พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลနမူနာ

ฝ่าฟัน
‘คุณเห็นอะไรบ้างไหม?’ ผู้ช่วยของคาร์เตอร์ถามเขาในขณะที่ดวงตาของเขาพยายามปรับให้เข้ากับความมืด ในที่สุดคาร์เตอร์สามารถมองเห็นได้ชัดพอสมควร แต่ยากที่บอกได้เพราะมีกองสมบัติมากมายกระจัดกระจายอยู่ตรงหน้า เป็นเวลากว่าสองพันปีที่เหล่านักท่องเที่ยว จอมโจรสุสานและนักโบราณคดี ต่างได้พยายามค้นหาหลุมฝัง พระศพของฟาโรห์แห่งอียิปต์ หลังจากผ่านไปหลายปีด้วยหลักฐานเพียงไม่กี่ชิ้น การค้นหาของ ฮอวอร์ด คาร์เตอร์ นักโบราณคดีชาวอังกฤษ ต้องล้มเลิกไป แต่คาร์เตอร์ก็สามารถฝ่าฟันและปลดล็อคสุสานอียิปต์โบราณได้ในที่สุด ไม่มีใครในโลกยุคนี้ที่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน พระศพของกษัตริย์ถูกดองห่อไว้ภายในโลงศพถึงสามชั้น ด้านในเป็นทองคำเนื้อแข็ง บนพระเศียรของกษัตริย์ประดับด้วยหน้ากากสีทองอันงดงามโอ่อ่า และมีเครื่องประดับหลายชิ้นวางอยู่บนพระกายและถูกห่อไว้ ห้องต่าง ๆ นั้นเต็มไปด้วยรูปปั้น รถม้า อาวุธ หีบ แจกัน มีดสั้น อัญมณี และบัลลังก์ นี่เป็นสุสานและสมบัติ อันล้ำค่าของกษัตริย์ตุตันคามุน ซึ่งครองราชย์ตั้งแต่ปี 1352 ถึง 1343 ก่อนคริสตกาล และใน 3265 ปีต่อมา ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 1922 คาร์เตอร์ได้ค้นพบสิ่งเหล่านี้ ฮอวอร์ด คาร์เตอร์ ได้สร้างการค้นพบทางโบราณคดีที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในโลก นั่นเป็นเพราะเขาไม่ยอมแพ้ ต่อการแสวงหานี้ เขาได้ฝ่าฟันและบากบั่น สายน้ำที่สามารถตัดผ่านก้อนหินไปได้ไม่ใช่เพราะกำลังของมัน แต่เป็นเพราะความมั่นคงที่ต้องอาศัยความต่อเนื่อง พระเจ้ารักคุณ พระองค์ไม่ได้ทรงยัดเยียดพระองค์เองให้คุณ แต่พระองค์สัญญาว่าจะเปิดเผยพระองค์เอง กับคุณ หากคุณยังคงแสวงหาพระองค์อยู่เสมอสุภาษิต 8:32-36
แสวงหาสติปัญญาที่มาจากพระเจ้าในทุก ๆ วัน
เราจะได้เห็นภาพที่น่าอัศจรรย์ของสิ่งที่คุณกำลังทำในแต่ละวันขณะที่คุณเปิดพระคัมภีร์และแสวงหาการทรงเรียกของพระเจ้า คุณกำลัง ‘เฝ้าอยู่ที่ประตูรั้ว (ของพระองค์) ทุกวัน คอยอยู่ข้างประตูบ้าน (ของพระองค์)’ (ข้อ 34) นี่คือหนทางสู่ชีวิตที่บริบูรณ์ และนี่คือวิธีที่จะ ‘ได้ความโปรดปรานจากพระยาห์เวห์’ (ข้อ 35) นี่เป็นเรื่องสำคัญมากเพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและความตาย (ข้อ 35–36)
เราได้เห็นแล้วว่าสติปัญญาในพระธรรมสุภาษิตเป็นดั่งเงาของพระคริสต์ผู้ทรงเป็นสติปัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้า นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของการเรียนรู้ ‘เคล็ดลับในชีวิต’ แต่เป็นการเรียนรู้จากแหล่งของสติปัญญาโดยตรง
การแสวงหาพระเจ้าต้องใช้วินัยและความอดทนสูง คุณต้องเรียนรู้ที่จะรอคอยพระองค์ คุณอาจพลาดได้ หากคุณรีบมากเกินไป
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่เมื่อข้าพระองค์พบพระองค์ ข้าพระองค์ก็ได้พบชีวิต โปรดช่วยข้าพระองค์ที่จะแสวงหาพระองค์ อดทน รอคอย และเชื่อฟังการทรงนำของพระองค์ทุกวัน
ลูกา 11:5-32
แสวงหาพระวิญญาณของพระเจ้าอย่างต่อเนื่อง
พระเยซูทรงหนุนใจให้คุณอย่าย่อท้อ พระองค์ทรงเล่าเรื่องเพื่อสำแดงอำนาจของ ‘ความไม่ย่อท้อ’ (ข้อ 8, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) แม้กระทั่งในความสัมพันธ์ของมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์ก็ตาม (ข้อ 5–8)
จากนั้นพระองค์ก็ทรงตรัสต่อไปว่าความไม่ย่อท้อมีความสำคัญพอ ๆ กับความสัมพันธ์ของคุณกับพระเจ้า อย่างไร ‘จงขอต่อไป ... จงแสวงหาต่อไป ... จงเคาะต่อไป ... สำหรับทุกคนที่ขอและยังคงขอก็ได้รับ และผู้ที่แสวงหาและแสวงหาต่อไปก็พบ และสำหรับผู้ที่เคาะและเคาะต่อไป ประตูก็จะเปิดออก’ (ข้อ 9–10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)
พระเยซูโยงเรื่องนี้ถึงการรับพระวิญญาณบริสุทธิ์ (ข้อ 13) ให้เราไม่หยุดที่จะแสวงหาพระวิญญาณบริสุทธิ์ สติปัญญา และฤทธิ์อำนาจของพระองค์ในชีวิตของเรา
พระเยซูทรงรับมือกับเรื่องยาก ๆ บางประการ และคุณอาจได้รับเรื่องยาก ๆ นี้มาจากพระเจ้าเช่นกัน
- ความสงสัย
ผู้คนต่างมีข้อสงสัยมากมายในเรื่องนี้ พวกเขาสงสัยว่า ‘ถ้าฉันขอฉันจะได้รับไหม?’ แต่พระเยซูตรัสโดย เรียบง่ายว่า ‘เราบอกพวกท่านว่า จงขอแล้วจะได้’ (ข้อ 9)
|พระเยซูทรงเล็งเห็นว่าพวกเขาอาจจะเคลือบแคลงใจเล็กน้อย เพราะพระองค์ได้ตรัสซ้ำ ๆ ในลักษณะ ที่แตกต่างกันออกไปว่า ‘จงหาแล้วจะพบ’ และอีกครั้งที่พระองค์ตรัสเป็นครั้งที่สามว่า ‘จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน’
|พระองค์ทรงทราบถึงธรรมชาติของมนุษย์ จึงทรงตรัสต่อเป็นครั้งที่สี่ว่า ‘เพราะว่าทุกคนที่ขอก็ได้’ (ข้อ 10) พวกเขายังไม่เชื่อมั่น ดังนั้นพระองค์จึงตรัสเป็นครั้งที่ห้าว่า ‘ทุกคนที่แสวงหาก็พบ’ และครั้งที่หกว่า ‘ทุกคนที่เคาะก็จะเปิดให้เขา’
|ทำไมพระองค์จึงตรัสถึงหกครั้ง? นั่นเป็นเพราะพระองค์ทราบว่าเรามีแนวโน้มที่จะสงสัย คุณอาจพบว่า เป็นเรื่องยากมากที่จะเชื่อว่าพระเจ้าจะประทานอะไรให้คุณ นับประสาอะไรกับสิ่งที่ดีเลิศคือพระวิญญาณ บริสุทธิ์และของประทานที่มาจากพระวิญญาณ
- ความกลัว
แม้ว่าคุณจะเคลียร์อุปสรรคแรกคือ ความสงสัยได้แล้ว แต่คุณอาจต้องเจออุปสรรคแห่งความกลัวต่อไปได้ ความกลัวนั้นเกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณจะได้รับ คำถามคือ มันจะเป็นสิ่งที่ดีไหม?
|พระเยซูทรงใช้การอุปมาของบิดาที่เป็นมนุษย์ ถ้าลูกขอปลา ไม่มีพ่อคนใดที่จะยื่นงูให้ ถ้าลูกขอไข่ ไม่มีพ่อ คนใดจะยื่นแมงป่องให้ (ข้อ 11–12) เป็นการยากที่จะคิดว่าเราจะปฏิบัติต่อลูกของเราเช่นนั้นได้
|พระเยซูทรงตรัสต่อไปว่า เมื่อเทียบกับองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วพวกเราต่างเป็นคนบาป ในเมื่อคนบาปอย่างเรา ให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูกของเรา พระเจ้าก็จะปฏิบัติต่อเราแบบนั้นด้วยเช่นกัน พระเจ้าจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง หากคุณขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ และสิ่งดีทั้งหมดที่พระองค์ทรงประทานให้นั่นคือสิ่งที่คุณจะได้รับ (ข้อ 13)
- ไม่พึงพอใจ
แน่นอนว่าสิ่งสำคัญคือคุณต้องขอการให้อภัยและหันหลังให้กับทุกสิ่งที่คุณรู้ว่าผิดบาป อย่างไรก็ตามแม้ว่าคุณจะทำความผิดบาปไปแล้ว คุณอาจมีความรู้สึกคลุมเครือว่าไม่มีค่าควรและไม่พึงพอใจ นั่นเป็นเพราะคุณอาจไม่เชื่อว่าพระเจ้าสามารถประทานอะไรให้คุณได้
บางครั้งอาจจะทำให้เชื่อได้ว่าพระองค์จะประทานสิ่งดีให้เฉพาะคริสเตียนที่อยู่ระดับสูงเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่เรา แน่นอน แต่พระเยซูไม่ได้ตรัสว่า ‘พระบิดาผู้สถิตในสวรรค์จะประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่พวกที่อยู่ระดับสูง’ แต่พระองค์ทรงตรัสว่า ‘ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด พระบิดาผู้สถิตในสวรรค์จะประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่พวกที่ขอต่อพระองค์!’ (ข้อ13)
ส่วนที่สองของพระธรรมตอนนี้สอนให้เราแน่ใจว่า เรากำลังแสวงหาสิ่งที่ถูกต้อง ในขณะที่บางคนกำลังมองหา ‘หมายสำคัญจากท้องฟ้า’ (ข้อ 16) คนกลุ่มเดียวกันนี้อ้างถึงภูตผีปีศาจต่อสิ่งที่พระเยซูทรงทำผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ (ข้อ 15)
พระเยซูชี้ให้เห็นว่าผีไม่สามารถขับผีด้วยกันออกเหมือนที่พระองค์ทรงทำได้ (ข้อ 17–20) จากนั้นพระองค์ตรัส กับพวกเขาว่าอย่าแสวงหา ‘หมายสำคัญ’ หมายสำคัญเดียวที่เราต้องการคือหมายสำคัญของการฟื้นคืน พระชนม์ (ข้อ 29–30) นี่เป็นหมายสำคัญที่สำแดงว่าพระเยซูทรงยิ่งใหญ่กว่าทั้งโซโลมอนและโยนาห์ (ข้อ 31–32)
อย่าแสวงหาสิ่งที่ผิด อย่าล้มเลิกในการแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ และพระวิญญาณบริสุทธิ์
ข้าแต่พระเจ้า วันนี้ข้าพระองค์วิงวอนขอการเจิมด้วยความรัก พลัง และสติปัญญาที่มาจากพระวิญญาณของพระองค์
เฉลยธรรมบัญญัติ 4:15-5:33
แสวงหาการทรงสถิตของพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจ
คุณสามารถมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเจ้าได้ พระองค์ทรงตรัสกับประชาชนของพระองค์ว่า ‘ที่ได้สำแดงแก่ท่านนั้นก็เพื่อท่านตระหนัก และรับรู้เป็นการส่วนตัวว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า’ (4:35, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)
โมเสสกล่าวกับประชากรของพระเจ้าว่าพวกเขาจะกระจัดกระจายท่ามกลางชนชาติต่าง ๆ (ข้อ 27) แต่เขาได้กล่าวอีกว่า ‘แต่ ณ ที่นั่นแหละท่านทั้งหลายจะแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ถ้าท่านค้นหาพระองค์ด้วยสุดจิตและสุดใจท่านจะพบพระองค์’ (ข้อ 29)
เราเห็นการเน้นย้ำเช่นเดียวกันนี้ในความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้าในช่วงเริ่มต้นของบัญญัติสิบประการ เราอยู่ในโลกที่คิดว่าสิ่งเดียวที่สำคัญคือเราเกี่ยวข้องกับคนอื่นอย่างไร การที่เราเกี่ยวข้องกับผู้อื่นมีความ สำคัญอย่างยิ่งและอยู่ในพระบัญญัติข้อหกถึงสิบ (5:16–21) อย่างไรก็ตาม มีบางสิ่งที่สำคัญยิ่งไปกว่าการ ที่คุณเกี่ยวข้องกับผู้อื่น อันที่จริงแล้วความสัมพันธ์ของคุณกับพระเจ้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต
จากความสัมพันธ์ที่มีต่อพระเจ้านี้เองที่ควรหลั่งไหลออกมาเป็นความรักไปสู่ผู้อื่น พระเจ้าไม่ได้เป็นสิ่งเสริม เติมแต่งในชีวิตของคุณ โมเสสกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงเป็นเพลิงที่เผาผลาญ’ (4:24) พระองค์รักคุณ พระองค์ทรงเลือกคุณและต้องการอวยพรผ่านทางการทรงสถิตของพระองค์ (ข้อ 37) ทรงเป็น ‘พระเจ้าผู้ทรงพระกรุณา’ (ข้อ 31) พระองค์ทรงปลดปล่อยคุณให้เป็นอิสระจากการเป็นเชลยดั่งที่พระองค์ ทรงปลดปล่อยชาวอิสราเอล: ‘เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ผู้ได้นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์คือออกจาก แดนทาส’ (5:6)
ในบริบทนี้พระองค์ทรงตรัสให้คุณวางความสัมพันธ์ของคุณกับพระองค์ไว้เหนือสิ่งอื่นใด (บัญญัติข้อที่หนึ่งถึงข้อที่สี่, ข้อ 6–15) ลำดับความสำคัญต่อไป คือความสัมพันธ์ในครอบครัว (ข้อ 16) ตามด้วยความสัมพันธ์ของคุณกับผู้อื่น (บัญญัติข้อที่หกถึงข้อที่เก้า, ข้อ 17–20) สุดท้ายบัญญัติข้อที่สิบ กล่าวถึงความโลภในชีวิตของคุณ (ข้อ 21)
โมเสสกล่าวให้ผู้คน ‘เชื่อฟัง’ กฎเกณฑ์เหล่านี้ รวมทั้ง ‘เรียนรู้’ และ ‘ปฏิบัติตาม’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอน นี้จาก The Message โดยผู้แปล) เช่นเดียวกับ ฮอวอร์ด คาร์เตอร์ ที่เขาได้ฝ่าฟันจนสำเร็จ ให้คุณแสวงหา พระเจ้าทุกวันอย่างไม่ย่อท้อและด้วยสุดจิตสุดใจ คุณจะพบชีวิตที่บริบูรณ์และนั่นจะเปลี่ยนวิธีที่คุณรักและ รับใช้ผู้อื่น
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์แสวงหาการทรงสถิตของพระองค์ในวันนี้อย่างสุดจิตสุดใจ โปรดช่วยให้ข้าพระองค์สัมผัสกับความรักและพลังอันยิ่งใหญ่ของพระองค์เป็นการส่วนตัว เพื่อให้ข้าพระองค์ได้ยินพระบัญญัติของพระองค์ เชื่อฟัง และดำเนินชีวิตภายใต้ความโปรดปรานของพระองค์
Pippa Adds
เฉลยธรรมบัญญัติ 5:29ก
‘โอ อยากให้พวกเขามีใจเช่นนี้อยู่เสมอ คือใจที่ยำเกรงเราและรักษาบัญญัติทั้งสิ้นของเรา’
ฉันพบว่ามันง่ายที่จะกลัวสิ่งที่น่ากลัว (ซึ่งในกรณีของฉันคือกลัวความสูง งู สุนัขเห่า และคนที่ชอบใช้ความ รุนแรง) แต่ความกลัวที่ถูกต้อง (ความเคารพยำเกรง) ต่อพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพนั้นเป็นสิ่งที่ดี ฉันจำเป็น ต้องยำเกรงพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ของเราให้มากขึ้นเพื่อที่จะนำทุกสิ่งทุกอย่างให้อยู่ในท่าทีที่ถูกต้อง ฉันชอบประโยค ต่อไปของพระธรรมข้อนี้: ‘เพื่อจะเป็นการดีต่อพวกเขาตลอดชั่วลูกหลานของเขาเป็นนิตย์!’ (ข้อ 29ข)
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)ဤအစီအစဥ္အေၾကာင္း

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
စပ္ဆိုင္ေသာ အစီအစဥ္မ်ား

BibleProject | တမန်တော်ပေါလုအကြောင်းလေ့လာချက်

ဉာဏ်အရာ၌ အသက်ကြီးသောသူ ဖြစ်ကြလော့

ဆာလံကျမ်း ၁၁၉ အရ၊ နှုတ်ကပတ်တော်တရား

ဖတ်သောအရာကို နားလည်ပါသလား

ယေရှု၏ ဘုရားဇာတိတော်ကို အတည်ပြုသောအကြောင်း (၅) ရပ်

BibleProject | ယေရှုနှင့် လူသားမျိုးနွယ်သစ်

ဝိညာဥ်ကြီးထွားခြင်းကို တည်ဆောက်ပေးသော အလေ့အကျင့် (၇)ခု

BibleProject | ကားစင်တင်ခြင်းခံဘုရင်

BibleProject | ဘုရားသခင်၏ထာဝရမေတ္တာ
