Лого на YouVersion
Икона за пребарување

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลПримерок

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

119 ДЕН ОД 365

การต่อสู้ในทุกวันนี้ล้วนเป็นเรื่องเกี่ยวกับพระเยซู

ผมได้มีส่วนในการช่วยหรือนำกลุ่มย่อยใน[อัลฟ่า](https://thailand.alpha.org/) มากว่ายี่สิบห้าปี ระหว่างช่วงเวลานั้น ผมสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในวัฒนธรรมของเรา มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องท่าทีที่มีต่อพระเยซู โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนหนุ่มสาว หลายคนจะพูดว่าพวกเขาเชื่อในพระเจ้าและแม้แต่เปิดรับแนวคิดเรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่กลับมีความคิดว่าพระเยซูทรงกลายเป็นสิ่งกีดขวาง พวกเขาพูดทำนองว่า ‘ฉันไม่เข้าใจอะไรใน*ตัวพระเยซู*เลยซักนิด’ ดังที่คุณพ่อราเนียโร คาตาลาเมสซ่า กล่าวไว้บ่อย ๆ ‘การต่อสู้ในทุกวันนี้ล้วนเป็นเรื่องเกี่ยวกับพระเยซู’ พระเยซูทรงเป็นพระผู้ไถ่แห่งสรรพสิ่งทั้งปวงจริงไหม? นี่เป็นการต่อสู้เช่นเดียวกับในศตวรรษแรก ผู้คนในปัจจุบันนี้พอใจที่จะยอมรับพระเยซูว่าเป็น ‘หนึ่งในหลายพระ’ เอกลักษณ์ของพระเยซูเป็นเหตุให้เกิดการโจมตี ในพระธรรมสำหรับวันนี้ เราได้เห็นว่าเมื่อเราพบกับบางคนที่ไม่ธรรมดาในพระคัมภีร์ เช่น โมเสส โยชูวา เอลียาห์ และยอห์นผู้ให้บัพติศมา แต่ไม่มีใครเหมือนพระเยซู พระเยซูทรงไม่เหมือนใคร พระองค์ทรงเป็น*พระผู้ไถ่แห่งสรรรพสิ่งทั้งปวง*

สดุดี 53:1-6

ไม่มีใครเหมือนพระเยซู

นโปเลียน โบนาปาร์ต กล่าวไว้ว่า ‘ข้าพเจ้ารู้จักคนมากหน้าหลายตา และข้าพเจ้าขอบอกท่านว่าพระเยซูคริสต์ไม่ได้เป็นแค่ชายคนหนึ่ง ระหว่างพระองค์กับคนอื่นๆ ในโลกแล้ว หาสิ่งใดมาเปรียบเทียบมิได้เลย’ พระเยซูทรงแตกต่างจากมนุษย์ทุกคนที่เคยมีชีวิตอยู่

ดาวิดกล่าวว่า ‘ไม่มีผู้ใดทำดี’ (ข้อ 1) เมื่อพระเจ้าทรงทอดพระเนตรลงมาจากสวรรค์มายังมนุษยชาติ พระองค์ทรงเห็นว่า ‘ไม่มีผู้ใดทำดี ไม่มีสักคนเดียว’ (ข้อ 3)

ดาวิดมองหาผู้ช่วยกู้ด้วยความหวัง: ‘ไม่มีใครช่วยกู้อิสราเอลเลยหรือ?’ (ข้อ 6ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) การรอคอยของดาวิด แน่นอนว่าสำเร็จในพระเยซูแล้ว พระเยซูทรงมีเอกลักษณ์ในความดีพร้อมของพระองค์ อัครสาวกเปาโลยกสดุดีตอนนี้มาเพื่อแสดงให้เห็นถึงความต้องการผู้ช่วยกู้ของมนุษย์ทุกคน (โรม 3:10–12)

ตามที่อาจารย์เปาโลยกตัวอย่างผู้คนที่แตกต่างกันในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนยิวกับคนต่างชาติ คนมีศีลธรรมและผิดศีลธรรม เขามาถึงข้อสรุปว่าไม่มีใครที่พระเจ้าทรงสามารถนับได้ว่าเป็นคนดีพร้อมและชอบธรรม เปาโลบรรยายว่า ‘เพราะว่าในสายพระเนตรของพระเจ้า ไม่มีใครถูกชำระให้ชอบธรรมได้...’ (ข้อ 20)

ความอัศจรรย์ของพระกิตติคุณคือเราผู้ซึ่งไม่ชอบธรรมสามารถถูกประกาศว่าชอบธรรมได้ ผ่านทางความชอบธรรมอันสมบูรณ์ของพระเยซู ‘คือความชอบธรรมของพระเจ้า ซึ่งปรากฏโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์แก่ทุกคนที่เชื่อ’ (ข้อ 22)

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่บัดนี้เป็นไปได้สำหรับข้าพระองค์ที่จะมีความชอบธรรมจากพระเจ้า ซึ่งปรากฏโดยความเชื่อในพระเยซูแก่ทุกคนที่เชื่อ

ยอห์น 1:1-28

พระเยซูผู้เดียวเท่านั้น

พระเยซูคริสต์ผู้เดียวเท่านั้น พระองค์ ‘ยังคงซึ่งความ มีเอกลักษณ์ ต่อให้พูดน้อยที่สุด หากพระเจ้าเป็นเหมือนพระเยซู พระองค์ก็ทรงคู่ควรแก่การเชื่อวางใจ’ นักหนังสือพิมพ์ แอนโทนี่ เบอร์เจสเขียนเอาไว้

พระกิตติคุณยอห์นทั้งเล่มตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ คือคำตอบของคำถามว่า ‘พระเยซูทรงเป็นผู้ใด?’ คำตอบของยอห์นคือพระเจ้าทรงเป็นเหมือนพระเยซูและพระองค์ทรงคู่ควรแก่การเชื่อวางใจ พระเยซูทรงมีเอกลักษณ์ พระองค์ทรงเป็น ‘องค์เดียว’ (ข้อ 14,18) พระองค์ทรงเป็น ‘การทรงสำแดงของพระเจ้าในแบบไม่ซ้ำใคร’ (ข้อ 18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) วัตถุประสงค์ของพระกิตติคุณยอห์นคือ นำคุณให้มีประสบการณ์เข้าสนิทกับพระเจ้าผ่านทางสัมพันธภาพกับพระเยซู

คุณเป็นสหายของพระเยซู แต่พระเยซูคือใครล่ะ?

  1. พระวาทะของพระเจ้าที่เป็นเอกลักษณ์
    พระกิตติคุณยอห์นเปิดมาด้วยคำอธิบายพระเยซูไว้อย่างยอดเยี่ยมว่าเป็น ‘พระวาทะ’ สำหรับเรา นี่ดูเหมือนเป็นแนวคิดที่แปลกมาก แต่สำหรับผู้อ่านดั้งเดิมของพระธรรมยอห์น นี่เป็นสิ่งที่คุ้นเคยกันมากกว่า แนวคิดเรื่อง ‘พระวาทะของพระเจ้า’ น่าจะสำคัญต่อผู้อ่านชาวยิว พวกเขาคงระลึกถึงพระวาทะของพระเจ้าในการทรงสร้าง (ปฐมกาล 1) และผู้เผยพระวจนะทุกคนเคยพูดถึง ‘พระวจนะพระเจ้า’ (ดูตัวอย่างในอิสยาห์ 40:6–8 และเยเรมีย์ 23:29)

สำหรับผู้อ่านชาวกรีก แนวคิดเรื่อง ‘พระวาทะ’ จะเชื่อมโยงกับการค้นหาความหมายของชีวิต บ่อยครั้งที่นักปรัชญาใช้คำว่า ‘พระวาทะ’ ในแบบย่อ ๆ เพื่ออ้างถึงความหมายและจุดประสงค์ที่ยังไม่รู้จักของกัลปักษ์จักรวาล

คำพูดเริ่มต้นของยอห์นน่าจะทำให้ทั้งสองกลุ่มรู้สึกตื่นเต้น เขากำลังพูดว่า ‘ข้าพเจ้าจะบอกท่านเกี่ยวกับสิ่งที่ท่านค้นหามาตลอดเวลานี้’

เห็นได้ชัดว่าคำว่า ‘พระวาทะ’ ที่ยอห์นเขียนถึงนั้นคือพระเยซู ‘พระวาทะทรงกลายเป็นเลือดและเนื้อ และมาอยู่กับเรา’ (ยอห์น 1:14ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระเยซูไม่ได้แค่อยู่กับพระเจ้าตั้งแต่เริ่มต้น: ‘พระวาทะทรงเป็นพระเจ้า’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระเยซูทรงเคยเป็นและทรงเป็นพระเจ้า

  1. พระผู้สร้างทุกสิ่ง ผู้ทรงไม่เหมือนใคร
    ทุกสิ่งถูกสร้างผ่านทางพระองค์ ไม่มีอะไร ไม่มีสักสิ่งเดียว! ที่เกิดขึ้นนอกเหนือพระองค์’ (ข้อ 3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ผ่านทางพระเยซู สรรพสิ่งทั้งสิ้นก็บังเกิดขึ้น: ‘เพราะว่าโดยพระองค์ทุกสิ่งได้รับการทรงสร้างขึ้น ทั้งสิ่งที่อยู่บนท้องฟ้าและบนแผ่นดินโลก ทั้งสิ่งที่มองเห็นและสิ่งที่มองไม่เห็น ไม่ว่าจะเป็นบัลลังก์แห่งพวกภูตผี หรือพวกภูตผีที่ปกครอง หรือพวกภูตผีที่ครอบครอง หรือพวกภูตผีที่มีอำนาจ ทุกสิ่งถูกสร้างขึ้นโดยพระองค์และเพื่อพระองค์’ (โคโลสี 1:16)

  1. ความสว่างแห่งโลกที่ไม่ซ้ำใคร ‘พระองค์ทรงเป็นแหล่งชีวิต และชีวิตนั้นเป็นความสว่างของมนุษย์ ความสว่างส่องเข้ามาในความมืด และความมืดไม่อาจเอาชนะความสว่างได้’ (ยอห์น 1:4-5)

ความสว่างเป็นดั่งความหมายของของความดีงาม และความจริง ความมืดเป็นดั่งความหมายของความชั่วร้าย และความเท็จ ความสว่างและความมืดนั้นตรงข้ามกัน และไม่เทียบเท่ากัน เทียนเล่มน้อยสามารถส่องสว่างไปทั่วทั้งห้องที่เต็มไปด้วยความมืดมิด และไม่ถูกทำให้มืดลงโดยความมืด ความสว่างแข็งแกร่งกว่าความมืด ความมืดไม่สามารถเอาชนะความสว่างได้

  1. ผู้ทรงเปลี่ยนแปลงชีวิตที่ไม่เหมือนใคร
    ‘แต่ทุกคนที่ยอมรับพระองค์ คือคนที่เชื่อในพระนามของพระองค์นั้น พระองค์ก็จะประทานสิทธิให้เป็นลูกของพระเจ้า ซึ่งในฐานะนั้นพวกเขาไม่ได้เกิดจากเลือดเนื้อหรือกาม หรือความประสงค์ของมนุษย์ แต่เกิดจากพระเจ้า’ (ข้อ 12–13)

ความเชื่อในพระเยซูนำเอาการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดให้เกิดขึ้นได้ เมื่อคุณต้อนรับพระเยซูเข้าสู่ชีวิตของคุณ พระเจ้าก็จะรับคุณเข้าสู่ครอบครัวของพระองค์

  1. การทรงสำแดงของพระเจ้าที่เป็นเอกลักษณ์
    ‘ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้าเลย แต่พระบุตรองค์เดียวผู้สถิตในพระทรวงของพระบิดา ทรงสำแดงพระเจ้าแล้ว’ (ข้อ 18)

ทุกสิ่งในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมนำไปสู่การเปิดเผยสำแดงขั้นสูงสุดของพระเจ้าในพระเยซู ‘เราได้รับพื้นฐานจากโมเสส จากนั้นการให้และรับอันสมบูรณ์นี้ การรู้และความเข้าใจที่ไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นผ่านทาง​พระ​เยซู​คริสต์ องค์พระเมสสิยาห์’ (ข้อ 16–17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) นี่เป็นเหตุผลว่าทุกสิ่งที่เราอ่านในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม จำเป็นต้องทำความเข้าใจในแง่ของพระเยซู

พระเยซูทรงตรงข้ามกับยอห์นผู้ให้บัพติศมา ที่เน้นย้ำถึงสิ่งที่ยอห์นผู้ให้บัพติศมานั้นไม่สามารถได้เป็นได้ เขาไม่ได้เป็น ‘ความสว่าง’ (ข้อ 8) ไม่ได้เป็นนิรันดร์กาล (ข้อ 15) ไม่ได้เป็นพระคริสต์ (ข้อ 20) ไม่ได้เป็นเอลียาห์ (ข้อ 21) และไม่ได้เป็นผู้เผยพระวจนะ (ข้อ 21)

แม้ว่าพระเยซูตรัสถึงยอห์นไว้ว่า ‘ในบรรดาคนซึ่งเกิดจากผู้หญิงนั้น ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่ายอห์นผู้ให้บัพติศมา แต่ว่าผู้ที่เล็กน้อยที่สุดในแผ่นดินสวรรค์ก็ยังใหญ่กว่ายอห์นอีก ’ (มัทธิว 11:11) ยอห์นผู้ให้บัพติศมากล่าวถึงพระเยซูว่า ‘ท่านผู้นั้นมาภายหลังข้าพเจ้า แม้แต่สายรัดรองเท้าของท่าน ข้าพเจ้าก็ไม่สมควรที่จะแก้’ (ยอห์น 1:27) งานของยอห์นผู้ให้บัพติศมาก็เหมือนกับเราทุกคน คือ การชี้ออกไปจากตัวเราเอง และชี้ไปยังองค์พระเยซูผู้หนึ่งผู้เดียว ผู้ทรงมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร ผู้เป็นพระวาทะของพระเจ้า เป็นพระผู้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่ง เป็นความสว่างแห่งโลก เป็นผู้เปลี่ยนแปลงชีวิต และเป็นการทรงสำแดงของพระเจ้า

ข้าแต่พระเยซู ข้าพระองค์ขอนมัสการพระองค์ พระวาทะของพระเจ้าผู้ทรงไม่เหมือนใคร ข้าพระองค์อธิษฐานในวันนี้ขอการทรงสำแดงที่สดใหม่ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ใด และความเข้าใจอันลึกซึ้งต่อความหมายของการได้เป็นบุตรของพระเจ้า

โยชูวา 15:1-16:10

พระเยซูทรงเป็นพระผู้ไถ่ที่ไม่ซ้ำใคร

โยชูวาและคาเลบเป็นเพียงสองคนเท่านั้นของคนกลุ่มแรกที่ได้เข้าสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญา เพราะว่าพวกเขาเท่านั้นเป็นคนที่เชื่อฟังพระเจ้า และติดตามพระองค์ด้วยสุดใจ (ชื่อของโยชูวาหมายถึง ‘พระเจ้าแห่งการไถ่’ หรือ ‘พระเจ้าทรงช่วยกู้’ ‘โยชูวา’ เป็นคำภาษาฮีบรูของคำว่า ‘พระเยซู’) โยชูวาเป็นภาพเล็งถึงพระเยซู โยชูวาและคาเลบนั้นเป็นคนที่โดดเด่น แต่ไม่เหมือนกับพระเยซู พวกเขาไม่ได้มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร

เฮโบรนซึ่งเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของยูดาห์ ถูกมอบให้แก่คาเลบโดยโยชูวา (15:13) แต่เขายังคงต้องบุกเข้าไปและยึดครองมัน (ข้อ 14) เช่นเดียวกันกับความรอด พระพรอันยิ่งใหญ่ที่สุดก็มาถึงเราโดยพระคุณดั่งของขวัญ กระนั้นเราคงต้องรับเอา และยึดไว้ด้วยตัวเราเองโดยความเชื่อ ‘ส่วนพระคุณและความจริงมาทางพระเยซูคริสต์ ’ (ยอห์น 1:17) นี่เป็นของประทานซึ่งมอบให้แก่เรา

ตลอดพระคัมภีร์ทั้งเล่ม พระเจ้าทรงมองหาการตอบสนองของคุณ พระองค์ทรงทอดพระเนตรว่าคุณ ‘แสวงหาพระเจ้า’ (สดุดี 53:2) และ ‘ร้องทูลพระเจ้า’ (ข้อ 4) คุณจำเป็นต้องยึดเอาของประทานที่มอบให้แก่คุณและเชื่อในพระเยซู เมื่อคุณทำเช่นนั้น คุณจะได้รับสิทธิ์ให้กลายเป็นบุตรของพระเจ้า (ยอห์น 1:12)

พระเยซูทรงเป็นพระผู้ไถ่ที่ไม่ซ้ำใคร ไม่มีอะไรน่าทึ่งไปกว่าการยึดเอาความรอดผ่านทางความเชื่อในพระองค์ และกลายเป็นสหายของพระเยซู

ข้าแต่พระเจ้า วันนี้ข้าพระองค์อยากแสวงหาพระองค์ ขอบพระคุณที่พระองค์ทรงสำแดงพระองค์เองใน พระเยซูคริสต์ บริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริง ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้ดำเนินชีวิตซึ่งบริบูรณ์ไปด้วยพระคุณและความจริง ข้าพระองค์ร้องทูลพระองค์เพื่อความช่วยเหลือในทุกงานที่ข้าพระองค์รับหน้าที่ไว้และในทุกถ้อยคำที่ข้าพระองค์พูด ขอให้ข้าพระองค์บริบูรณ์ด้วยพระคุณ และความจริง

Pippa Adds

โยชูวา 15:16–17

‘และคาเลบกล่าวว่า “ใครโจมตีเมืองคีริยาทเสเฟอร์และยึดได้ เราจะยกอัคสาห์บุตรสาวของเราให้เป็นภรรยา” และโอทนีเอลบุตรเคนัส น้องคาเลบตีเมืองนั้นได้ ท่านจึงยกอัคสาห์บุตรสาวของท่านให้เป็นภรรยา'

นี่ไม่ใช่เกณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับการสมรส แต่คนก็แต่งงานกันด้วยเหตุผลแปลกกว่านี้ ในบท ‘พร้อมจะแต่งงานหรือยัง?’ ในหนังสือชีวิตสมรส โดยนิกกี้ และซีล่า ลี นั้นเป็นประโยชน์ แต่ฉันไม่คิดว่าคุณจะพบข้อเรียกร้องนี้ในนั้นแน่นอน ‘คุณโจมตีเมืองคีริยาทเสเฟอร์ และยึดได้แล้วหรือยัง?’

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

Опис за овој план

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!

More