พระคริสต์ ยิ่งใหญ่กว่า โคโรนาตัวอย่าง

พรข้อที่ 3: สอนให้ครอบครัวเราเป็นสาวกผู้ติดตาม

เวลาที่ผ่านมาจนถึงวันที่วันที่ไวรัสโคโรนาเริ่มระบาด ผมจำไม่ได้ว่าในอาทิตย์หนึ่งเรากินอาหารเช้า กลางวัน เย็นด้วยกันกี่ครั้ง และผมก็จำไม่ได้ว่าผมได้มีเวลาเรียนพระคำภีร์เจ็ดวันรวดร่วมกับครอบครัวครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แต่โคโรนาทำให้มันเปลี่ยนไป ขอบคุณนะโคโรนา!

หลายสิบปีที่ผ่านมา บาทหลวงและเหล่าผู้นำกลุ่มเยาชนได้อธิษฐานขอให้เหล่าพ่อแม่ทั้งหลายโอบรับภารกิจพระเจ้าประทานให้ เป็นวิธีหลักที่พระวิญญาณบริสุทธิ์จะนำคนรุ่นต่อไปมาหาพระเยซู นักบุญพอล (เปาโล) เขียนไว้ว่า “ส่วนท่านทั้งหลายที่เป็นบิดา อย่ายั่วยุบุตรของท่านให้เกิดโทสะ แต่จงเลี้ยงดูพวกเขาด้วยการสั่งสอนและการเตือนสติตามหลักของพระเจ้า” (เอเฟซัส 6:4)

กับตารางงานที่ยุ่งเหยิงของเราที่แทบจะไม่เกิดขึ้นเลย กับการแข่งกีฬาทัวร์นาเมนต์สุดสัปดาห์ การทำงานจนดึกดื่นที่ออฟฟิศ และงานเข้าสังคมอีกมายมายที่มากเกินไป แล้วเราหวังว่าคำเทศนาในวันอาทิตย์เพียงไม่กี่ครั้ง กับการเรียนรู้เกี่ยวกับศาสนาจากกระทรวงกลุ่มเด็กเยาวชนเพียงแค่สองปีจะทำให้ลูกหลานของคุณเชื่อในศาสนา น่าเศร้าหน่อยนะ เพราะในอดีตที่ผ่านมามันแสดงให้เห็นว่ามันทำแบบนั้นไม่ได้ ทางลัดทั้งหลายไม่สามารถลัดหนทางไปสู่แผ่นดินของพระเจ้าได้

จนวันที่โคโรนามาถึง กิจกรรมต่าง ๆ ที่เราทำในแต่ละปีถูกยกเลิก ความผูกพันทางสังคมถูกตัดออก ชีวิตเดินช้าลง กิจกรรมนมัสการพระเจ้าถูกหยุดไว้ และกิจกรรมทั้งหมดของกระทรวงเด็กเยาวชนก็ต้องระงับ คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าพระเจ้ากำลังบังคับพ่อเราและกำลังทำให้แม่ของเราก้าวขึ้นมาและคิดถึงอนาคตที่เป็นนิรันดร์ของลูก ๆ อันเป็นที่รักของพวกเขาหรือไม่

ถ้าวันนี้ชีวิตของคุณเหมือนของผม ในตารางของคุณมีเวลาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งหรือสองชั่วโมง ใช้เวลาดังกล่าวเพื่อ “เริ่มด้วยการทำให้เด็ก ๆ ได้เดินบนทางที่ควรจะเดิน” (สุภาษิต 22: 6) หากคุณไม่ใช่ผู้ปกครองโปรดแชร์ข้อความนี้กับผู้ปกครองที่คุณรู้จัก ก่อนที่ชีวิตจะเดินเร็วขึ้นอีกครั้ง เรามาเตือนกันว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าผู้คนที่รักพระเจ้าด้วยความสุดใจของพวกเขา

หากพระเยซูใช้การแพร่ระบาดไปทั่วโลกเพื่อส่งต่อความเชื่อไปยังคนรุ่นต่อไป ทุกอย่างจะคุ้มค่า มันจะพิสูจน์อีกครั้งว่าพระคริสต์ ยิ่งใหญ่กว่า โคโรนา