พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลUkázka

ช่วงเวลาที่ยาก
สมิธ วิกเกิลส์เวิร์ธ เกิดเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 1859 ในครอบครัวยากจนในยอร์กเชียร์ ตอนเด็กเขาทำงานในไร่ เก็บหัวผักกาดเคียงข้างกับแม่ของเขา เขาไม่รู้หนังสือเลยจนกระทั่งเมื่ออายุได้ 23 ปี เขาได้แต่งงานกับพอลลี่ ผู้สอนให้เขาอ่านหนังสือ เขามักจะพูดว่าพระคัมภีร์เป็นหนังสือเพียงเล่มเดียวที่เขาเคยอ่าน เขาทำอาชีพค้าขายเกี่ยวกับสินค้าช่างประปา แต่ต้องละทิ้งมันหลังจากที่ยุ่งอยู่กับงานพันธกิจการประกาศและการเยียวยา มีเรื่องราวของผู้คนที่ฟื้นจากความตายผ่านพันธกิจของเขามากมาย แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่เขาอยากเห็นมากกว่าการที่ 10,000 คน ได้รับการรักษาคือหนึ่งคนได้รับความรอดผ่านการเทศนาของเขา สำหรับ สมิธ วิกเกิลส์เวิร์ธ นั้นชีวิตไม่ได้ง่ายเสมอ เขาผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาบ้าง เขาเขียนว่า ‘ความเชื่ออันยิ่งใหญ่เป็นผลจากการต่อสู้ที่ใหญ่ยิ่ง คำพยานที่ยิ่งใหญ่เป็นผลจากการทดสอบที่ใหญ่ยิ่ง ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ย่อมจากการทดลองอันใหญ่ยิ่งเท่านั้น’ พระคัมภีร์เป็นจริงอย่างมาก เราอยู่ในโลกที่ล้มลง ทุกคนต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากและบางคนพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้ชีวิตยุ่งยากอยู่ตลอดเวลาสดุดี 119:65-72
ให้มองช่วงเวลาที่ยากเป็นการฝึกฝนจากพระเจ้า
ความทุกข์ไม่เคยดีในตัวมันเอง แต่พระเจ้าสามารถใช้มันให้เกิดประโยชน์ได้ (โรม 8:28) บางครั้งพระเจ้าใช้ความทุกข์เพื่อฝึกฝนเรา เช่นเดียวกับคนสวนที่ลิดเถาองุ่น (ยอห์น 15:2) บิดามารดาก็สั่งสอนบุตรของตน (ฮีบรู 12:10) และช่างเหล็กถลุงเงินและทองในไฟ (1 เปโตร 1:6–7)
ผู้เขียนสดุดีเขียนว่า ‘ขอทรงฝึกข้าพระองค์ให้มีวิจารณญาณที่ดี... ก่อนที่ข้าพระองค์เรียนรู้ที่จะตอบพระองค์ ข้าพระองค์ได้ท่องไปทั่วทุกที่ แต่ตอนนี้ข้าพระองค์ก้าวไปพร้อมกับพระวจนะของพระองค์แล้ว... ขอทรงฝึกข้าพระองค์ในความดีของพระองค์’ (สดุดี 119 :66–68, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เมื่อคุณกำลังประสบความยากลำบาก อย่าปล่อยให้สิ่งนั้นมาทำให้คุณสงสัยในความดีของพระเจ้า แต่ให้มองว่าเป็นโรงเรียนฝึกอบรมของพระเจ้า
การวิจารณ์ที่ไม่เป็นธรรมเป็นเรื่องยากที่จะรับ ผู้เขียนสดุดีเขียนว่า ‘พวกที่ไม่เชื่อพระเจ้าโกหกเกี่ยวกับข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้ามุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่พระองค์ตรัส’ (ข้อ 69, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) การจู่โจมอาจมาจากผู้ที่มี ‘ใจแข็งกระด้างและไร้ความรู้สึก’ อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้คุณก็สามารถ ‘ปีติยินดี’ ในพระวจนะของพระเจ้าได้เช่นกัน (ข้อ 70)
เขาสามารถมองเห็นว่าพระเจ้าได้ทรงใช้ปัญหา ความทุกข์ยาก และความทุกข์ทรมาน: ‘ปัญหาของข้าพระองค์ ทั้งหมดกลับกลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุด – สิ่งเหล่านั้นบังคับให้ข้าพเจ้าเรียนรู้จากตำราของพระองค์ ความจริงจากพระโอษฐ์ของพระองค์นั้นมีความหมายต่อข้าพระองค์มากกว่าความงดงามของเหมืองทองคำ’ (ข้อ 71–72, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ข้าแต่พระเจ้า ‘ขอทรงสอนวิจารณญาณและความรู้แก่ข้าพระองค์’ (ข้อ 66) ขอบพระคุณพระองค์เพราะเมื่อมองย้อนกลับไปในชีวิตของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ก็ได้เห็นวิธีที่พระองค์ทรงใช้ช่วงเวลาที่ยากลำบาก ขอบพระคุณสำหรับพระดำรัสของพระองค์ที่ล้ำค่ายิ่งกว่าเงินและทองหลายพันชิ้น
1 ทิโมธี 5:1-6:2
ดูแลเอาใจใส่ผู้คนที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยาก
พระคัมภีร์เป็นหนังสือที่นำไปใช้ได้จริง เปาโลให้คำแนะนำที่มีเหตุผลและใช้ได้จริงแก่ทิโมธีเกี่ยวกับวิธีดูแลผู้คนในชุมชนที่กำลังประสบความทุกข์ยาก
1. ดูแลคนชราและเด็ก
เปาโลกล่าวว่า เราต้องปฏิบัติต่อผู้อาวุโสกว่าด้วยความเคารพเช่นเดียวกับที่เรากระทำต่อบิดามารดาของเรา และปฏิบัติต่อผู้ที่อายุน้อยกว่าเหมือนพี่น้อง (ข้อ 1-2) มีคนเคยให้คำแนะนำว่าผู้ชายควรตั้งพระธรรมข้อนี้เป็นภาพพักหน้าจอในคอมพิวเตอร์ของพวกเขา: ‘ส่วนพวกหญิงสาวก็เป็นเหมือนพี่สาวน้องสาว ด้วยความบริสุทธิ์ใจที่สุด’ (ข้อ 2)
2. ดูแลคนขัดสน
ตัวอย่างเช่น คริสตจักรต้องดูแลหญิงม่ายที่ไม่มีครอบครัวอุปถัมภ์: ‘จงให้เกียรติแก่บรรดาแม่ม่ายไร้ที่พึ่ง’ (ข้อ 3) ส่วนผู้ที่มีครอบครัวหากเป็นไปได้ก็ควรได้รับการสนับสนุนจากครอบครัว (ข้อ 4)
3. ดูแลครอบครัวของคุณ
เปาโลชี้ประเด็นที่ยังคงมีความเกี่ยวข้องอย่างมากในปัจจุบัน เราไม่เพียงมีหน้าที่ดูแลคู่สมรสและบุตรของเราเท่านั้น แต่เราต้องดูแล ‘ครอบครัวใหญ่’ พ่อแม่และปู่ย่าตายายของเราด้วย: (ข้อ 7–8)
4. ดูแลผู้นำ
คริสตจักรยังต้องดูแลผู้นำ ‘ผู้ปกครองทั้งหลายที่ปกครอง’ (ข้อ 17) ‘บรรดาผู้ที่ทำงานสมควรได้รับค่าจ้าง!’ (ข้อ 18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก New Living Translation โดยผู้แปล) ตำแหน่งความรับผิดชอบของพวกเขาหมายความว่าเราไม่ควรรับเรื่องร้องเรียนพวกเขาอย่างง่าย ๆ: ‘อย่าฟังคำร้องเรียนต่อผู้นำที่ไม่ได้รับการสนับสนุนโดยพยานสองหรือสามคน’ (ข้อ 19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) แต่ในขณะเดียวกันผลของบาปก็ยิ่งใหญ่กว่าสำหรับผู้ที่อยู่ในตำแหน่งผู้นำ (ข้อ 20) เปาโลเตือน ‘ให้ตรวจสอบตัวเองอย่างใกล้ชิด’ (ข้อ 21, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
5. ดูแลตัวเอง
ชัดเจนว่าทิโมธีเองมีปัญหากระเพาะอาหารและ ‘เจ็บป่วยบ่อย’ (ข้อ 23) เปาโลไม่ได้ตำหนิเขาเพราะความเจ็บป่วยของเขา ตรงกันข้ามเปาโลให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์แก่เขา (ซึ่งอาจฟังดูแปลกสำหรับคนสมัยใหม่): ‘อย่าดื่มแต่เพียงน้ำอีกต่อไป จงใช้เหล้าองุ่นบ้างเล็กน้อย เพื่อประโยชน์กับกระเพาะอาหารของท่าน และโรคที่ท่านเป็นอยู่บ่อย ๆ’ (ข้อ 23)
6. ดูแลในที่ทำงาน
จดหมายฉบับนี้ถูกเขียนขึ้นในช่วงเวลาที่คริสเตียนไม่สามารถลุกขึ้นเป็นผู้นำการต่อสู้เพื่อทาสได้ พวกเขาเป็นเพียงชนกลุ่มน้อยในอาณาจักรที่มีประชากรจำนวนมากเป็นทาส เปาโลไม่รับรองการเป็นทาส ตรงกันข้ามเขาได้ให้คำแนะนำที่ใช้ได้จริงในการใช้ชีวิต เมื่อต้องพบว่าตนเองอยู่ในสถานการณ์ที่ห่างไกลจากอุดมคติ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานการณ์ใด ไม่ว่าชีวิตจะยากลำบากเพียงใด ความกังวลของคุณควรอยู่ที่ ‘พระนามของพระเจ้า’ (6:1)
ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยพวกเราในฐานะคริสตจักรในการดูแลผู้ที่กำลังประสบความยากลำบาก ขอให้พวกเราเป็นชุมชนที่ดูแลคนขัดสน คนป่วย และผู้ถูกกดขี่ เพื่อเดินตามรอยเท้าของพระเยซู
เยเรมีย์ 43:1-45:5
รักษาความสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าแม้ในช่วงเวลาที่ยาก
แม่ชีเทเรซากล่าวว่า ‘ฉันไม่ได้ถูกเรียกให้ประสบความสำเร็จแต่ให้ซื่อสัตย์’
เยเรมีย์น่าจะมีอายุประมาณหกสิบปีขณะที่เขายังทำพันธกิจ เขาเป็นผู้เผยพระวจนะมาแล้วสี่สิบเจ็ดปี ในช่วงเวลานี้เขาเห็นกรุงเยรูซาเล็มถูกทำลายลง เขาได้กล่าวพระวจนะของพระเจ้าอย่างซื่อสัตย์ แต่ถ้อยคำของเขานั้นถูกเพิกเฉยและปฏิเสธอย่างต่อเนื่องผ่านคนที่เขาได้ส่งไป เขายังได้รับความเดือดร้อนอย่างมากเนื่องจากการต่อต้านและการไม่เชื่อฟังของพวกเขา ทั้งหมดนี้คงเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังและท้อแท้มากสำหรับเยเรมีย์
หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้น และแม้ว่าคำพยากรณ์ก่อนหน้าของเขาจะสำเร็จแล้ว ผู้คนก็ยังคงปฏิเสธที่จะฟังเขา เยเรมีย์ได้บอกพวกเขาอย่างซื่อสัตย์ถึง ‘ทุกสิ่งที่พระเจ้าส่งเยเรมีย์ไปบอกพวกเขา’ (43:1) เขาพูดความจริง แต่เขากลับต้องทนกับคำดูหมิ่นเหยียดหยามของเหล่าคนที่ยิ่งยโสว่า ‘ท่านพูดโกหก’ (ข้อ 2)
ทั้งที่เยเรมีย์เตือน แต่พวกเขา ‘ไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์’ (ข้อ 4) พวกเขา ‘ได้มายังแผ่นดินอียิปต์ เพราะเขาไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์’ (ข้อ 7) แม้ว่าพระเจ้าจะทรงเตือนพวกเขา ‘ครั้งแล้วครั้งเล่า’ (44:4) ‘แต่พวกเขาก็ไม่ฟังหรือเงี่ยหูฟัง’ (ข้อ 5) พวกเขาพูดกับเยเรมีย์ว่า ‘สำหรับถ้อยคำซึ่งท่านได้บอกแก่เราในพระนามของพระยาห์เวห์นั้น เราจะไม่ฟังท่าน!’ (ข้อ 16) ถ้อยคำของเยเรมีย์นั้นขัดแย้งกับผู้ที่ได้ยินอย่างชัดเจน
พันธกิจของเยเรมีย์ดูเหมือนจะล้มเหลว เป็นอีกครั้งที่เต็มไปด้วย ความท้อแท้ และผิดหวัง ถึงกระนั้นเขายังคงแน่วแน่ต่อภารกิจที่พระเจ้ามอบให้และยังคงส่งต่อพระวจนะของพระเจ้าแก่ผู้คนอย่างซื่อสัตย์
ในบทที่ 45 เราพบกับความท้อแท้และความผิดหวังของอีกคนหนึ่ง คือบารุคเพื่อนร่วมงานของเยเรมีย์ บารุคแม้จะสูงวัยกว่าแต่ก็ต้องเล่นบทบาทรองจากเยเรมีย์ บทบาทของเขาคือการบันทึกคำพยากรณ์ของเยเรมีย์ เขาหมดหวังกับความพยายามที่ไร้ผลของเขา เขากล่าวว่า ‘วิบัติแก่ข้า เพราะพระยาห์เวห์ทรงเพิ่มความทุกข์เข้าในความเจ็บของข้า ข้าเหน็ดเหนื่อยด้วยการคร่ำครวญของข้า ข้าไม่พบความสงบเลย’ (45:3)
แต่พระเจ้าตรัสว่า ‘เจ้าจะหาสิ่งใหญ่โตเพื่อตัวเองหรือ? อย่าหามันเลย’ (ข้อ 5)
มักมีการล่อลวงให้เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางและแสวงหาสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับตัวเราเองเกิดขึ้นเสมอ ไม่ว่าจะด้วยเงิน ความสำเร็จ ตำแหน่ง เกียรติยศ ชื่อเสียง หรือความนับถือก็ตาม แต่เราต้องไม่แสวงหาสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเราเอง ในท้ายที่สุดไม่สำคัญว่าชีวิตของเราจะดูเหมือนล้มเหลวและจบลงด้วยความผิดหวัง สิ่งที่สำคัญคือความซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า พระเจ้าจะทรงให้รางวัลแก่แต่ละคนตามความสัตย์จริง ไม่ใช่ตามความสำเร็จที่เห็นได้ด้วยตา (ดู มัทธิว 25:14–30)
เมื่อคุณสัตย์ซื่อต่อพระเจ้า ยอมให้พระองค์ทำงานและบรรลุตามแผนของพระองค์ตลอดชีวิตของคุณ เยเรมีย์และบารุคคงรู้สึกเหมือนล้มเหลว แต่มีเพียงไม่กี่คนในประวัติศาสตร์ที่ส่งผลกระทบมากกว่าพวกเขา คำพยากรณ์ที่พวกเขาบันทึกไว้เป็นส่วนสำคัญของการเปิดเผยของพระเจ้าที่มีต่อโลก และมีคำพยากรณ์ที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับพระเยซูในพันธสัญญาเดิม จะมีผู้เขียนสักกี่คน? ที่สามารถกล่าวอ้างกับผู้อ่านนับพันล้านคนหลังจากที่พวกเขาได้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 2,500 ปี
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยให้ข้าพระองค์สัตย์ซื่อในการติดตามพระองค์โดยไม่คำนึงถึงช่วงเวลาที่ยาก ความทุกข์ มลทิน และความยากลำบาก ขออย่าให้ข้าพระองค์แสวงหาสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับตัวข้าพระองค์เองเลย แต่ขอให้แสวงหาพระนามแห่งพระสง่าราศีของพระองค์
Pippa Adds
1 ทิโมธี 5:1-2
‘อย่าต่อว่าผู้ชายอาวุโส แต่จงขอร้องเขาเป็นเหมือนบิดา จงถือว่า…บรรดาผู้หญิงอาวุโสเป็นเหมือนมารดา’
ฉันหวังว่าจะมีการให้เคารพต่อผู้สูงอายุมากขึ้นในสังคมของเรา ที่ชีวิตพวกเขาดูจะสับสนไปกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ขณะที่การเคลื่อนไหวของพวกเขานั้นเชื่องช้าและเจ็บปวด และการทำสิ่งที่เรียบง่ายในชีวิตก็กลายเป็นเรื่องยุ่งยาก ชุมชนคริสเตียนจึงมีความสำคัญมากและกำลังทำงานที่น่าอัศจรรย์ แต่ก็ยังมีงานอีกมากที่ต้องทำ
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)O tomto plánu

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
Podobné plány

Uvědomit si, že Bůh mě miluje

Svoboda

Radujme se

Co je mým účelem? Nauč se milovat Boha a milovat druhé lidi

Porazit sebevědomí a úzkost

Ester: Pro chvíli, jako je tato

Milost ve vašem příběhu

Zůstávejme v Ježíši: Přinášejme trvalé ovoce (Love God Greatly/Miluj Boha nesmírně)

Zkus se modlit
