พระคัมภีร์ในหนึ่งปี 2023 พร้อมด้วยคำอธิบายจาก นิคกี้และพิพพา กัมเบลഉദാഹരണം

พระพรสองชั้นของคุณ
ผมชอบคำว่า ‘ความเมตตา’ ผมรู้สึกทราบซึ้งใจที่พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าแห่งความเมตตา วิลเลียม เชกสเปียร์ได้จับเอาความมหัศจรรย์ของพระเมตตาในสุนทรพจน์ของปอร์เชียใน *เวนิสวาณิช* ที่ว่า |‘อันความกรุณาปรานี |จะมีใครบังคับก็หาไม่ |หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ |จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน |เป็น*สิ่งดีสองชั้น* พลันปลื้มใจ |แห่งผู้ให้และผู้รับสมถวิล’ ||-องก์ที่ 1 ฉากที่สี่ คุณได้รับพระพรเมื่อคุณได้รับความเมตตา และคุณได้รับพระพรเมื่อคุณเมตตาต่อผู้อื่นสดุดี 6:1-10
วิงวอนขอพระเมตตา
มีบางช่วงเวลาในชีวิตที่คุณต้องเผชิญกับการดิ้นรนและดูเหมือนไม่มีอะไรดีขึ้นบ้างไหม คุณเคยรู้สึก ‘อ่อนระโหยโรยแรง’ (ข้อ 2), ‘ทุกข์ยากลำบาก’ (ข้อ 3), ‘อ่อนเปลี้ย' (ข้อ 6), ‘คร่ำครวญ’ (ข้อ 6), ‘ชุ่มโชก’ (ข้อ 6), ไปด้วย ‘น้ำตา’ (ข้อ 6) และ ‘ร่วงโรยไปด้วยความระทม’ (ข้อ 7) บ้างไหม?
บางครั้งสิ่งนี้อาจเป็นผลมาจากบาปของเราเอง และบางครั้งอาจเกิดจากการสูญเสียคนใกล้ชิด การสูญสิ้นอย่างกะทันหัน ความสัมพันธ์ที่มีปัญหา ครอบครัวแตกแยก ความเจ็บป่วย ปัญหาในการทำงาน การว่างงานหรือการโจมตี
ดาวิดก็ประสบกับช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นกัน แต่ในท่ามกลางปัญหาเขาร้องทูลขอความเมตตาต่อพระเจ้าว่า ‘ขอทรงพระกรุณาแก่ข้าพระองค์’ (ข้อ 2) เขาตระหนักว่าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าแห่งความเมตตา และได้อธิษฐานว่า ‘ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ เพราะเห็นแก่ความรักมั่นคงและพระเมตตาของพระองค์’ (ข้อ 4 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)
บางครั้งดูเหมือนว่าความยากลำบากของเราจะไม่มีวันสิ้นสุด และดูจะดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ เมื่อเราอยู่ในฤดูกาลแห่งการต่อสู้เราจะร้องทูลออกมากเหมือนดาวิดว่า ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์ อีกนานสักเท่าใด’ (ข้อ 3) เราร้องทูลต่อพระเมตตาและดูเหมือนว่าพระเจ้าจะไม่สดับฟัง แต่จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงฟังเรา นั่นจะนำมาสู่จุดที่เราสามารถร้องทูลร่วมกับดาวิดว่า ‘เพราะพระยาห์เวห์ทรงสดับเสียงร้องไห้ของข้าแล้ว พระยาห์เวห์ทรงสดับคำวิงวอนของข้า’ (ข้อ 8–9)
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์สำหรับ ‘ความรักมั่นคงของพระองค์’ (ข้อ 4) และพระเมตตา ขอบคุณที่ทรงสดับฟังเสียงร้องทูลของข้าพระองค์และตอบคำอธิษฐาน โอ ข้าแต่พระเจ้าขอโปรดทรงเมตตาข้าพระองค์
มัทธิว 5:43-6:24
มีใจเมตตาต่อผู้อื่น
การมีเมตตาต่อผู้อื่นเป็นหัวใจสำคัญในคำสอนของพระเยซู ‘แต่เราบอกพวกท่านว่า จงรักศัตรูของท่าน และจงอธิษฐานเพื่อบรรดาคนที่ข่มเหงพวกท่าน เพื่อว่าพวกท่านจะเป็นบุตรของพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์’ (5:44–45ก) ความรักเป็นมากกว่าการแสดงความเมตตา แต่ความเมตตาเป็นส่วนสำคัญของความรัก
พระเยซูให้เหตุผลสามประการในพระธรรมตอนนี้ว่าเหตุใดคุณควรเมตตาต่อผู้ที่ทำผิดต่อคุณ
-
การมีเมตตาต่อศัตรูคือการเลียนแบบพระบิดาบนสวรรค์ ดังที่พระวจนะกล่าวว่า ‘เพื่อว่าพวกท่านจะเป็นบุตรของพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์’ (ข้อ 45ก) พระเมตตาของพระเจ้ายังได้แผ่ขยายไปถึงผู้ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อพระองค์ด้วย ‘เพราะว่าพระองค์ทรงให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ขึ้นส่องสว่างแก่คนดีและคนชั่วเสมอกัน และให้ฝนตกแก่คนชอบธรรมและคนอธรรม’ (ข้อ 45ข)
-
การมีความเมตตาเป็นสิ่งที่ดึงคุณออกมาจากโลกใบนี้ ‘เพราะว่าถ้าพวกท่านรักคนที่รักท่าน พวกท่านจะได้บำเหน็จอะไร? พวกคนเก็บภาษีก็ทำอย่างนั้นไม่ใช่หรือ?’ (ข้อ 46) เรามักจะรักคนที่เหมือนเราหรือคนที่เราชอบเท่านั้น แต่คุณถูกเรียกให้แตกต่าง คุณถูกเรียกในสิ่งที่ ดีทริค บอนเฮอร์เฟอร์ เรียกว่า ‘“คนพิเศษ"... เป็นจุดเด่นของคริสเตียน’
-
มีความเชื่อมโยงกันระหว่างการให้อภัยและการได้รับการให้อภัย เราไม่สามารถรับพระเมตตาของพระเจ้าแต่ไม่แสดงความเมตตาต่อผู้อื่นได้ เราไม่ได้รับการให้อภัยโดยการให้อภัยผู้อื่น แต่พระเยซูตรัสว่าการให้อภัยผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญในการรับการให้อภัยจากพระเจ้า ‘พระบิดาของท่านจะไม่ทรงโปรดยกความผิดของท่าน ถ้าท่านไม่ยกความผิดของเพื่อนมนุษย์ หากคุณปฏิเสธที่จะทำในส่วนของท่าน ท่านก็ตัดตัวเองออกจากส่วนของพระเจ้า’ (6:14ข–15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ในทุก ๆ วัน ให้เรารับพระเมตตาและการให้อภัยและให้เรามอบความเมตตาและให้อภัยผู้อื่นด้วยเช่นกัน
พระเยซูทรงอธิบายวิธีการแสดงความเมตตาออกมาในทุกสิ่งที่ทำ พระองค์ทรงเน้นถึงความสำคัญของการอธิษฐาน ทรงตรัสว่า ‘จงอธิษฐานเพื่อบรรดาคนที่ข่มเหงพวกท่าน’ (5:44) การอธิษฐานเผื่อศัตรูช่วยให้คุณมองเห็นพวกเขาเหมือนที่พระเจ้ามองเห็น ในคำอธิษฐาน คุณจะได้ยืนเคียงข้างพวกเขา รับความรู้สึกผิดและความทุกข์ใจของพวกเขาและวิงวอนต่อพระเจ้าเพื่อพวกเขา การอธิษฐานเป็นการทดสอบกรดแห่งความรัก การเข้าถึงความสว่างแห่งการทรงสถิตของพระเจ้าก็จะเผยให้เห็นความรู้สึกที่แท้จริงในส่วนลึกของจิตใจของเรา
แก่นของความเมตตาเป็นหัวใจสำคัญของคำอธิษฐานต่อพระเจ้าด้วยเช่นกัน ‘ขอทรงยกบาปผิดของพวกข้าพระองค์ เหมือนพวกข้าพระองค์ยกโทษบรรดาคนที่ทำผิดต่อข้าพระองค์’ (6:12) (แน่นอนว่าคำอธิษฐานนี้แฝงด้วยพระเมตตาอย่างล้นหลามซึ่งเราจะดูในภายหลังในข่าวประเสริฐอื่น ๆ)
เมื่อเราอธิษฐานพระเยซูทรงสอนให้เรา:
* อธิษฐานอย่างเงียบๆ
|‘หาที่สงบเงียบ จงเข้าในห้องชั้นในเพื่อท่านจะไม่ถูกทดลองต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า’ (ข้อ 6ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
อธิษฐานอย่างจริงใจ
|‘อธิษฐานอยู่ที่นั่นอย่างเรียบง่ายและจริงใจอย่างสุดกำลัง’ (ข้อ 6ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
อธิษฐานอย่างเรียบง่าย
|‘โดยพระองค์ผู้ทรงรักท่าน จงอธิษฐานอย่างเรียบง่าย’ (ข้อ 9ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ประการสุดท้าย ความเมตตาควรเป็นหัวใจของการให้ ความเอื้ออาทรเป็นรูปแบบหนึ่งของการมีเมตตากรุณาต่อผู้อื่น ‘เมื่อทำทาน อย่าไห้มือซ้ายรู้การซึ่งมือขวากระทำ กระทำอย่างเงียบ ๆ สงบเสงี่ยม และพระบิดาผู้คลอดเจ้าด้วยความรัก ทอดพระเนตรเห็นในที่ลี้ลับ จะประทานการช่วยเหลือเจ้า’ (ข้อ3–4 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ทุกครั้งที่ผมอ่านคำเทศนาบนภูเขา ผมได้เห็นตัวเองว่าอ่อนแอลงไปแค่ไหนและผมก็ตระหนักดีถึงความต้องการพระเมตตา
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์สำหรับพระเมตตาคุณต่อข้าพระองค์ ขอบคุณสำหรับการยกโทษบาป โปรดช่วยข้าพระองค์ที่จะเมตตาผู้อื่นต่อ
ปฐมกาล 14:1-16:16
รับเอาพระเมตตาคุณจากพระเจ้า
ข้อพระธรรมสำคัญสองข้อในการอ่านพระคัมภีร์เดิมสำหรับวันนี้ชี้ให้เห็นถึงวิธีที่พระเจ้าทรงสำแดงพระเมตตากรุณา
1. รับเอาพระเมตตาจากพระเจ้าผ่านทางพระเยซู
|เรื่องราวเริ่มต้นด้วยสิ่งที่ดูเหมือนจะแปลกและไม่เชื่อมโยงเกี่ยวกับกษัตริย์สี่องค์ที่รบชนะกษัตริย์อีกห้าองค์ จากนั้นเรื่องราวได้โยงมาสู่โลท หลานชายของอับราฮัมที่ถูกกษัตริย์ทั้งสี่จับตัวไป (14:12) และได้รับการช่วยเหลือผ่านทางอับราฮัม (ข้อ 16) หลังจากนั้นอับราฮัมกลับมาจากการรบชนะอย่างอัศจรรย์และได้รับพรจากเมลคีเซเดค (ข้อ 18–20)
|สิ่งนี้ได้ถูกอธิบายไว้ในพันธสัญญาใหม่โดยผู้เขียนหนังสือฮีบรู (ฮีบรู บทที่ 7) ว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้โดยเล็งไปที่พระเยซู เนื่องจากเมลคีเซเดคผู้อยู่ในฐานะปุโรหิตของพระเจ้าสูงสุดและเหนือว่าปุโรหิตชาวเลวีทั้งปวง (ชาวเลวีในฐานะปุโรหิต) อับราฮัมซึ่งเป็นบรรพบุรุษของตระกูลเลวี (ที่อยู่ใน ‘สายเลือดของบรรพบุรุษ’) ได้ถวายสิบลดให้เมลคีเซเดค (ปฐมกาล 14:20) กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือชาวเลวีต่างยอมรับในความเหนือกว่าของเมลคีเซเดค
|เมลคีเซเดคเป็นภาพสะท้อนถึงพระเยซูมหาปุโรหิต การเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ของพระเยซูบนไม้กางเขนส่งผลให้บาปทั้งหมดของเราได้รับการอภัยอย่างสมบูรณ์ นี่เองเป็นสิ่งที่ทำให้ฐานะปุโรหิตและการถวายเครื่องเผาบูชาสิ้นสุดลง
|‘ขนมปังกับเหล้าองุ่น’ (ข้อ 18) เป็นภาพสะท้องถึงขนมปังและเหล้าองุ่นในพิธีมหาสนิท ที่ได้เล็งไปถึงการเสียสละอันสมบูรณ์แบบของพระเยซูที่ร่างกายของพระองค์แตกสลายและพระโลหิตก็หลั่งออกมาเพื่อให้คุณและผมได้รับการอภัยอย่างสมบูรณ์และได้รับพระเมตตาจากพระเจ้า
2. รับเอาพระเมตตาจากพระเจ้าด้วยความเชื่อ
|จากนั้นเรื่องราวจะนำไปสู่พระสัญญาของพระเจ้าที่มีต่ออับราฮัมที่ทรงประทานลูกหลานให้พวกเขาจำนวนมากมายเกินจะนับได้แม้ว่าเขาและนางซารายจะแก่ชราและไม่มีบุตรก็ตาม ‘อับรามก็เชื่อพระยาห์เวห์ ความเชื่อนั้นพระองค์ทรงถือว่าเป็นความชอบธรรมแก่ท่าน’ (15: 6)
|คุณไม่เพียงแต่ได้รับการอภัยเท่านั้น แต่โดยพระเมตตาขององค์พระเจ้ายังประกาศให้คุณเป็น ‘เป็นผู้ชอบธรรม’ (ข้อ 6 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่มักอ้างอิงถึงพระธรรมตอนนี้เพราะได้แสดงให้เห็นว่าความเมตตา การให้อภัยและความชอบธรรมนั้นได้เกิดจากความเชื่อในพระเจ้า (ดูตัวอย่างโรม 4:1–5 กาลาเทีย 3:6)
เป็นที่หนุนจิตชูใจเราอย่างมาที่ได้มีการจดชื่อของอับราฮัมในหนังสือฮีบรูในพันธสัญญาใหม่โดยขนานนามว่าเป็นดั่งบิดาแห่งความเชื่อ รวมถึงพระธรรมของวันนี้ด้วย เราจะเห็นว่าความเชื่อของเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่นิด
เมื่อคำอธิษฐานเรื่องบุตรดูเหมือนจะไม่ได้รับคำตอบ อับราฮัมและนางซารายเลยวางแผนที่จะทำให้พระสัญญาของพระเจ้าสำเร็จโดยแผนการของมนุษย์ (ปฐมกาล 16:1–2) พวกเขายอมให้อับราฮัมเข้าหากับฮาการ์สาวใช้และตั้งครรภ์อิชมาเอลในเวลาต่อมา (ข้อ 2-4) บาปหนึ่งนำไปสู่อีกบาปหนึ่ง นางซารายปฏิบัติต่อฮาการ์อย่างเคี่ยวเข็ญ (ข้อ 5–6)
นี่เป็นครั้งแรกที่พระเจ้าถูกเรียกว่า เอล โรอี พระเจ้าผู้ทรงเห็นข้าพเจ้า (16:13) เป็นเรื่องง่ายที่จะรู้สึกว่าคุณถูกลืมโดยพระเจ้าโดยเฉพาะในช่วงเวลาที่คุณรู้สึกว่าถูกปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมเช่นเดียวกับนางฮาการ์ แต่จงรู้ไว้ว่าองค์พระเจ้าคือ ‘พระเจ้าผู้ทรงเห็น’ พระองค์สามารถช่วยคุณให้ดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่ตามหาคุณท่ามกลางถิ่นทุรกันดารและทรงมองเห็นคุณ
พระเจ้าผู้มองเห็นเป็นพระเจ้าแห่งความเมตตา ในพันธสัญญาใหม่ชี้ให้เห็นว่าพระเจ้ามองข้ามความบาปของซารายและอับราฮัมแต่จดจำเฉพาะความเชื่อของพวกเขาเท่านั้น
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์สำหรับพระเมตตาอันน่าอัศจรรย์ของพระองค์ผ่านการเสียสละอันสมบูรณ์แบบของพระเยซูมหาปุโรหิตผู้ยิ่งใหญ่ที่สิ้นพระชนม์เพื่อข้าพระองค์ และที่ข้าพระองค์ไม่ได้สะสมความเมตตาจากพระองค์แต่กลับได้รับเป็นดั่งของขวัญแห่งความเชื่อ
Pippa Adds
เมื่อพิจารณาถึงเรื่องราวของอับราฮัมทั้งหมด (ปฐมกาล 12:10–20) เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ที่พระเจ้าให้เครดิตเขาด้วย ‘ความชอบธรรม’ นั้นหมายถึงมีความหวังสำหรับเราทุกคนเช่นกัน
References
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)ഈ പദ്ധതിയെക്കുറിച്ച്

การเข้าใจพระคัมภีร์อาจเป็นเรื่องยาก ทำไมไม่ลองอ่านหรือฟังพร้อมกับคำอธิบายทุกวัน จากนิคกี้และพิพพา กัมเบล -ผู้บุกเบิกอัลฟ่า เริ่มวันนี้เลย!
More
ബന്ധപ്പെട്ട പദ്ധതികൾ

എന്നോട് കല്പിയ്ക്കുക - സീറോ കോൺഫറൻസ്

വെല്ലുവിളി നിറഞ്ഞ ലോകത്ത് ഹൃദയത്തെ സംരക്ഷിക്കുന്നു

ദൈവത്തിൻ്റെ ഉദ്ദേശ്യപ്രകാരം ജീവിക്കുകയും അവൻ്റെ കൃപയെ സ്വീകരിക്കുകയും ചെയ്യുക

പരിശുദ്ധാത്മാവിലുള്ള ആത്മീയ അവബോധം

ബൈബിൾ മനഃപാഠ വാക്യങ്ങൾ (പുതിയ നിയമം)

നമ്മുടെ ദൈവിക വിധി അവകാശപ്പെടുന്നു

ഈസ്റ്റർ ക്രൂശാണ് - 8 ദിന വീഡിയോ പ്ലാൻ

വർഷാവസാനം പുനഃക്രമീകരിക്കുന്നു - പ്രാർത്ഥനയും ഉപവാസവും

വൈകാരിക പോരാട്ടങ്ങളെയും ആത്മീയ പോരാട്ടങ്ങളെയും മറികടക്കുക
