พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลПримерок

พระเยซูคอยช่วยกู้เราเสมอ
ผมกับพิพพาได้พบกับ อา หยิ่น เมื่อเราไปเยี่ยม แจ็กกี้ พูลลินเจอร์ ในฮ่องกง เขากลายเป็นคนติดยาเมื่อตอนเป็นวัยรุ่น พ่อของเขาก็เป็นคนติดยา เขาถูกเลี้ยงดูมาในเมืองกำแพงเกาลูน (Kawloon Walled City) เขาได้เข้าร่วมแก๊งค์เมื่ออายุสิบเอ็ดปี พวกเขาทั้งกิน ลักขโมย ต่อสู้ และเสพเฮโรอีนในคราวเดียวกัน ตอนอายุสิบสี่ เขาถูกจับได้ว่าลักทรัพย์ และถูกคุมขังครั้งแรก หลายปีที่ผ่านมาเขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อเลิกยาแต่ก็ไม่สำเร็จ จากนั้นเขาก็ได้พบกับแจ็กกี้และด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเยซู เขาก็สามารถเลิกเสพยาได้โดยไม่เจ็บปวดเลย ตั้งแต่นั้นมาเขาก็กลายเป็นหนึ่งในผู้นำพันธกิจของแจ็กกี้ในฮ่องกง เขาได้สอนคนมากมายให้อธิษฐานเผื่อคนป่วย และทำพันธกิจกับคนยากจน เขาเป็นอีกหนึ่งแบบอย่างของผู้คนนับล้านที่พระเยซูทรงปลดปล่อยจากการเสพติด และหลุดจากการเป็นทาส อาหยิ่น ใช้เวลาที่เหลือของชีวิตในการเป็นพยานถึงพระผู้ช่วยให้รอดที่คอยปลดปล่อยเราอยู่เสมอสดุดี 56:1-13
วางใจให้พระเจ้าช่วยกู้คุณ
ความกลัวสามารถเข้ามาครอบครองเราได้ ดาวิดเกรงกลัวต่อชีวิตของเขา (ข้อ 6) และเขาค้นพบว่าคำตอบของความกลัวคือการวางใจในพระเจ้า (ข้อ 6,11)
ดาวิดถูกจับโดยชาวฟิลิสเตียในเมืองกัท (1 ซามูเอล 21) มันคงเป็นประสบการณ์ที่แย่มาก เขาโดน ‘เหยียบย่ำ’ ‘กดขี่ทุกวัน’ และถูกทุบตี (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ทว่าท่ามกลางสิ่งทั้งหมดนี้เขาวางใจในพระเจ้า ‘เมื่อข้าพระองค์หวาดกลัว ข้าพระองค์ก็วางใจในพระองค์ ข้าพระองค์ภูมิใจที่จะสรรเสริญพระเจ้า ข้าพระองค์ไม่กลัว ข้าพเจ้าวางใจในพระเจ้า’ (ข้อ 3–4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
มีหลายครั้งในชีวิตที่เราถูกโจมตีอย่างหนัก อาจเป็นการโจมตีทางฝ่ายวิญญาณหรือการโจมตีจากผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน จากเพื่อนบ้าน หรือจากที่ไกลออกไป
ไม่ว่าสาเหตุของความกลัวจะเป็นเช่นไร จงวางใจในพระเจ้า เช่นเดียวกับดาวิดที่กล่าวว่า ‘ในพระเจ้า ข้าพเจ้าเชื่อและวางใจในพระองค์ ข้าพระองค์จะไม่กลัว’ (ข้อ11ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)
พระธรรมสดุดีนี้จบลงด้วยเรื่องราวแห่งชัยชนะและการช่วยกู้ (‘พระองค์ทรงช่วยกู้ชีวิตข้าพระองค์จากมัจจุราช’ ข้อ 13) ดาวิดขอบคุณพระเจ้าที่ปลดปล่อยเขาให้เป็นอิสระ ‘พระเจ้า พระองค์ทรงทำทุกอย่างที่สัญญาไว้ และข้าพระองค์ขอบพระคุณอย่างสุดใจ ทรงดึงข้าพระองค์ออกจากเหวแห่งความตาย บัดนี้ข้าพระองค์พักสงบกับพระองค์ในท้องทุ่งความสว่างแห่งชีวิต’ (ข้อ 13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่หลายครั้งในชีวิตที่ข้าพระองค์กลัวและทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์ พระองค์ได้ทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอด วันนี้ข้าพระองค์ทูลร้องต่อพระองค์เพื่อการช่วยกู้ และวางใจพระองค์ในการปลดปล่อยข้าพระองค์
ยอห์น 4:27-42
เป็นพยานเกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอด
คริสเตียนทุกคนมีคำพยาน วิธีที่ทรงพลังที่สุดในการประกาศข่าวดีเรื่องพระเยซูคริสต์ คือการบอกเล่าเรื่องราวของคุณให้คนอื่นฟัง หากพวกเขาสนใจ คุณสามารถพูดเช่นเดียวกับผู้หญิงในเหตุการณ์นี้ว่า ‘มาดู...’ (ข้อ 29 ก)
ประชากรทั้งเมืองได้ข้อสรุปว่าพระเยซู ‘เป็นพระผู้ช่วยโลกให้รอดที่แท้จริง' (ข้อ 42) หญิงชาวสะมาเรียเปลี่ยนแปลงไปเมื่อได้พบกับพระเยซู เธอเริ่มเป็นพยานเกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอดของเธอทันที เมื่อเธอกลับไปที่หมู่บ้านและประกาศกับผู้คนว่า ‘มาดู ชายคนหนึ่งที่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันทำ รู้จักฉันทั้งภายในและภายนอก ท่านคิดว่านี่อาจเป็นพระเมสสิยาห์หรือไม่?’ (ข้อ 29, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
มีฤทธิ์อำนาจมหาศาลในคำพยานนั้น หญิงคนนี้ไม่เคยเรียนรู้ด้านศาสนศาสตร์หรือมีความเข้าใจในหลักคำสอนของคริสเตียน เธอไม่ได้มั่นใจในตัวพระเยซูเลยแม้แต่น้อย เธอไม่ได้พูดด้วยความมั่นใจว่า ‘พระเยซูคือพระคริสต์’ ตรงกันข้าม เธอมาถึงจุดที่พูดว่า ‘ท่านผู้นี้จะเป็นพระคริสต์ได้ไหม?’ (ข้อ 29ข) ถึงกระนั้นเธอก็ถูกใช้อย่างทรงพลังโดยพระเจ้าในการประกาศข่าวประเสริฐ
ในแง่นี้ เธอเป็นเหมือนดั่งคำพยานมากมายที่เราได้ยินจากหลักสูตรอัลฟ่า หลายคนไม่มั่นใจในสิ่งที่พวกเขาค้นพบ แต่พวกเขาสามารถกล่าวคำพยานได้อย่างทรงพลังเมื่อจบอัลฟ่า และมักจะพาเพื่อน ๆ เข้าร่วมหลักสูตรครั้งต่อไปด้วย
สิ่งที่พวกเขารับรู้ได้ก็คือพระเยซูได้ทรงสำแดงพระองค์เองแก่พวกเขาในทางใดทางหนึ่ง พวกเขาได้เผชิญกับ ‘การช่วยกู้’ บางอย่างในชีวิตที่ว่างเปล่าออกไป และบอกกับเพื่อน ๆ ของพวกเขาว่า ‘มาดู…’ (ข้อ 29ก)
‘ชาวสะมาเรียจำนวนมากที่มาจากเมืองนั้นก็วางใจในพระองค์ เพราะคำพยานของหญิงคนนั้น’ (ข้อ 39) พระเยซูได้เปลี่ยนชีวิตของเธอ น้ำแห่งชีวิตเทมาเหนือเธอตามที่พระเยซูทรงสัญญาไว้ ผู้คนต่างอัศจรรย์ใจและประหลาดใจในการเปลี่ยนแปลงของเธอ พวกเขามาและเห็น และ ‘จำนวนคนที่วางใจใน(พระเยซู)ก็เพิ่มขึ้นเพราะพระดำรัสของพระองค์’ (ข้อ 41)
พวกเขาพูดกับหญิงคนนั้นว่า ‘ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ที่เราเชื่อนั้นไม่ใช่เพราะคำพูดของเจ้า แต่เพราะเราได้ยินเอง และเรารู้ว่าท่านผู้นี้เป็นพระผู้ช่วยโลกให้รอดที่แท้จริง’ (ข้อ 42) คำสอนของพระเยซูและคำพยานเกี่ยวกับพระเยซู ทั้งสองชี้ให้เห็นถึงอัตลักษณ์ของพระองค์ในฐานะพระผู้ช่วยให้รอดของโลก
พระองค์ตรัสว่า ‘อาหารของเราคือการทำตามพระประสงค์ของผู้ที่ทรงใช้เรามาและทำให้งานของพระองค์สำเร็จ’ (ข้อ 34) พระเยซูแสดงให้เห็นตัวอย่างในพันธกิจของพระองค์ว่าความหิวกระหายฝ่ายวิญญาณ และชีวิตที่ว่างเปล่าและขาดซึ่งวัตถุประสงค์ สามารถฟื้นฟูได้โดยการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าเท่านั้น ไม่มีอะไรจะน่าพอใจไปกว่าการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า คือการได้อยู่ในที่ที่พระองค์ทรงนำให้คุณอยู่และทำในสิ่งที่พระองค์ทรงนำให้คุณทำ
พระเยซูตรัสว่า ‘เราบอกพวกท่านว่า เงยหน้าขึ้นดูนาเถิด ทุ่งนาเหลืองอร่ามและถึงเวลาเกี่ยวแล้ว’ (ข้อ35) สิ่งนี้สำเร็จได้โดยการเสด็จมาของพระเยซู เหล่าสาวกต่างเห็นว่าถึงเวลาแล้วเพราะคนจากทุกหนทุกแห่งจำเป็นต้องรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซู
พระเยซูตรัสว่า ‘เราใช้พวกท่านไปเกี่ยวสิ่งที่ท่านไม่ได้ตรากตรำ แต่คนอื่นตรากตรำและพวกท่านเข้าร่วมในการตรากตรำของเขา’ (ข้อ 38) แน่นอน พระธรรมตอนนี้ใช้ได้กับการเสด็จมาของพระเยซู อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ก็เป็นจริงแล้วในรูปแบบที่ต่างออกไปในหลาย ๆ ด้าน
ตัวอย่างเช่น ผมรู้สึกว่าตอนนี้ผมกำลังเก็บเกี่ยวพืชผลจากสิ่งที่คนอื่นหว่านลงไปในฐานะคริสตจักรท้องถิ่นและกับอัลฟ่าด้วย หลายปีที่ผ่านมาผู้คนได้อธิษฐานขอการเทพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ลงมาที่คริสตจักรโฮลี่ ทรินิตี้ บรอมพ์ตัน หลายคนทำงานหนักในการพัฒนาหลักสูตรอัลฟ่า และเรากำลังเก็บเกี่ยวสิ่งที่คนอื่นหว่านอยู่ ตอนนี้เราต้องหว่านเพื่อให้คนอื่นเก็บเกี่ยวด้วยเช่นกัน
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ร้องทูลขอพระองค์ใช้คำพยานของข้าพระองค์ เพื่อคนอื่น ๆ อีกหลายคนจะเชื่อในพระองค์
ผู้วินิจฉัย 2:6-3:31
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับผู้นำที่นำการช่วยกู้มาให้
คุณเคยพบว่าความเชื่อของคุณถูกทดสอบหรือไม่? ไม่ว่าจะเป็นไวรัสโคโรนา ความท้าทายในที่ทำงาน ความสัมพันธ์ที่ยากลำบาก สิ่งล่อใจ ปัญหาสุขภาพ ทั้งหมดนี้คือบททดสอบ บรรดาคนของพระเจ้ามักถูกทดสอบ (2:22; 3:1,4) สิ่งที่สำคัญคือคุณตอบสนองอย่างไรในช่วงเวลาของการทดสอบนี้
เราจะเห็นได้ในเนื้อหาตอนนี้ถึงรูปแบบที่เกิดซ้ำ ๆ ตลอดหนังสือผู้วินิจฉัย:
1. ไม่เชื่อฟัง
‘คนอีกรุ่นหนึ่งก็เกิดตามมา พวกเขาไม่รู้จักพระยาห์เวห์อีกทั้งไม่รู้เรื่องพระราชกิจที่ทรงทำเพื่ออิสราเอล... พวกเขาละทิ้งพระยาห์เวห์... พวกเขาไปติดตามพระอื่นซึ่งเป็นพระของชนชาติทั้งหลายที่อยู่ล้อมรอบ’ (2:10,12)
2. หายนะ
การตอบสนองของพระเจ้าคือปล่อยให้ภัยพิบัติเกิดขึ้นเพื่อพวกเขาจะได้หันกลับมาหาพระองค์ ‘พระองค์จึงทรงมอบพวกเขาไว้ในมือพวกโจรผู้ปล้นเขา’ (ข้อ14)
3. ความทุกข์
ไม่แปลกใจสิ่งนี้เองทำให้ผู้คน ‘เป็นทุกข์’ (ข้อ 15)
4. การช่วยกู้
เมื่อพวกเขามีปัญหา พวกเขาร้องทูลต่อพระเจ้า และพระองค์ทรงให้เกิดผู้วินิจฉัยขึ้น ‘ผู้ช่วยเขาทั้งหลาย’ (ข้อ 16) ในภาษาฮีบรูความหมายของคำว่า ‘ผู้วินิจฉัย’ (shophet) นั้นกว้างมาก นอกจากนี้ยังอาจหมายถึง ‘ผู้ช่วยกู้’ หรือใครก็ตามที่นำความยุติธรรมหรือทำทุกอย่างให้ถูกต้อง
บุคคลคนแรก ๆ ของ ‘ผู้วินิจฉัย’ คือโอทนีเอล ‘พระวิญญาณของพระยาห์เวห์สถิตกับโอทนีเอล’ (3:10) โอทนีเอลได้รับการเจิมโดยพระวิญญาณของพระเจ้า และการเจิมนี้เองที่ทำให้พระองค์ช่วยกู้ผู้คนให้รอดและสร้างสงบสุขได้สี่สิบปี (ข้อ 11)
เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผู้คนได้หลงหายจากความเชื่อและเกิดหายนะ (ข้อ 12–14) และได้ร้องทูลพระเจ้าให้ทรงช่วยกู้พวกเขา (ข้อ 15)
พระเจ้าได้ช่วยกู้ผู้คนด้วยวิธีที่น่าทึ่ง แต่อาจจะไม่ถูกใจเรานัก (ข้อ 21) เอฮูดคงเป็นคนที่กล้าหาญและชาญฉลาดอย่างยิ่งที่สามารถเดินเข้าไปในแผ่นดินของศัตรูโดยลำพังโดยมีดาบซ่อนอยู่ มันเป็นเรื่องบ้ามากที่ต้องทำ แต่ความจริงที่ว่าพระเจ้าอยู่กับเขา ทำให้ทุกอย่างสำเร็จลุล่วงไปได้อย่างน่าทึ่ง อีกครั้งที่แผ่นดินมีความสงบสุข คราวนี้เป็นเวลาแปดสิบปี (ข้อ 30)
บางครั้งพระเจ้าก็ใช้คนที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคนของพระเจ้าเพื่อปลดปล่อยผู้คนของพระองค์ ชัมการ์อาจเป็นชาวคานาอัน (ดู 5:6) เขาเป็นคนมีอานุภาพมาก เขา ‘ฆ่าคนฟีลิสเตียเสียหกร้อยคน ท่านก็เป็นผู้ช่วยกู้อิสราเอลด้วย’ (3:31)
ทรงให้ผู้คน ‘พ้นจากเงื้อมมือของศัตรูตลอดชีวิตของผู้วินิจฉัย’ (2:18) กระนั้นผู้นำเหล่านี้นำมาซึ่งความสงบสุขเพียงชั่วคราวเท่านั้น
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเงาสะท้อนในทางที่ค่อนข้างมืดมนและอาจน้อยนิดถึงงานอันยิ่งใหญ่ของพระเยซู พระผู้ช่วยให้รอดของโลก พระเยซูทรงเป็นผู้ช่วยกู้ที่ยิ่งใหญ่ โดยการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ พระองค์ทรงช่วยกู้ท่าน พระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของคุณ ทรงเทพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตเหนือชีวิตของคุณในตอนนี้ (โรม 8:9) พระองค์ประทานกำลังและสติปัญญาแก่คุณ เพื่อที่คุณจะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงในชีวิตได้
ข้าแต่พระเจ้า วันนี้ข้าพระองค์ร้องทูลขอความรอดจากความยากลำบาก ปัญหาและความกลัวทั้งหมดที่ข้าพระองค์เผชิญ ข้าพระองค์สรรเสริญ และขอบพระคุณสำหรับการช่วยกู้ครั้งยิ่งใหญ่ของพระองค์ผ่านทางพระผู้ช่วยให้รอด คือ พระเยซูคริสต์
Pippa Adds
เมื่อพูดถึงเอฮูดผู้ที่พระเจ้าได้ตั้งให้เป็นผู้ช่วยกู้และเป็นคนถนัด ‘มือซ้าย’ (ผู้วินิจฉัย 3:15) ฉันเองก็เป็นคนถนัดซ้าย ดังนั้นสิ่งนี้ทำให้ฉันยืนยันได้ถึงข้อดีของการถนัดซ้ายและการซุ่มรบแบบนี้มันได้ผลมากเพียงไรเมื่อ ‘เอฮูดเอื้อมมือซ้ายของเขา ชักดาบจากต้นขาขวาของเขาแล้วพุ่งเข้าใส่ท้องของกษัตริย์’ (ข้อ 21) เป็นเรื่องที่น่าสะอิดสะเอียนเล็กน้อยที่ได้อ่านว่าดาบหายเข้าไปในท้องอันมหึมาของกษัตริย์และฆ่าเขาโดยสมบูรณ์ได้อย่างไร (ข้อ 22) อย่างไรก็ตาม ผลที่ได้คือแปดสิบปีแห่งสันติสุข (ข้อ 30) ดังนั้นมันต้องเป็นเรื่องดีแน่ ๆ
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)Свето Писмо
Опис за овој план

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Слични Планови

Отстапи го на Бога првото место

Живеј со сила и храброст!

Ти имаш молитва!

Пет молитви на понизност

Што е вистинска љубов?

Живеј живот со цел!

Твојата најдобра инвестиција!

доверба - да веруваш на тоа што бог го кажува во неговото слово и да живееш во согласност со тоа божјо слово

Библија за деца
