánu

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Podobné plány

Zůstávejme v Ježíši: Přinášejme trvalé ovoce (Love God Greatly/Miluj Boha nesmírně)

Zkus se modlit

Milost ve vašem příběhu

Svoboda

Ester: Pro chvíli, jako je tato

Co je mým účelem? Nauč se milovat Boha a milovat druhé lidi

Porazit sebevědomí a úzkost

Radujme se

Uvědomit si, že Bůh mě miluje
