พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลMuestra

สวัสดีครับ(ค่ะ) พระเจ้า!!
*The Vicar of Dibley (เดอะ วิคาร์ ออฟ ดิเบลย์)* ซิทคอมทีวีของสหราชอาณานำแสดงโดย ดอว์น เฟรนช์รับบทเป็นศิษยาภิบาลสตรีคนหนึ่ง เนื้อเรื่องนำมาจากชีวิตจริงของศิษยาภิบาลสตรีคนแรก จอย แคร์รอลล์ วิลลิส หลายปีก่อน พิพพากับผมได้พบกับจอย เธอเล่าถึงเมื่อตอนที่เธอรับตำแหน่งเป็นนักบวช แองลิกันในกรุงลอนดอนให้ฟัง สมาชิกคริสตจักรคนหนึ่งเป็นสตรีผู้รักพระเจ้าวัย 87 ปีชื่อว่า ฟลอรี่ ชอร์ ผู้ซึ่งต้องเข้ารับการผ่าตัดครั้ง สำคัญ ฟลอรี่เคยได้รับการแจ้งว่า โอกาสในการฟื้นตัวของเธอนั้นมีน้อยนัก น่าขอบคุณที่เธอรอดชีวิตหลังการผ่าตัดมาได้ เมื่อเธอเปิดตาขึ้น หนึ่งในสิ่งแรก ๆ ที่เธอเห็นคือภาพเลือน ๆ ของแพทย์ที่สวมเสื้อกาวน์สีขาว เธอยิ้ม และกล่าวว่า ‘สวัสดีค่ะ พระเจ้า! ดิฉันชื่อ ฟลอรี่ ชอร์’ จอยออกความเห็นว่า เรื่องนี้แสดงถึงสองสิ่ง อย่างแรก นี่แสดงความถ่อมใจของฟลอรี่ เธอไม่ได้คาดหวังว่า พระเจ้าทรงทราบว่าเธอเป็นใคร อย่างที่สอง นี่แสดงว่า เธอมั่นใจแน่นอนเรื่องการเป็นขึ้นมาจากความตาย และที่ซึ่งเธอจะได้ไป ความเชื่อมั่นของเธอเรื่องการเป็นขึ้นมาจากความตายนั้น ตั้งอยู่บนรากฐานของศิลามุมเอกในความเชื่อ คริสเตียน: การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ในวันอีสเตอร์แรก ฤทธิ์เดชเดียวกันที่ทำให้พระเยซู ทรงเป็นขึ้นจากความตาย บัดนี้ดำรงอยู่ในคุณผ่านทางองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ (ดู เอเฟซัส 1:18–23) วันหนึ่งคุณเองจะกลับเป็นขึ้น และสามารถพูดว่า ‘สวัสดีครับ(ค่ะ) พระเจ้า!’สดุดี 49:1-20
ชีวิตหลังความตาย
มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงระหว่างชีวิตที่ปราศจากพระเจ้า และชีวิตที่มีพระเจ้า
- ชีวิตที่ปราศจากพระเจ้า
ผู้ที่ดำเนินชีวิตอย่างปราศจากพระเจ้ามีแนวโน้มที่จะลงเอยด้วยการวางใจในความมั่งคั่ง (ข้อ 6ก) หรือไม่ก็ตนเอง (ข้อ 13ก) ความวางใจนี้มีลักษณะของการแสวงหาฐานะ ผู้ที่มั่งคั่งอาจ ‘โอ้อวดความมั่งคั่งมากมายของตน’ (ข้อ 6ข) และใช้เงินเพื่อทำให้คนอื่น ๆ ประทับใจในทรัพย์สินของพวกเขา (ข้อ 16) พวกเขาอาจแม้แต่เรียกที่ดินของตัวตามชื่อของตน (ข้อ 11ก)
พวกเขาเพลิดเพลินกับคำยกย่องจากคนอื่น ๆ (ข้อ 18ข) และพวกเขานับว่า ‘ตัวเองสุขสบาย’ (ข้อ 18ก) พวกเขาอาจลองใช้ความมั่งคั่งของตนเองเพื่อ ‘ไถ่ถอน’ ตัวเองออกจากความตาย (ข้อ 7) กระนั้นไม่ว่าจำนวนเงินเท่าใดก็ไม่เพียงพอเลย (ข้อ 8) ท้ายที่สุดทั้งสิ้นก็ล้วนไร้ประโยชน์เพราะความมั่งคั่งของเขาก็ตกเป็นของคนอื่น (ข้อ 10ข) ‘ดังนั้น อย่าประทับใจเมื่อผู้หนึ่งร่ำรวยขึ้น และศักดิ์ศรีและทรัพย์สินของเขาเพิ่มพูน เพราะเขาจะเอาอะไรไปไม่ได้เลย’ (ข้อ 16–17ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ทั้งสิ้นนี้คุ้มค่าอะไรหากเราต้อง ‘เปื่อยสิ้นไป ในหลุมฝังศพ?’ (ข้อ 14)
- ชีวิตที่มีพระเจ้า
ตรงกันข้าม หากคุณดำเนินชีวิตอยู่กับพระเจ้า ไม่จำเป็นที่ต้องแสวงหาฐานะใด ๆ เลย เพราะฐานะของคุณไม่ได้กำหนดโดยความสำเร็จของคุณในการสะสมความมั่งคั่ง แต่ในการรู้จักว่าคุณเป็นของใคร และคุณมีค่าขนาดไหนต่อพระองค์
ค่าไถ่ของคุณได้ถูกชำระแล้ว (ข้อ 7ข) และคุณได้ถูกไถ่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นอนาคตของคุณจะมั่นคง: ‘ส่วนข้าพเจ้า? พระเจ้าจะทรงไถ่ชีวิตข้าพเจ้าจากเงื้อมมือของแดนคนตาย เพราะพระองค์จะทรงรับข้าพเจ้าไว้’ (ข้อ 15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ชีวิตที่มีพระเจ้าหมายความว่า คุณจะ ‘มีชีวิตตลอดไป และไม่ต้องเห็นหลุมมรณะ’ (ข้อ 9) ผู้เขียนสดุดีกล่าวว่า 'ทำไมข้าพเจ้าจะต้องกลัว?' (ข้อ 5) ความกลัวเป็นอารมณ์ตามธรรมชาติของมนุษย์ แต่เมื่ออยู่กับพระเจ้า คุณสามารถเผชิญความกลัวต่าง ๆ ของคุณด้วยความมั่นใจ เพราะคุณสามารถวางใจในพระเจ้าได้อย่างเต็มร้อยสำหรับชีวิตนี้ และชีวิตที่จะมาถึง
นี่เป็นหนึ่งในการพูดเป็นนัยไม่กี่ครั้งในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมเรื่องชีวิตหลังความตาย ผู้เขียนมั่นใจว่า ‘แต่แน่ทีเดียว พระเจ้าจะทรงไถ่ชีวิตข้าพเจ้าจากเงื้อมมือของแดนคนตาย เพราะพระองค์จะทรงรับข้าพเจ้าไว้’ (ข้อ 15) ชีวิตที่มีพระเจ้าไม่ได้จบลงด้วยความตายแต่ยังคงดำเนินต่อไปในนิรันดร์กาล ผู้เขียนสดุดีมั่นใจเรื่องนี้ แม้ว่าเขาไม่ทราบว่าสิ่งนี้เป็นไปได้อย่างไร คำตอบนี้ถูกเปิดเผยผ่านทางการเป็นขึ้นจากความตายขององค์พระเยซู
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณสำหรับฤทธิ์เดชในการเป็นขึ้นมาจากความตาย ซึ่งบัดนี้สถิตอยู่ในตัวของข้าพระองค์ ขอบคุณที่พระองค์ทรงฉวยข้าพระองค์ออกมาจากเงื้อมมือของความตาย และนำข้าพระองค์ไปถึงพระองค์
ลูกา 20:27-21:4
คนตายจะกลับเป็นขึ้นมา
เมื่อเราเริ่มต้นคิดเรื่องการเป็นขึ้นมาจากความตายและชีวิตหลังความตาย เป็นการยากที่จะจินตนาการว่าเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ผู้คนจะดูเป็นอย่างไร? คุณจะมีร่างกายแบบไหน? เราจะมีความสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ อย่างไร?
บางทีคนเราก็ใช้คำถามพวกนี้เพื่อเสนอแนวคิดเรื่องการเป็นขึ้นมาจากความตายว่า เป็นเรื่องเพ้อฝันหรือแม้แต่เหลวไหลไร้สาระ พวกสะดูสีเป็นส่วนหนึ่งของ ‘กลุ่มคนที่ปฏิเสธความเป็นไปได้ใด ๆ ของการเป็นขึ้นจากความตาย’ (20:27, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขามาหาพระเยซูด้วยคำถามหลอกล่อเรื่องผู้หญิงที่เคยมีสามีมาแล้วเจ็ดคน ตั้งคำถามล้อเลียนว่าทั้งหมดจะอยู่ในความสัมพันธ์กันได้อย่างไรในเรื่องของการเป็นขึ้นจากความตาย
พระเยซูทรงตอบคำถามด้วยการอธิบายว่าคำถามของพวกเขาบกพร่อง เพราะว่าเป็นคำถามที่มีมุมมองอย่างโลก การเป็นขึ้นจากความตายจะเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ทั้งหมดของมนุษย์เราและความจำเป็น ในเรื่องการสมรสเพื่อสืบสายสกุลนั้นก็จะหมดไป (ข้อ 34–36)
พระเยซูทรงตอบคำถามนี้ แต่จากนั้นก็ทรงระบุปัญหาที่แท้จริงออกมา พวกสะดูสีไม่ประทับใจจากการพูด เป็นนัยเรื่องการเป็นขึ้นจากความตายในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม เพราะพวกเขาได้ให้น้ำหนักกับหนังสือห้าเล่มแรก (เบญจบรรณ)ในพระคริสตธรรมคัมภีร์มากกว่า
พระเยซูทรงนำพวกเขาเข้าสู่เขตแดนของพวกเขาเอง โดยทรงยกข้อความมาจากพระธรรมเล่มหนึ่งในเบญจบรรณ: ‘โมเสสก็สำแดงไว้ในเรื่องพุ่มไม้ ซึ่งเป็นที่ที่ท่านเรียกองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “พระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ” พระองค์ไม่ได้เป็นพระเจ้าของคนตาย แต่เป็นพระเจ้าของคนเป็น เพราะว่าจำเพาะพระเจ้าทุกคนยังเป็นอยู่’ (ข้อ 37–38)
พระเยซูทรงประกาศชัดว่า พระองค์ทรงเชื่อ ไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องของการเป็นขึ้นจากความตายของพระองค์เอง แต่ใน ‘การเป็นขึ้นจากตาย’ ที่กว้างกว่านั้นมากนัก (ข้อ 35) ผู้ที่เป็นขึ้นจากตาย ‘จะตายอีกไม่ได้ เพราะเขาเป็นเหมือนทูตสวรรค์ และเป็นบุตรของพระเจ้า คือบุตรของการเป็นขึ้นจากตาย’ (ข้อ 36)
แน่นอน ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับว่าพระเยซูทรงเป็นดังผู้ที่พระองค์ทรงอ้างไว้ พระเยซูทรงชี้ว่า พระองค์ไม่ได้เป็นแค่เพียงบุตรของดาวิด พระองค์ยังทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของดาวิดอีกด้วย (ข้อ 41–44) ถ้าหากพระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า คุณสามารถมั่นใจในการรับประกันของพระองค์ว่า ‘คนที่ตายแล้วเป็นขึ้นมาใหม่’ (ข้อ 37)
หากคุณเชื่อจริง ๆ ในการเป็นขึ้นมาจากความตาย สิ่งนี้จะเปลี่ยนแปลงทัศนคติของคุณต่อทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต รวมถึงทรัพย์สินของคุณด้วย เหมือนกับหญิงม่าย (21:1–4) คุณถูกท้าทายให้ถวายด้วยความใจกว้าง สะสมทรัพย์สมบัติไว้เพียงน้อยนิด และในที่สุดเต็มใจที่จะทิ้งทุกสิ่งที่คุณมีในชีวิตนี้
ยิ่งกว่านั้น คุณมีมุมมองที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิงเรื่องชีวิตนี้ นี่เป็นความหวังที่แท้จริงในการเผชิญหน้ากับความน่าเศร้าใจแห่งความตาย ชีวิตนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณอย่างยิ่งที่ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อข้าพระองค์ และขอบคุณสำหรับความหวังอันน่าทึ่งที่ข้าพระองค์มีผ่านทางการเป็นขึ้นจากความตายของพระองค์ ขอบคุณสำหรับฤทธิ์เดชเดียวกันที่ทำให้พระเยซูทรงเป็นขึ้นจากตาย ที่จะทำให้เราเป็นขึ้นจากตายด้วยเช่นกัน
เฉลยธรรมบัญญัติ 33:1-34:12
พระกรนิรันดร์
หากมีคนหนึ่งที่จบชีวิตของตนลงอย่างดี คนนั้นคือโมเสส ‘เมื่อโมเสสสิ้นชีวิตนั้น ท่านมีอายุหนึ่งร้อยยี่สิบปี นัยน์ตาของท่านไม่ได้มัวไป และท่านยังเดินได้อย่างคล่องแคล่ว’ (34:7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เขาได้ใช้ชีวิตในการรู้จักพระเจ้าแบบ ‘หน้าต่อหน้า’ (ข้อ 10)
โมเสสถูกพระเจ้าทรงใช้อย่างมาก ‘และในเรื่องอำนาจยิ่งใหญ่ และกิจการอันน่ากลัวและใหญ่โตซึ่งโมเสสทำ’ (ข้อ 12)
หนึ่งในความท้าทายใหญ่หลวงในชีวิตคือการจบให้สวย ส่วนหนึ่งของการจบให้สวยคือการวางแผนการสืบทอด
โมเสสจบชีวิตของท่านลงได้อย่างดี เขาได้วางแผนให้โยชูวาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง ‘และโยชูวาบุตรนูนก็ประกอบด้วยสติปัญญา เพราะโมเสสได้วางมือของท่านบนเขา ดังนั้นคนอิสราเอลจึงเชื่อฟังเขา และได้ทำดังที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาโมเสสไว้’ (ข้อ 9) นี่เป็นหนึ่งในตัวอย่างไม่กี่อันในเรื่องการเจิมของพระเจ้าที่ส่ง ผ่านจากคนรุ่นหนึ่งไปยังคนรุ่นถัดไป
ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต โมเสสกล่าวอวยพรแต่ละเผ่าด้วยถ้อยคำที่ไม่ธรรมดา ตัวอย่างเช่น เผ่าเบนยามิน ท่านกล่าวว่า ‘ผู้เป็นที่รักของพระยาห์เวห์ จะอาศัยอยู่กับพระองค์อย่างปลอดภัย พระองค์ทรงปกป้องเขาไว้วันยังค่ำ และทรงประทับอยู่ระหว่างบ่าของเขา’ (33:12)
เมื่อเขากล่าวมาถึงตอนท้ายของการอวยพรแต่ละเผ่า เขากล่าวว่า ‘ไม่มีผู้ใดเหมือนพระเจ้าของเยชูรูน พระองค์เสด็จมาจากฟ้าสวรรค์เพื่อช่วยท่าน เสด็จมาบนเมฆด้วยความสูงส่งของพระองค์ พระเจ้าผู้ดำรงเป็นนิตย์เป็นที่อาศัยของท่าน และพระกรนิรันดร์รองรับท่านอยู่’ (ข้อ 26–27ก)
บางทีโมเสสอาจตระหนักว่า ความตายไม่ใช่จุดสิ้นสุด เขาเชื่อวางใจในพระเจ้าผู้ทรงเป็นนิรันดร์ และทราบว่าพระกรของพระองค์นั้นเป็นนิรันดร์
นี่ไม่ได้ขจัดความเจ็บปวดและความเศร้าเสียใจแห่งความตายออกไปจนหมดสิ้น ผู้คนยังคงร่ำไห้และไว้ทุกข์เมื่อโมเสสเสียชีวิต (34:8ก) เป็นสิ่งธรรมดาและสำคัญที่จะเศร้าโศก และเป็นเรื่องสำคัญที่เราทำเช่นนั้น อารมณ์ของเรานั้นเป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานให้ และไม่ควรถูกกดเอาไว้
อย่างไรก็ตาม มีความแตกต่างกันระหว่างความเศร้าโศกที่ไร้ซึ่งความหวังกับความเศร้าโศกของผู้เชื่อที่วางใจในการเป็นขึ้นมาจากความตาย (1 เธสะโลนิกา 4:13)
ผมเคยร่วมงานศพและงานไว้อาลัยหลายงานตลอดหลายปีนี้ และบ่อยครั้งถ้อยคำเปิดงานซึ่งเป็นถ้อยคำที่ยิ่งใหญ่ ให้ความมั่นใจ ปลอบประโลม และทรงพลังคือ: ‘พระเจ้าผู้ดำรงเป็นนิตย์เป็นที่อาศัยของท่าน และพระกรนิรันดร์รองรับท่านอยู่’ (เฉลยธรรมบัญญัติ 33:27ก)
ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ข้าพระองค์เป็นเหมือนโมเสส ที่ดำเนินชีวิตอยู่ในความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระองค์ และรู้ว่าพระกรนิรันดร์ของพระองค์เป็นที่อาศัย และรองรับข้าพระองค์ไว้เสมอ
Pippa Adds
เฉลยธรรมบัญญัติ 33:26–27ก
‘ไม่มีผู้ใดเหมือนพระเจ้าของเยชูรูน พระองค์เสด็จมาจากฟ้าสวรรค์เพื่อช่วยท่าน เสด็จมาบนเมฆด้วยความสูงส่งของพระองค์ พระเจ้าผู้ดำรงเป็นนิตย์เป็นที่อาศัยของท่านและพระกรนิรันดร์รองรับท่านอยู่’
เป็นถ้อยคำที่ปลอบใจอย่างยิ่งเมื่อยามเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบาก
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)Acerca de este Plan

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Planes relacionados

La Adoración Como Un Estilo De Vida

El Arte Perdido Del Servicio

Esperanza Que No Desespera

Vivir Una Vida Que Importe

Un Matrimonio Que Da Fruto

¡Hola Rival! Un Plan De Juego Bíblico Para Deportistas Cristianos.

“Cuando EL ALMA DESPIERTA”

Seis Pasos Para Una Vida De Oración Más Comprometida

Agotamiento Pastoral
