YouVersion လိုဂို
ရွာရန္ အိုင္ကြန္

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลနမူနာ

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

365 ၏ ေန႔ 26

เหตุใดพระเจ้าจึงอนุญาตให้เกิดความทุกข์ยาก

เด็กชายวัย 1 ขวบหลังหักจากการตกบันได เขาเลยต้องใช้ชีวิตเข้าออกโรงพยาบาลตั้งแต่เด็กจนเป็นหนุ่ม กาวิน รีด อดีตบิชอปแห่งเมดสโตน สัมภาษณ์เขาในคริสตจักร เด็กหนุ่มเอ่ยว่า ‘พระเจ้าทรงยุติธรรม’ กาวินถามต่อว่า ‘คุณอายุเท่าไหร่?’ เด็กหนุ่มตอบว่าม ‘สิบเจ็ดครับ’ ‘คุณนอนโรงพยาบาลกี่ปี?’ เด็กชายตอบว่า ‘สิบสามปีครับ’ กาวินถามอีกว่า ‘คุณคิดว่านั่นยุติธรรมหรือไม่?’ เขาตอบว่า ‘พระเจ้ามีเวลาอีกไม่จำกัดในชีวิตนิรันดร์ ที่จะชดเชยให้กับผม’ เราอยู่ในโลกที่ได้รับการตอบสนองความต้องการอย่างทันท่วงที ทำให้สูญเสียมุมมองชีวิตนิรันดร์ไปเกือบทั้งหมด ในพันธสัญญาใหม่นั้นเต็มไปด้วยพระสัญญาเกี่ยวกับอนาคต สรรพสิ่งทั้งปวงจะได้รับการฟื้นฟู พระเยซูจะกลับมาสร้าง ‘ฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่’ (วิวรณ์ 21:1) จะไม่มีการร้องไห้อีกต่อไปและความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานจะไม่มีอีกต่อไป เนื้อหนังที่อ่อนแอและเน่าเปื่อยของเราจะถูกเปลี่ยนใหม่เป็นกายที่เปล่งประกายดั่งพระเยซูคริสต์ ความทุกข์ยากไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการทรงสร้างแต่แรกเริ่ม (ดู ปฐมกาล 1-2) ไม่มีความทุกข์ใดในโลกที่เกิดขึ้นก่อนการกบฏต่อองค์พระผู้เป็นพระเจ้า จะไม่มีความทุกข์โศกเกิดขึ้นเมื่อพระเจ้าสร้างฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ (วิวรณ์ 21:3–4) ดังนั้นความทุกข์จึงถือเป็นผู้บุกรุกเข้ามาในโลกของพระเจ้า แน่นอนว่านี่ไม่ใช่คำตอบที่สมบูรณ์สำหรับคำถามที่ว่า ‘เหตุใดพระเจ้าจึงอนุญาตให้เกิดความทุกข์ยาก?’ อย่างที่เราได้เห็นเมื่อวานนี้ ไม่มีวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายหรือสมบูรณ์แบบ พระธรรมแต่ละตอนในวันนี้จะให้ความเข้าใจที่เพิ่มมากขึ้นแก่เรา

สดุดี 16:1-11

มองความทุกข์ยากของชีวิตนี้ผ่านบริบทของความเป็นนิรันดร์

พระธรรมสดุดีบางตอนในวันนี้เป็นหนึ่งในพระคัมภีร์เดิมที่เล็งถึงความหวังเกี่ยวกับความเป็นนิรันดร์แห่งการทรงสถิตของพระผู้เป็นเจ้า ดาวิดเขียนไว้ว่า ‘เพราะพระองค์มิได้ทรงมอบข้าพระองค์ไว้กับแดนคนตาย หรือให้ผู้จงรักภักดีของพระองค์ต้องเห็นหลุมมรณะนั้น พระองค์ทรงสำแดงวิถีแห่งชีวิตแก่ข้าพระองค์ ต่อพระพักตร์พระองค์มีความยินดีเปี่ยมล้นในพระหัตถ์ขวาของพระองค์มีความเพลิดเพลินอยู่เป็นนิตย์’ (ข้อ 10–11)

นี่คือความหวังในอนาคตของเรา พระคำเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู ได้กล่าวถึงไว้ล่วงหน้าแล้วในพระคัมภีร์ (ดูกิจการ 2:25–28) ชีวิตนี้ไม่ใช่จุดจบ คุณสามารถรอคอยความเป็นนิรัดร์กาลแห่งการทรงสถิตของพระผู้เป็นเจ้าที่เต็มไปด้วยความชื่นชนยินดีและความสุขนิจนิรันดร์ ‘ข้าพเจ้าเห็นว่าความทุกข์ลำบากแห่งสมัยปัจจุบัน ไม่ควรจะเอาไปเปรียบกับศักดิ์ศรีซึ่งจะเผยให้แก่เราในอนาคต’ (โรม 8:18)

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณที่ในพระคริสต์ ข้าพระองค์สามารถตั้งตารอคอยการฟื้นฟูกายใหม่ และความเป็นนิรันดร์แห่งการทรงสถิตของพระองค์ที่เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี และความสุขนิจนิรันดร์หาที่เปรียบมิได้

มัทธิว 18:10-35

เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างอิสระภาพและความทุกข์ยากของมนุษย์

พระเจ้ารักคุณ ความรักไม่ใช่การถูกบังคับ แต่จะเป็นความรักได้ก็ต่อเมื่อมีทางเลือกที่แท้จริง พระเจ้ามอบทางเลือกและอิสระให้มนุษย์ที่จะรักหรือไม่รัก ความทุกข์ทรมานมากมาย เกิดจากการที่เราเลือกที่จะไม่รักพระเจ้าหรือผู้อื่น ดังนั้น ‘ผู้ที่หันหาพระอื่น ความทุกข์โศกของเขาก็ทวีขึ้น’ (สดุดี 16:4)

อย่างไรก็ตามพระเยซูทรงแสดงความไม่เชื่อมโยงกันระหว่างความบาปและความทุกข์ทรมาน (ยอห์น 9:1–3) พระองค์ชี้ให้เห็นว่าภัยพิบัติต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นการลงโทษจากพระเจ้าเสมอไป (ลูกา 13:1–5) แต่ความทุกข์บางอย่างเป็นผลโดยตรงจากบาปของเราเองหรือบาปของผู้อื่น ในพระธรรมตอนนี้เราจะพบสามตัวอย่าง:

1. หลงหาย

พระเยซูตรัสเกี่ยวกับแกะที่ ‘หลงหาย' (มัทธิว 18:12)

เมื่อเราออกห่างจากการเลี้ยงดูขององค์พระผู้เลี้ยง เราจะล้มลงในบาป แต่พระเจ้าไม่มีวันหยุดที่จะตามหาเรา เพราะพระองค์ ‘ไม่ทรงปรารถนาให้ผู้เล็กน้อยเหล่านี้สักคนหนึ่งพินาศไปเลย’ (ข้อ 14)

2. บาปของผู้อื่น

พระเยซูตรัสว่า ‘หากพี่น้องของท่านคนหนึ่งทำผิดต่อท่าน’ (ข้อ 15) ความทุกข์ยากมากมายบนโลกนี้ ทั้งในระดับโลกและระดับชุมชน และในแต่ละบุคคลนั้น เป็นผลมาจากบาปของผู้คนต่าง ๆ ในพระธรรมตอนนี้พระเยซูทรงกำหนดแนวทางการคืนดีให้กับเรา

พระองค์เรียกสาวกให้อภัยบาปต่อผู้อื่นอย่างนับไม่ถ้วน พระเยซูตรัสว่า เมื่อผู้คนทำบาปต่อเรา เราต้องให้อภัยพวกเขาไม่ใช่แค่เจ็ดครั้ง แต่เป็นเจ็ดสิบเจ็ดครั้ง (ข้อ 21–22)

การให้อภัยไม่ใช่เรื่องง่าย ไม้กางเขนเป็นเครื่องเตือนเราว่าต้องจ่ายราคาและปวดร้าวมากเพียงใด การให้อภัยไม่ได้หมายถึงการยอมรับในสิ่งที่อีกฝ่ายทำ ในคำแก้ตัว หรือปฏิเสธมัน หรือแสร้งทำเป็นว่าคุณไม่เจ็บปวด แต่คือการคุณตระหนักถึงสิ่งที่อีกฝ่ายทำและยังถูกเรียกให้คุณให้อภัย ให้คุณละทิ้งความอาฆาตพยาบาท การจองล้างจองผลาญ และการแก้แค้นในความสัมพันธ์ของคุณ และแสดงความเมตตา และความกรุณาต่อคนที่ทำร้ายคุณ

3. การไม่ให้อภัย

บางครั้งการให้อภัยอาจเป็นเรื่องที่ยากมาก ดังที่ ซี.เอส. ลูอิส เขียนไว้ว่า ‘ทุกคนคิดว่าการให้อภัยเป็นความคิดที่ดี จนกระทั้งพวกเขาจะมีบางอย่างที่ต้องให้อภัย’

ในคำอุปมาตอนท้ายเราสามารถเห็นความพินาศของการไม่ให้อภัย การที่ทาสคนแรกที่ไม่ยอมยกหนี้ให้เพื่อน ทั้งที่เป็นจำนวนซึ่งเล็กน้อยกว่าหนี้ของตัวเขาเองมาก ถ้าจะให้คิดเป็นค่าจ้างของคนทั่วไปก็คงเป็นเงินราว ๆ สามเดือนครึ่ง เทียบกับ 160,000 ปี นั่นทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับทาสคนอื่น ๆ พังลง และเป็นเหตุให้ทาสคนที่สองต้องถูกโยนเข้าไปในคุก บ่อยครั้งที่การไม่ให้อภัยทำลายความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน และส่งผลให้พวกเขาทำร้ายคนที่คิดว่าทำบาปต่อกัน เราได้เห็นผลลัพธ์นี้ในชีวิตคู่ที่พังทลายลง ความสัมพันธ์ที่แตกสลาย หรือในความขัดแย้งกันในสังคมต่าง ๆ

เราไม่อาจทำให้ตัวเองได้รับการอภัยได้ แต่พระเยซูทรงทำสำเร็จเพื่อเราบนไม้กางเขนแล้ว แต่การเต็มใจที่จะให้อภัยเป็นหลักฐานว่าเรารู้จักกับการให้อภัยของพระเจ้า จงให้โอกาสผู้อื่นให้ได้รับการให้อภัย เพราะเราทุกคนล้วนได้รับการให้อภัยจากพระเจ้าอย่างเหลือล้น จนเราสมควรต้องให้อภัยความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านั้นที่ผู้อื่นได้ทำกับเรา

ผมรู้สึกขอบคุณพระเจ้า ที่พระองค์ไม่ได้จำกัดว่าจะให้อภัยผมบ่อยเพียงใด แต่เมื่อผมมองผู้อื่น ผมกลับมีแนวโน้มที่จะคิดว่า ‘ผมยินดีที่จะให้อภัยหนึ่งครั้งหรือสองครั้ง แต่ถ้าพวกเขาทำแบบนี้อีก ผมก็ไม่คาดหวังที่จะให้อภัยพวกเขาต่อไปอีก’

ให้เราปลูกฝังทัศนคติต่อผู้อื่นในใจของคุณเช่นเดียวกับที่พระเจ้ามีต่อคุณ

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ใช้เสรีภาพที่มีในการรัก ค้นหาผู้ที่หลงหาย และมีความเมตตา โปรดช่วยข้าพระองค์ไม่ให้ก่อความทุกข์ยาก แต่ให้ยอมที่จะอุทิศชีวิต โดยมีพระเยซูคริสต์เป็นแบบอย่าง ในการช่วยเหลือผู้ที่ทุกข์ยาก

โยบ 1:1-3:26

ตอบสนองความทุกข์ด้วยความเมตตาอยู่เสมอ

ในพระธรรมโยบเป็นเนื้อหาเกี่ยวข้องความทุกยาก โดยหลักแล้วคำถามคือ ‘เราควรตอบสนองต่อความทุกข์อย่างไร?’

บางทีเราอาจเห็นคำใบ้เกี่ยวกับที่มาของความทุกข์ เมื่อทูตสวรรค์มารวมตัวกันต่อหน้าพระเจ้า ‘ซาตานได้มาในหมู่เขาด้วย’ (1:6) มันเคย ‘จากไป ๆ มา ๆ บนแผ่นดินโลก’ (ข้อ 7) เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของซาตาน คือสร้างความทุกข์ทรมานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

เป็นที่ปรากฏชัดว่าซาตานคือทูตสวรรค์ที่ตกลงมา ดูเหมือนว่าก่อนที่พระเจ้าจะสร้างมนุษย์ พระองค์ได้สร้างชีวิตที่มีอิสระ มีจินตนาการและชาญฉลาดอื่น ๆ ไว้ และเกิดการกบฏภายในอาณาจักรแห่งจิตวิญญาณนี้ก่อนที่มนุษย์จะถือกำเนิดขึ้นด้วยซ้ำ

ความทุกข์ทรมานมากมายสามารถอธิบายได้ว่าเป็นผลมาจากการที่เราอาศัยอยู่ในโลกที่ล่มสลายนี้ ซึ่งเป็นโลกที่สรรพสิ่งทั้งหมดได้รับผลกระทบ ไม่เพียงแต่จากบาปของมนุษย์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงบาปของซาตานก่อนหน้านั้นด้วย งูมีอยู่ก่อนอาดัมและเอวาจะทำบาป และผลที่มาจากบาปของอาดัมและเอวา ‘ต้นไม้และพืชที่มีหนาม’ จึงเข้ามาในโลก (ปฐมกาล 3:18) นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ‘สรรพสิ่งเหล่านั้นต้องเข้าอยู่ในอำนาจของอนิจจัง’ (โรม 8:20) รวมถึงภัย ‘ธรรมชาติ’ ก็เป็นผลมาจากความวุ่นวายนี้

ซาตานได้รับอนุญาตให้นำโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่หลายอย่างเข้ามาในชีวิตของชายคนหนึ่งที่ไร้ตำหนิ และชอบธรรมเป็นผู้ยำเกรงพระเจ้าและหันจากความชั่วร้าย (โยบ 1:1) โยบเผชิญกับความสูญเสียทรัพท์สินเงินทองและวัตถุ (ข้อ 13–17) ชีวิตครอบครัว (ข้อ 18–19) สุขภาพส่วนตัว (2:1–10) และรวมถึงการสนับสนุนจากเพื่อน ๆ

เมื่อเราเผชิญกับความทุกข์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ การต่อว่าพระเจ้าอาจเป็นเรื่องง่ายมาก แม้ว่าโยบไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงทุกข์ทรมาน แต่เขาก็ตอบสนองโดยการไว้วางใจ และนมัสการพระเจ้าต่อไปเช่นเดียวกับตอนที่เขาประสบความสำเร็จ (1:21,2:10) ผู้เขียนบอกเราด้วยความชื่นชมว่า ‘ในเหตุการณ์นี้ทั้งสิ้น โยบไม่ได้ทำบาปด้วยริมฝีปากของตน’ (ข้อ 10ข) เขายังคงสัตย์ซื่อในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุดนี้

ในตอนแรกเพื่อนของโยบตอบสนองในทางที่ถูกต้อง ‘ไม่มีใครพูดกับท่านสักคำ เพราะเห็นว่าความทุกข์ระทมของท่านนั้นใหญ่ยิ่งนัก' (ข้อ 13) เมื่อเผชิญกับความทุกข์ทรมานที่หนักหนาสาหัส ความพยายามที่จะหาเหตุผลเข้าข้างตนเองสามารถยับยั้งได้ โดยการโอบกอดกันไว้ซึ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้ และ ‘ร้องไห้กับผู้ที่ร้องไห้’ (โรม 12:15) ให้เราร่วมทุกร่วมสุขให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ในท้ายที่สุดพระเจ้าก็ให้โยบกลับสู่สภาพดี และทวีคูณให้เขาเป็นสองเท่าของที่มีมาก่อน ตอนนี้เรารู้แล้วว่าในพระเยซู พระเจ้าทรงประทานสิ่งที่มากกว่าการชดเชยต่อความเจ็บปวดทั้งหมดของเราในชีวิตนี้ ได้อย่างไม่มีจำกัด

ข้าแต่พระเจ้า เมื่อข้าพระองค์ได้เจอกับความทุกข์ยาก โปรดช่วยข้าพระองค์แสดงความเห็นอกเห็นใจ และร้องไห้กับผู้ที่ร้องไห้

Pippa Adds

สดุดี 16:7

‘ตอนกลางคืนจิตใจของข้าพเจ้าเตือนสอนข้าพเจ้า’

หลายอย่างมักเข้ามาในความคิดหรือความกังวลในช่วงเวลากลางดึก เมื่อเราเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นเป็นคำอธิษฐาน พระเจ้าสามารถตรัสกับเรา ชี้แนะเรา และร่างกายของเราก็จะสามารถเข้าสู่การ 'หยุดพักอยู่อย่างปลอดภัย' (ข้อ 9)

References

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

ဤအစီအစဥ္အေၾကာင္း

พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบล

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!

More