พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลПримерок

จดจ่อที่พระเยซู
ถ้าถามคนอังกฤษว่าใครคือผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในอังกฤษเท่าที่เคยมีมา คำตอบอันดับต้น ๆ คงเป็น วินสตัน เชอร์ชิล ถ้าไปถามชาวอเมริกันว่าใครคือผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในอเมริกา คำตอบอาจเป็น จอร์จ วอชิงตัน หรือไม่ก็อับราฮัม ลินคอล์น ถ้าไปถามชาวยิวในช่วงเริ่มต้นคริสตศักราช ว่าใครคือชาวยิวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในช่วงเวลานั้น หลายคนคงให้คำตอบอย่างไม่น่าสงสัยเลยว่าคือ ‘โมเสส’ โมเสสคือบุคคลที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ เขาช่วยชาวยิวจากการเป็นทาสและมอบบัญญัติสิบประการให้ ผู้เขียนพระธรรมฮีบรูบรรยายถึงคริสเตียนชาวยิวว่าพระเยซูยิ่งใหญ่กว่าโมเสสอย่างไร ข้อโต้แย้งของผู้เขียนคือ ถึงแม้โมเสสจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่แต่พระเยซูนั้นเหนือกว่า พระเยซูเป็นเหมือน ‘แก่นของทุกสิ่งที่เราเชื่อ’ (ฮีบรู 3:1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘แต่ถึงกระนั้นพระเยซูก็ทรงสมควรได้รับพระเกียรติมากกว่าโมเสส เช่นเดียวกับผู้สร้างบ้านย่อมมีเกียรติกว่าตัวบ้าน’ (ข้อ 3) ‘โมเสสนั้นซื่อสัตย์’ (ข้อ 5) ‘แต่พระคริสต์นั้นทรงซื่อสัตย์ในฐานะพระบุตร ผู้อยู่เหนือชุมชนของพระเจ้า’ (ข้อ 6) หัวข้อของวันนี้คือความทุกข์ยากและความตรอมตรม ช่วงเวลาแห่งการทดสอบ การทดลองและความยากลำบาก อย่างไรก็ดี คุณจะเห็นข้อพระคัมภีร์เดียวกันนี้ที่ความลับในการจัดการกับสิ่งเหล่านี้คือ ‘*จงพิจาณาดู*พระเยซู’ (ข้อ 1)สดุดี 119:137-144
ความทุกข์ยากและความตรอมตรม
ถึงจุดหนึ่งในชีวิตจะมีบางอย่างเป็นสาเหตุทำให้เรามีความทุกข์ยากและความตรอมตรม อาจจะเป็นบางสิ่งที่คุณกำลังจะเผชิญ เป็นเรื่องคนในครอบครัว เพื่อนสนิท เรื่องงานหรือการรับใช้
ผมจำได้ว่าศิษยาภิบาลชาวอเมริกัน ริค วอเรน เคยเล่าว่าเขาเคยคิดว่าชีวิตเป็นช่วงเวลาแห่งการต่อสู่ ตามมาด้วยการอวยพร ตอนนี้เขาคิดว่าชีวิตตั้งอยู่บนสองทาง นั่นคือการอวยพรและการต่อสู้ โดยทั้งสองทางนี้ต่างเกิดขึ้นพร้อมกัน
ผู้เขียนพระธรรมสดุดีเผชิญช่วงเวลาแห่งสงคราม ‘ความทุกข์ยากและความตรอมตรมได้มาสู่ข้าพระองค์’ (ข้อ 143ก)
เราจะตอบสนองอย่างไร? คำตอบของผู้เขียนพระธรรมสดุดี คือให้ไว้วางใจพระยาห์เวห์ ดาวิดยังคงวางใจในพระบัญญัติของพระเจ้าที่ ‘สัตย์จริงทั้งสิ้น’ (ข้อ 138) ‘ผู้รับใช้ของพระองค์รักพระดำรัสนั้น... พระบัญญัติของพระองค์เป็นความปีติยินดีของข้าพระองค์’ (ข้อ 140, 143)
ดาวิดจดจ่อที่พระยาเวห์ ‘พระองค์ชอบธรรม’ (ข้อ 137ก) การเปิดเผยที่ยิ่งใหญ่ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่คือ ‘พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า’ (โรม 10:9) พระองค์คือผู้เดียวที่คุณต้องจดจ่อ
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่ในช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากและตรอมตรม ข้าพระองค์สามารถจดจ่อความคิดของข้าพระองค์ที่พระองค์ และวางใจในพระสัญญาของพระองค์
ฮีบรู 3:1-19
ช่วงเวลาแห่งการทดสอบ
ความเชื่อที่ไม่มีการทดสอบก็ไม่สามารถวางใจได้ ไม่ช้าก็เร็ว เราทุกคนต้องผ่านการทดสอบ ในช่วงเวลานี้ความท้าทายคือการที่ยังคงมีความเชื่อในพระเจ้า คือไม่ให้ใจแข็งกระด้างแต่ให้ใจอ่อนสุภาพต่อพระเจ้า วางใจพระเจ้าทั้งที่เผชิญความยากลำบากและมีความท้าทายทางความเชื่อของเรา
ระหว่างช่วงเวลาของการทดสอบ ทุก ๆ ครั้งที่คุณรู้สึกว่ากระทำสิ่งที่ผิดพลาดแต่ก็เลือกทำมันให้ถูกต้อง ก็ถือว่าคุณจำเริญขึ้นในฝ่ายวิญญาณ สติปัญญา อุปนิสัยและความซื่อสัตย์
‘โมเสสซื่อสัตย์’ (ข้อ 2) แต่พระเยซูคือตัวอย่างในเรื่องความซื่อสัตย์ พระองค์ผ่านการฝึกฝนมาหลายต่อหลายปีและผ่านช่วงเวลาแห่งการทดลองอันใหญ่ยิ่ง กระนั้น ท่านก็ 'สัตย์ซื่อในทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงมอบหมายให้ท่านทำ' (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
จดหมายฝากนี้เขียนถึงคริสตชนที่กำลังเผชิญช่วงเวลาการทดสอบและการข่มเหง เพื่อหนุนใจให้ยึดมั่น ‘ความมั่นใจ’ และ ‘ความหวัง’ (ข้อ 6) ดั่งที่เราได้รับการหนุนใจมาจากพระองค์: ‘จงพิจารณาดูพระเยซู’ (ข้อ 1)
ในบทความตอนนี้ ผู้เขียนอ้างอิงพระธรรมสดุดี 95:7–11 (ฮีบรู 3:7–11) สิ่งที่น่าสนใจคือผู้เขียนไม่ได้เขียนว่า ‘พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ตรัสไปแล้ว’ แต่เขียนว่า ‘พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสว่า’ (ข้อ 7) ผู้เขียนเชื่อว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ยังคงตรัสผ่านพระวจนะ ณ ปัจจุบันกับผู้อ่าน เมื่อคุณอ่านพระคัมภีร์ จงคาดหวังว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะตรัสกับคุณวันนี้
ถึงแม้ว่าช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่คือการได้รับการปลดปล่อยออกจากอียิปต์ ประชากรของพระเจ้าก็ทำบาปในช่วงเวลาของการทดสอบที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร (ข้อ 17) นี่เป็นดั่งคำเตือนที่มาถึงพวกเรา ‘นี่แน่ะ พี่น้องทั้งหลาย จงระวังให้ดี เพื่อจะไม่มีคนหนึ่งคนใดในพวกท่านมีใจชั่วและไม่เชื่อ คือใจที่พาท่านหลงไปจากพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ แต่จงหนุนใจกันและกันทุกวัน....เพื่อจะไม่มีใครในพวกท่านมีใจดื้อรั้นไป เพราะการล่อลวงของบาป’ (ข้อ 12–13)
สิ่งหนึ่งที่จะช่วยเยียวยาความไม่เชื่อที่ผู้เขียนเน้นย้ำในพระธรรมตอนนี้ คือ การเป็นชุมชนของพระเจ้าและเขายังกล่าวว่าให้พวกเขา ‘หนุนใจกันและกันทุกวัน’ (ข้อ 13) นี่คือเหตุผลที่สำคัญของการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนคริสเตียน คือต้องใช้เวลาร่วมกันกับคริสเตียนคนอื่น ๆ หนุนใจกันและเสริมสร้างความเชื่อซึ่งกันและกัน
‘การล่อลวงของบาป’ คำนี้น่าสนใจที่ว่า บาปคือตัวล่อลวง ไม่เช่นนั้นเราคงไม่ทำบาป ปกติบาปจะมาพร้อมกับป้ายที่ติดคำล่อลวงว่า ‘นี่จริง ๆ แล้วไม่บาปนะและมันไม่เป็นไรหรอก’ แต่เมื่อเราเข้าไปสู่การทำบาป นิสัยบาปจะก่อตัวขึ้น มโนธรรมของเราจะอ่อนลงและจิตใจของเราก็แข็งกระด้างขึ้น
หัวใจของบาปคือความไม่เชื่อ ตั้งแต่สวนเอเดนการล่อลวงของบาปเป็นเหตุให้เราสงสัยความดีงามของพระเจ้า สงสัยความรักที่พระองค์มีต่อเราและสงสัยในพระวจนะที่ว่า ‘จริงหรือที่พระเจ้าตรัสว่า?’ (ปฐมกาล 3:1) ‘เจ้าจะไม่ตายหรอก’ (3:4) คุณจะกลืนคำโกหกเกี่ยวกับเรื่องของพระเจ้าก่อนที่คุณจะกลืนผลไม้ต้องห้ามเสมอ ปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่ ถ้าเราเชื่อว่าพระเจ้ารักเรา เชื่อในความดีของพระองค์ เชื่อในพระวจนะ เราจะไม่ล้มต่อการล่อลวงของบาป
เพราะคนของพระเจ้ายังคงชอบบ่นอยู่ จึงไม่สามารถเข้าสู่การพักสงบในพระองค์ได้ ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ เขาไม่เชื่อในการจัดเตรียมของพระองค์ และเพราะพวกเขา ‘ไม่เชื่อ’ (ฮีบรู 3:12) พวกเขาจึงไม่ได้พักสงบในพระเจ้า ‘เพราะเขาขาดความเชื่อ’ (ข้อ 19) เมื่อเราไม่วางใจพระเจ้าเราได้สูญเสียสันติสุขไป ให้เรามีสันติสุขโดยการที่จดจ่อไปที่พระเยซู วางใจพระองค์ และฟังพระองค์ ขณะที่พระองค์ตรัสกับคุณผ่านพระวจนะ
ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์วันนี้ให้จดจ่อที่พระเยซู ช่วยให้ข้าพระองค์ไม่อยู่ในความกลัวแต่ให้วางใจ และมีสันติสุข
โยเอล 1:1-2:17
เมื่อเผชิญกับหายนะ
ยูจีน ปีเตอร์สัน เขียนไว้ว่า ‘เมื่อเผชิญกับหายนะ การจะเข้าใจในองค์พระเจ้าก็เป็นเรื่องที่เสี่ยงอยู่’ จะมีช่วงเวลาที่เราจะพบกับความเจ็บป่วยหรือการตายที่ไม่ได้คาดคิดของคนที่เรารัก ภัยพิบัติในระดับชาติ ความเปลี่ยนแปลงของสังคมที่มีผลจากเทคโนโลยี เสียทรัพย์สินส่วนตัว ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ หรือความเสียหายจากภัยธรรมชาติ ซึ่งในปัจจุบันนี้โลกกำลังเผชิญกับโคโรนาไวรัสหรือโควิด-19 ปีเตอร์สัน บอกอีกว่า ‘เป็นงานของผู้เผยพระวจนะที่จะยืนขึ้นในช่วงเวลาที่เกิดหายนะและประกาศให้ชัดเจนเลยว่าพระเจ้าทรงเป็นใครและพระองค์ทรงกระทำกิจอย่างไร’
โยเอลผู้เผยพระวจนะอธิบายช่วงเวลาเมื่อเกิดกับหายนะ คือช่วงเวลาแห่งความพินาศที่เกิดขึ้นจากฝูงตั๊กแตน นี่อาจจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงหรืออาจเป็นนิมิต มีฝูงตั๊กแตนมากัดกินพืชผลในเยรูซาเล็มในปี 915 ก่อนคริสตกาล ความเสียหายนั้นใหญ่หลวงมาก
ฝูงตั๊กแตน (ตอนนั้นไม่มียาฆ่าแมลง) บินอย่างมุ่งมั่น ไม่มีใครหยุดยั้งหรือสามารถทำอะไรฝูงตั๊กแตนได้ มันทำลายสวนองุ่น ทำลายสวนผลไม้ ทำให้พืชผลทั้งหมดเสียหาย ฝูงปศุสัตว์ก็ไม่มีอะไรจะกิน ตั๊กแตนเป็นเหมือนพายุทอร์นาโดที่เคลื่อนผ่านแผ่นดิน
‘นี่มันวันอะไรเนี่ย! วันโลกาวินาศหรอ! วันที่พิพากษาของพระเจ้ามาถึงแล้ว’ (1:15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ภาพของฝูงตั๊กแตนถูกนำมาจากหนังสือพระธรรมวิวรณ์และใช้บรรยายถึงความยากลำบากของวันพิพากษาครั้งสุดท้าย (วิวรณ์ 9:7–11)
พระเยซูเองใช้ข้อความจากพระธรรมโยเอลบทที่ 2 ‘ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ก็มืดไป ดวงดาวทั้งหลายก็อับแสง’ (โยเอล 2:10; ดูร่วมกับ มัทธิว 24:29) เป็นการบรรยายถึงการพิพากษาที่จะมาถึง
เราจะตอบสนองอย่างไร? ไม่มีใครพอใจกับการยกโทษที่ไม่เต็มใจ พระเจ้าก็เช่นกัน พระองค์ปรารถนาการกลับใจที่แท้จริง:
‘ยังไม่สายเกินไป
|นี่คือถ้อยคำของพระเจ้า!
“กลับมาหาเราและเราหมายความตามที่พูดนั้น!
|จงอดอาหารและร้องไห้ เสียใจในบาปของเจ้า!”
จงเปลี่ยนแปลงชีวิต ไม่ใช่เปลี่ยนแค่เสื้อผ้า
|กลับมาหาพระเจ้า ผู้เป็นพระเจ้าของเจ้า
และเพราะว่า พระเจ้ามีพระกรุณาและมีพระเมตตา
|พระองค์ยั้งพระทัยและอดกลั้นอย่างยิ่ง
พระเจ้าทรงอดกลั้นพระทัยมากยิ่ง และความรักของพระองค์มีมากมาย’ (โยเอล 2:12–13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ในท่ามกลางการทำนายวันพิพากษาเหล่านี้ ยังมีความหวัง เมื่อเรากลับไปหาพระเจ้าและแสวงหาการอภัยบาป คุณไม่ต้องกลัววันพิพากษาครั้งสุดท้าย โยเอลใช้ภาพการเป่าแตรเพื่อประกาศวันพิพากษานี้ (ข้อ 1)
ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ เปาโลใช้ภาพเดียวกันนี้ บรรยายถึงพระเยซูทรงมีชัยเหนือความตายและทำให้ได้รับการยกโทษบาปและความรอด ‘ในชั่วขณะเดียว ในพริบตาเดียว เมื่อเป่าแตรครั้งสุดท้าย เพราะว่าจะมีการเป่าแตร และพวกที่ตายแล้วจะถูกทำให้เป็นขึ้นโดยปราศจากความเสื่อมสลาย แล้วเราจะถูกเปลี่ยนใหม่...ความตายก็ถูกกลืนเข้าในชัยชนะแล้ว...สาธุการแด่พระเจ้า ผู้ประทานชัยชนะแก่เรา โดยพระเยซูคริส์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา’ (1 โครินธ์ 15:52–57)
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่ทรงมีพระคุณและพระกรุณา ทรงมีพระเมตตา โปรดช่วยข้าพระองค์ ขณะที่ข้าพระองค์รอคอยพระองค์ด้วยความมั่นใจในการเสด็จกลับมาและให้จดจ่อที่องค์พระเยซู
Pippa Adds
ฮีบรู 3:1
‘...จงพิจาณาดูพระเยซู...’
การพิจารณาของฉันบางครั้งเหมือนการเลี้ยงแมว ความคิดของฉันมักอยู่ไม่สุข การพิจารณานั้นจำเป็นต้องตั้งใจวาง ‘รายการที่ต้องทำและรับฟัง ‘เสียงที่แผ่วเบา’ ของพระเจ้า
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)Свето Писмо
Опис за овој план

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Слични Планови

божиќ о, дојдете да го прославиме!

Живеј живот со цел!

Отстапи го на Бога првото место

доверба - да веруваш на тоа што бог го кажува во неговото слово и да живееш во согласност со тоа божјо слово

Живеј со сила и храброст!

Пет молитви на понизност

Што е вистинска љубов?

Библија за деца

Твојата најдобра инвестиција!
