Logo YouVersion
Ikona vyhledávání

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลUkázka

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

ทำให้จิตใจของคุณอ่อนโยนและเท้าแข็งกระด้าง

นักศึกษาวิทยาลัยดนตรีอายุ 21 ปีคนหนึ่ง นั่งเรือที่ถูกที่สุดที่เธอสามารถหาได้ ตามการทรงเรียกให้รับใช้ในหลากหลายประเทศ และอธิษฐานให้รู้ว่าจะลงจากเรือที่ไหนดี เธอมาถึงฮ่องกงในปี ค.ศ.1966 และมาถึงสถานที่ที่เรียกว่าเมืองกำแพง มันเป็นพื้นที่เล็ก ๆ ที่มีประชากรหนาแน่นและไร้กฎหมายควบคุม ทั้งจากจีนและฮ่องกง เป็นชุมชนสลัม ตึกสูงแนวตั้งสำหรับคนติดยา แก๊ง และผู้ให้บริการทางเพศ เธอเขียนว่า: ฉันชอบที่มืด ๆ แห่งนี้ ฉันเกลียดสิ่งที่เกิดขึ้นในนั้น แต่ฉันต้องการอยู่ที่นี่มากกว่าที่ใด ๆ มันเกือบจะเหมือนกับว่าฉันเห็นอีกเมืองหนึ่งในที่นี้ และเมืองนั้นก็เรืองรองไปด้วยแสงสว่าง นั่นเป็นความฝันของฉัน ไม่มีการร้องไห้อีกต่อไป ไม่มีความตายหรือความเจ็บปวดอีกต่อไป คนป่วยได้รับการรักษา ผู้ติดยาได้เป็นอิสระ คนหิวโหยได้อิ่มท้อง มีครอบครัวสำหรับเด็กกำพร้า บ้านสำหรับคนไร้บ้าน และศักดิ์ศรีใหม่สำหรับผู้ที่เคยอยู่ด้วยความอับอาย ฉันไม่รู้ว่าจะนำสิ่งนี้มาได้อย่างไร แต่ด้วยจินตนาการอันเปี่ยมด้วย ‘ความกระตือรือร้นในนิมิตหมาย’ ในการนำผู้คนในเมืองกำแพงให้รู้จักผู้ที่สามารถเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ได้นั่นคือ พระเยซู แจ็กกี้ พูลลิงเจอร์ ใช้เวลากว่าครึ่งศตวรรษในการทำงานกับผู้ติดเฮโรอีน สมาชิกแก๊งและผู้ให้บริการทางเพศ ผมจำได้ดีที่เธอพูดเมื่อหลายปีก่อน เธอเริ่มโดยพูดว่า ‘พระเจ้าต้องการให้เรามีจิตใจที่อ่อนโยนและฝ่าเท้าที่แข็งกระด้าง ปัญหาของเราหลายคนคือการที่มีจิตใจที่แข็งกระด้าง และกลับมีฝ่าเท้าที่อ่อนนุ่ม’ แจ็กกี้เป็นตัวอย่างที่เด่นชัดของเรื่องนี้ คือ การไปโดยไม่ได้นอน ไม่มีอาหาร และความสะดวกสบายใด ๆ เพื่อที่จะได้รับใช้ผู้อื่น พระเจ้าต้องการให้เรามีจิตใจที่อ่อนโยน เป็นหัวใจแห่งความรักและความเมตตา แต่ถ้าเราต้องการสร้างความแตกต่างให้กับโลก สิ่งนี้จะนำไปสู่ฝ่าเท้าที่แข็งกระด้าง ในขณะที่เราเดินทางบนเส้นทางที่ยากลำบากและเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ

สุภาษิต 17:5-14

ทำจิตใจให้อ่อนโยนต่อผู้อื่น

หากคุณมีจิตใจที่อ่อนโยนลงโดยพระเจ้า คุณก็จะแสดงความรักต่อผู้อื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป้าหมายของเราคือการใช้ชีวิตที่ ‘สร้างมิตรภาพ’ (ข้อ 9 ก)

1. รักคนยากจน
ท่าทีของคุณที่มีต่อคนยากจนสะท้อนถึงท่าทีของคุณที่มีต่อพระเจ้า ‘ผู้ที่เหยียดหยามคนยากจนก็ดูถูกพระผู้สร้างของเขา’ (ข้อ 5 ก) ในฐานะคนของพระเจ้า เราถูกเรียกให้ผูกมิตรและปรนนิบัติคนยากจน

2. รักครอบครัวของคุณ
ความคิดที่เป็นอุดมคติของพระเจ้าคือการให้คุณมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและเปี่ยมด้วยความรักระหว่างพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย และลูก ๆ ‘หลานเป็นมงกุฎของคนแก่และศักดิ์ศรีของบุตรชายคือบิดาของเขา’ (ข้อ 6)

3. รักเพื่อน ๆ ของคุณ
ความรักระหว่างเพื่อนสนิทนั้นมีคุณค่ามาก จงรักษามิตรภาพของคุณ อย่าโกรธเคืองเร็วหรือเก็บความขุ่นเคืองใจไว้นาน ‘มองข้ามความผิดและผูกพันกับมิตรภาพ แต่คนที่ยึดติดความผิดนั้นจะทำให้เพื่อนจากลา!’ (ข้อ 9 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

4. รักคนที่วิจารณ์คุณ
พระเยซูบอกให้เรา ‘รักศัตรูของท่าน’ (มัทธิว 5:44) ใจที่อ่อนโยนพร้อมรับคำวิจารณ์ ไม่ว่าจะมาจากเพื่อนหรือแม้แต่จาก ‘ศัตรู’ คำว่ากล่าว ‘เข้าไปในคนที่มีความเข้าใจลึกกว่าการเฆี่ยนคนโง่สักร้อยที’ (สุภาษิต 17:10)

ให้เราพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหลีกเลี่ยงการโต้เถียง ‘การเริ่มต้นวิวาทก็เหมือนปล่อยน้ำให้ไหล ฉะนั้นจงหยุดเสียก่อนเกิดการพิพาท’ (ข้อ 14)

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ให้รักได้เช่นนี้ โปรดช่วยให้ข้าพระองค์รักษาความสัมพันธ์ในครอบครัว กับเพื่อนฝูง และกับคนที่วิจารณ์ โปรดช่วยข้าพระองค์ให้รักคนยากจนและสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงในชีวิตของพวกเขา

โรม 2:17-3:8

ทำจิตใจให้อ่อนโยนต่อพระเจ้า

ไม่สำคัญว่าจะเกิดอะไรขึ้นภายนอก ถ้าเราไม่มี ‘จิตใจที่อ่อนโยน’ ตรงนี้อาจารย์เปาโลพิจารณาถึงความสำคัญของจิตใจ โดยอธิบายว่า เป็นสิ่งที่กำหนดเพื่อให้ชาวยิวซึ่งเป็นประชากรที่พระเจ้าเลือกสรรนั้นดำเนินในความสัมพันธ์กับพระเจ้า ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับธรรมบัญญัติ พวกเขารู้พระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า (2:17–18) พวกเขาถูกกำหนดให้เป็น ‘ผู้จูงคนตาบอด เป็นความสว่างให้แก่คนทั้งหลายที่อยู่ในความมืด เป็นผู้สอนคนโง่ เป็นครูสอนเด็ก’ (ข้อ 19–20)

การเข้าสุหนัตทางกายเป็นเครื่องหมายภายนอกและมองเห็นได้ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสะท้อนท่าทีภายในจิตใจซึ่งมองไม่เห็นเปาโลโต้แย้งว่าพวกเขา (เช่นเดียวกับพวกเราทุกคน) ต่างล้มเหลวในการรักษากฎเกณฑ์ของพระเจ้า (ข้อ 21–27)

จากนั้นเปาโลจึงมุ่งความสนใจไปยังสิ่งที่สำคัญจริง ๆ ‘ท่านกลายเป็นชาวยิวโดยสิ่งที่ท่านเป็น นี่เป็นเครื่องหมายของพระเจ้าในหัวใจของท่าน ไม่ใช่มีดบนผิวหนังของท่านที่ทำให้เป็นชาวยิว และการยอมรับมาจากพระเจ้า ไม่ใช่มาจากบทบัญญัติ’ (ข้อ 29 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

สิ่งที่สำคัญสำหรับพระเจ้า คือ จิตใจ ทุกคนที่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ในใจจะได้รับมรดกเช่นเดียวกับชาวยิวในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม นี่รวมถึงคริสเตียนแท้ทุกคนด้วย

นี่หมายความว่าสิ่งที่ชาวยิวเคยได้รับนั้นไม่มีคุณค่าใด ๆใช่หรือไม่? ไม่ใช่ ท่านชี้ให้เห็นว่าการเป็นชาวยิวมีประโยชน์อย่างมาก ตัวอย่างเช่น “ได้รับมอบให้รักษาพระดำรัสของพระเจ้า” (3:2) ช่างเป็นสิทธิพิเศษที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก! อย่างไรก็ตาม ตอนนี้คุณไม่เพียงแต่มีพระวจนะของพระเจ้าในพระคัมภีร์เท่านั้น คุณยังมีพระวจนะของพระเยซูและพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ทั้งหมดที่เหลือด้วย คุณได้เปรียบยิ่งกว่า

ต่อมาในพระธรรมโรม เปาโลอธิบายเรื่องนี้ให้ยาวขึ้น (โรม 9–11) ในขณะเดียวกัน ก็มีการกล่าวถึงอีกเรื่องในการที่จะจัดการกับข้อโต้แย้งที่ฝ่ายตรงข้ามมีเพื่อต่อต้านตน (3:3–8) ทั้งยังเน้นย้ำถึงความสัตย์ซื่อของพระเจ้าอีกครั้ง แม้ว่าเราจะไม่เชื่อ พระเจ้ายังคงสัตย์ซื่อต่อเรา มันจะเป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผลหากเราจะใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้โดยการทำความชั่ว ความสัตย์ซื่อของพระเจ้าจะหนุนใจเราให้สัตย์ซื่อต่อพระองค์

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดเติมเต็มหัวใจของข้าพระองค์ในวันนี้ด้วยพระวิญญาณของพระองค์ ด้วยความรักและความเมตตาต่อทุกคนที่ข้าพระองค์พบเจอ ขอบพระคุณที่พระองค์ประทานความไว้วางใจให้เราด้วยพระคำของพระองค์เอง โปรดช่วยข้าพระองค์ให้สัตย์ซื่อต่อพระองค์ในวันนี้

อาโมส 1:1-2:16

ให้เท้าของคุณแข็งกระด้างเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้และคนขัดสน

จิตใจที่อ่อนโยนต้องนำไปสู่เท้าที่แข็งกระด้าง โดยประชากรของพระเจ้าพร้อมที่จะกระทำการแทนกลุ่มคนยากจนและเปราะบาง เพื่อต่อสู้กับความอยุติธรรมและยืนหยัดเพื่อผู้ถูกกดขี่ข่มเหง

นี่เป็นช่วงเวลา (760–750 ปีก่อนคริสตกาล) แห่งความเจริญรุ่งเรืองอันยิ่งใหญ่สำหรับอิสราเอลและยูดาห์ แต่ความเจริญรุ่งเรืองทางวัตถุไม่ใช่เครื่องหมายแห่งพระพรของพระเจ้าเสมอไป ในเวลานี้มันส่งผลให้เกิดความเฉยชา การทุจริต การผิดศีลธรรม และความอยุติธรรมอย่างร้ายแรง

อาโมสเป็นผู้เผยพระวจนะ แต่เขาไม่ใช่ปุโรหิตหรือผู้รับใช้ที่ได้รับแต่งตั้ง เขาอยู่ในที่ซึ่งตนเองทำงาน นั่นคือ การเป็นผู้เลี้ยงแกะ ซึ่งดูไม่น่าประทับใจ เขาไม่มีเงินทอง อำนาจ และตำแหน่ง แต่เป็นผู้ปกป้องคนจนที่ถูกกดขี่ข่มเหงและเป็นผู้ฟ้องผิดพวกคนร่ำรวยที่มีอภิสิทธิ์ซึ่งใช้พระนามของพระเจ้าเพื่อทำให้ความอยุติธรรมและการกดขี่นั้นถูกต้องตามกฎหมาย

เช่นเดียวกับอัครสาวกเปาโล อาโมสประกาศการพิพากษาของพระเจ้าทั้งแก่ผู้ที่ไม่เชื่อและผู้เชื่อ

เขากล่าวเริ่มต้นถึงผู้ไม่เชื่อที่ ‘ทำบาปนอกเหนือจากธรรมบัญญัติ’ เพื่อนบ้านของอิสราเอลได้ทำบาปร้ายแรง พวกเขาถูกประณามเนื่องจากความโหดร้ายอันรุนแรงและการทรมานที่น่าสยดสยอง (1:3) สำหรับการเป็นทาสและการค้าทาส (ข้อ 6) สำหรับการ ‘สลัดความสงสารทิ้งเสียสิ้น’ (ข้อ 11) สำหรับการผ่าท้องหญิงมีครรภ์ (ข้อ 13) และ สำหรับการดูหมิ่นคนตาย (2:1) อาโมสพูดถึงพระพิโรธของพระเจ้าต่อความบาปที่เลวร้าย (1:3, 6, 9, 11, 13)

อาโมสและเปาโล (โรม 1:18–20) ต่างก็โต้แย้งในเรื่อง ‘กฎทางธรรมชาติ’ แม้สิ่งเหล่านี้จะไม่มีกฎเกณฑ์เป็นลายลักษณ์อักษรของพระเจ้า แต่ก็มี ‘กฎทางธรรมชาติ’ ซึ่ง ‘จารึกอยู่ในจิตใจของเขา’ (2:15) พวกเขารู้ว่าบางสิ่งผิดปกติ นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อผู้นำนาซีถูกประณามในการพิจารณาคดีที่นูเรมเบิร์กหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

อาโมสเช่นเดียวกับเปาโล (2:12) ได้กล่าวต่อไปว่าประชากรของพระเจ้าที่มีกฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษรจะถูกตัดสินด้วยมาตรฐานที่เข้มงวดยิ่งขึ้นไปอีก อาโมสเปลี่ยนจากการพิพากษาของคนต่างชาติเป็นการพิพากษาของยูดาห์และอิสราเอลเพราะ ‘พวกเขาปฏิเสธการเปิดเผยของพระเจ้า ปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่งของเรา’ (อาโมส 2:4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) แม้ว่าพระเจ้าได้กระทำการแทนพวกเขา ‘เราอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ’ (ข้อ 9, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขากลับล้มเหลวที่จะรักษากฎเกณฑ์ของพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเด็นที่มีความสำคัญต่อพระเจ้า นั่นคือท่าทีของพวกเขาที่มีต่อคนยากจนและขัดสน หัวใจของพวกเขานั้นแข็งกระด้าง ‘ชีวิตของคนสำหรับพวกเขาเป็นเพียงแค่สิ่งของเท่านั้น เป็นสิ่งที่จะทำเงินให้พวกเขา พวกเขาจะขายคนจนเพื่อซื้อรองเท้าคู่เดียว พวกเขาจะขายยายของตัวเอง! พวกเขาขยี้คนไร้เงินให้เป็นผงดิน ผลักคนโชคร้ายลงไปในคูน้ำ’ ( ข้อ 6ค–7ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขายังมีความผิดในการค้าทาสและความบาปทางเพศ (ข้อ 7ค)

ขณะที่ทั้งหมดนี้กำลังดำเนินอยู่ ‘สิ่งที่พวกเขาเคยรีดไถจากคนจนก็กองอยู่ที่ศาลของพระเจ้าของพวกเขา ในขณะที่พวกเขานั่งดื่มไวน์ที่พวกเขาได้หลอกล่อจากเหยื่อของพวกเขา’ (ข้อ 8, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ความบาปของประชากรของพระเจ้าไม่ได้น่ากลัวเท่ากับบาปของที่ไม่เชื่อ แต่การตัดสินลงโทษพวกเขานั้นก็รุนแรงเช่นกัน (ข้อ 13,16) เพราะพระเจ้าได้อวยพรพวกเขาอย่างมากมาย (ข้อ 10–11) เราไม่ควรแสดงความยินดีกับตัวเองว่าบาปของเราน้อยกว่าคนอื่น ความบาปของเราอาจไม่ชัดเจนนัก แต่อาจยิ่งใหญ่ในสายพระเนตรของพระเจ้า ขอบคุณพระเจ้าสำหรับการให้อภัยและพระคุณที่เราได้รับผ่านทางพระเยซู

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดประทานหัวใจที่อ่อนโยนแห่งความเมตตาและความรักต่อปัญหาความยากจนและความอยุติธรรมในโลกของเรา และเท้าที่แข็งกระด้างและความกล้าหาญที่จะออกไปทำบางสิ่งให้ดีขึ้น

Pippa Adds

สุภาษิต 17:6

‘พ่อแม่คือความภาคภูมิใจของลูก’ เราหวังให้เป็นเช่นนั้น!

สุภาษิต 17:14 ‘การเริ่มต้นวิวาทก็เหมือนปล่อยน้ำให้ไหลฉะนั้นจงหยุดเสียก่อนเกิดการพิพาท’

เป็นสิ่งทดลองใจเมื่อมีการทะเลาะกันเพื่อให้มีคำพูดสุดท้าย ความขัดแย้งสามารถบานปลายได้ง่ายดาย สุภาษิตนี้กล่าวว่า ทิ้งเรื่องนั้นไว้ ปล่อยมันไป และเดินหน้าต่อไป

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

O tomto plánu

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!

More