ผู้วินิจฉัย 1
1
คนอิสราเอลไม่อาจยึดครองคานาอันได้ทั้งหมด
(ยชว.15:13-19)
1อยู่มาเมื่อโยชูวาสิ้นชีวิตแล้ว คนอิสราเอลทูลถามพระยาห์เวห์ว่า “ใครในพวกข้าพระองค์จะขึ้นไปสู้รบกับคนคานาอันก่อน?” 2พระยาห์เวห์ตรัสว่า “ยูดาห์จะขึ้นไป นี่แน่ะ เราได้มอบแผ่นดินนั้นไว้ในมือเขาแล้ว” 3ยูดาห์จึงพูดกับสิเมโอนพี่ของตนว่า “จงขึ้นไปกับฉันในเขตแดนที่กำหนดให้ฉัน ให้เราสู้รบกับคนคานาอัน และฉันเองจะไปร่วมรบในเขตแดนที่กำหนดให้พี่ด้วย” สิเมโอนก็ไปกับเขา 4แล้วยูดาห์ก็ขึ้นไป และพระยาห์เวห์ทรงมอบคนคานาอันและคนเปริสซีไว้ในมือของพวกเขา และพวกเขาก็ประหารคนที่เมืองเบเซก 10,000 คน 5และเขาทั้งหลายพบอาโดนีเบเซกในเมืองเบเซก และสู้รบกับท่าน พวกเขาได้ประหารคนคานาอันและคนเปริสซี 6ส่วนอาโดนีเบเซกหนีไป แต่พวกเขาตามจับได้ เขาตัดนิ้วหัวแม่มือ และนิ้วหัวแม่เท้าของท่านออกเสีย 7อาโดนีเบเซกกล่าวว่า “มีกษัตริย์ 70 องค์ที่มีหัวแม่มือและหัวแม่เท้าด้วน เก็บเศษอาหารใต้โต๊ะของเรา เราทำกับเขาอย่างไร พระเจ้าก็ทรงทำกับเราอย่างนั้น” เขาทั้งหลายก็คุมตัวท่านมาที่เมืองเยรูซาเล็ม และท่านก็สิ้นชีวิตที่นั่น
8และคนยูดาห์ได้โจมตีเมืองเยรูซาเล็มและยึดเมืองได้ จึงฆ่าฟันชาวเมืองเสียด้วยคมดาบ และเอาไฟเผาเมืองเสีย 9ภายหลังคนยูดาห์ได้ลงไปสู้รบกับคนคานาอัน ผู้อยู่ในแดนเทือกเขา ในเนเกบ และในที่ราบ 10และยูดาห์ได้ไปสู้รบกับคนคานาอันผู้อยู่ในเฮโบรน (เมืองเฮโบรนนั้นแต่ก่อนมีชื่อว่า คีริยาทอารบา) และพวกเขาได้ประหารเชชัย อาหิมาน และทัลมัย
11เขายกจากที่นั่นไปสู้รบกับชาวเมืองเดบีร์ (เมืองเดบีร์นั้นแต่ก่อนมีชื่อว่า คีริยาทเสเฟอร์) 12และคาเลบกล่าวว่า “ผู้ที่ตีเมืองคีริยาทเสเฟอร์และยึดได้ เราจะยกอัคสาห์บุตรสาวของเราให้เป็นภรรยา” 13โอทนีเอลบุตรเคนัส น้องชายของคาเลบตีเมืองนั้นได้ คาเลบจึงยกอัคสาห์บุตรสาวของตนให้เป็นภรรยา 14อยู่มาเมื่อแต่งงานกันแล้ว นางจึงชวนสามีให้ขอที่นาจากบิดาของนาง นางก็ลงจากหลังลา คาเลบจึงถามนางว่า “ลูกมาด้วยเรื่องอะไร?” 15นางจึงตอบท่านว่า “ขอของขวัญให้ลูกสักอย่างหนึ่งเถิด เพราะพ่อให้ดินแดนเนเกบที่แห้งแล้งแก่ลูกแล้ว ลูกก็ขอน้ำพุด้วย” และคาเลบก็ยกน้ำพุบนและน้ำพุล่างแก่นาง
16คนเคไนต์ผู้เป็นเชื้อสายพ่อตาของโมเสสได้ขึ้นไปจากเมืองต้นอินทผลัม พร้อมกับคนยูดาห์มาถึงถิ่นทุรกันดารยูดาห์ซึ่งอยู่ในเนเกบใกล้เมืองอาราด และเขาก็ไปอยู่กับชนชาตินั้น 17และยูดาห์ก็ไปกับสิเมโอนพี่ของเขา พวกเขาประหารคนคานาอันผู้อยู่ในเมืองเศฟัท และทำลายเมืองนั้นเสียสิ้น เขาจึงเรียกชื่อเมืองนั้นว่า โฮรมาห์#แปลว่า การทำลาย
18ยูดาห์ได้ยึดเมืองกาซา เมืองอัชเคโลน และเมืองเอโครนพร้อมทั้งอาณาเขตของเมืองเหล่านั้นไว้ด้วย 19และพระยาห์เวห์สถิตกับยูดาห์ เขาจึงยึดครองแดนเทือกเขา แต่ไม่อาจขับไล่ผู้ที่อยู่ในหุบเขา เพราะพวกนั้นมีรถรบเหล็ก 20เมืองเฮโบรนนั้นเขายกให้คาเลบดังที่โมเสสได้กล่าวไว้ คาเลบจึงขับไล่บุตรชายทั้งสามคนของอานาคออกไปเสีย# ยชว.15:13-14 21แต่คนเบนยามินไม่ได้ขับไล่คนเยบุสผู้อยู่ในเยรูซาเล็มออกไป ดังนั้นคนเยบุสจึงอาศัยอยู่กับคนเบนยามินในเมืองเยรูซาเล็มจนถึงทุกวันนี้# ยชว.15:63; 2 ซมอ.5:6; 1 พศด.11:4
22พงศ์พันธุ์ของโยเซฟได้ขึ้นไปโจมตีเมืองเบธเอลด้วย และพระยาห์เวห์สถิตกับพวกเขา 23พงศ์พันธุ์โยเซฟได้ใช้คนไปสอดแนมเมืองเบธเอล (แต่ก่อนเมืองนี้ชื่อ ลูส) 24และพวกผู้สอดแนมเห็นชายคนหนึ่งเดินออกมาจากเมือง จึงพูดกับเขาว่า “จงชี้ทางเข้าเมืองนี้ให้แก่เรา และเราจะปรานีเจ้า” 25ชายคนนั้นก็ชี้ทางเข้าเมืองให้และพวกเขาทำลายเมืองนั้นเสียด้วยคมดาบ แต่ปล่อยชายนั้นและครอบครัวทั้งสิ้นของเขาไป 26ชายคนนั้นก็เข้าไปในแผ่นดินของคนฮิตไทต์ และสร้างเมืองขึ้นเมืองหนึ่ง เรียกชื่อว่าเมืองลูส ซึ่งเป็นชื่ออยู่จนทุกวันนี้
27มนัสเสห์ไม่ได้ขับไล่ชาวเมืองเบธชาน หรือชาวเมืองทาอานาค หรือชาวเมืองโดร์ หรือชาวเมืองอิบเลอัม หรือชาวเมืองเมกิดโด และไม่ได้ขับไล่คนในหมู่บ้านต่างๆ ของเมืองเหล่านั้นออกไป ดังนั้นคนคานาอันจึงยังอาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้น 28อยู่มาเมื่อคนอิสราเอลเข้มแข็งขึ้น ก็บังคับคนคานาอันให้ทำงานหนักเยี่ยงทาส แต่ไม่ได้ขับไล่เขาออกไปอย่างสิ้นเชิง# ยชว.17:11-13
29และเอฟราอิมไม่ได้ขับไล่คนคานาอัน ผู้อาศัยอยู่ในเมืองเกเซอร์ออกไป ดังนั้นคนคานาอันจึงยังอาศัยอยู่ในเมืองเกเซอร์ท่ามกลางเขา#ฉบับกรีก เพิ่มข้อความว่า แต่ถูกเกณฑ์ให้ทำงานหนักเยี่ยงทาส# ยชว.16:10
30เศบูลุนไม่ได้ขับไล่ชาวเมืองคิทโรนและชาวเมืองนาหะโลล ดังนั้นคนคานาอันจึงอาศัยอยู่ท่ามกลางเขาและถูกเกณฑ์ให้ทำงานหนักเยี่ยงทาส
31อาเชอร์ไม่ได้ขับไล่ชาวเมืองอัคโค หรือชาวเมืองไซดอน หรือชาวเมืองอัคลาบ หรือชาวเมืองอัคซีบ หรือชาวเมืองเฮลบาห์ หรือชาวเมืองอาฟิกหรือชาวเมืองเรโหบ 32ฉะนั้นคนเผ่าอาเชอร์จึงอาศัยอยู่ท่ามกลางคนคานาอันชาวแผ่นดินนั้น เพราะว่าเขาไม่ได้ขับไล่คนคานาอันออกไป
33นัฟทาลีไม่ได้ขับไล่ชาวเมืองเบธเชเมช และชาวเมืองเบธานาท แต่ได้อาศัยอยู่ท่ามกลางคนคานาอันชาวแผ่นดินนั้น อย่างไรก็ดีชาวเมืองเบธเชเมชและชาวเมืองเบธานาทก็ถูกเกณฑ์ให้ทำงานหนักเยี่ยงทาสให้พวกเขา
34คนอาโมไรต์ได้บีบคนดานเข้าไปในแดนเทือกเขา และไม่ยอมให้ลงมายังหุบเขา 35คนอาโมไรต์ยังตั้งมั่นอยู่ที่ภูเขาเฮเรสในเมืองอัยยาโลน และในเมืองชาอัลบิม แต่อำนาจของพงศ์พันธุ์โยเซฟเหนือกว่า ดังนั้นคนอาโมไรต์จึงถูกเกณฑ์ให้ทำงานหนักเยี่ยงทาส 36พรมแดนของคนอาโมไรต์ เริ่มตั้งแต่ทางขึ้นเนินอัครับบิมคือตั้งแต่เมืองเส-ลาเรื่อยขึ้นไป
Currently Selected:
ผู้วินิจฉัย 1: THSV11
Highlight
Share
Copy
Want to have your highlights saved across all your devices? Sign up or sign in
ผู้วินิจฉัย 1
1
เผ่ายูดาห์สู้กับคนคานาอัน
1หลังจากโยชูวาตาย ชาวอิสราเอลได้ถามพระยาห์เวห์ว่า “ในพวกเราเผ่าไหนจะเป็นเผ่าแรกที่ขึ้นไปสู้รบกับชาวคานาอันหรือ” 2พระยาห์เวห์ตอบว่า “ให้ยูดาห์ขึ้นไปเป็นเผ่าแรก ดูสิ เราได้มอบแผ่นดินนั้นไว้ในมือของพวกเขาแล้ว”
3ชาวเผ่ายูดาห์จึงไปพูดกับชาวเผ่าสิเมโอน พี่น้องของเขาว่า “ไปช่วยพวกเรารบกับชาวคานาอัน ในแผ่นดินที่ได้จัดสรรให้กับพวกเราด้วยเถิด แล้วพวกเราก็จะขึ้นไปช่วยพวกเจ้ารบในแผ่นดินที่ได้จัดสรรให้กับพวกเจ้าเหมือนกัน” แล้วชาวสิเมโอนก็ไปกับพวกเขา
4แล้วยูดาห์ได้บุกขึ้นไป และพระยาห์เวห์ได้มอบชาวคานาอันและชาวเปริสซี ไว้ในมือของคนยูดาห์ พวกเขาได้ฆ่าพวกผู้ชายไปหนึ่งหมื่นคนที่เมืองเบเซก 5แล้วที่นั่นพวกเขาได้เจอกับอาโดนีเบเซก#1:5 อาโดนีเบเซก หมายถึง เจ้าเมืองของเมืองเบเซก หรืออาจจะเป็นชื่อคน ผู้เป็นเจ้าเมืองเบเซก และได้สู้รบกับเขา และได้ฆ่าคนคานาอันและคนเปริสซี
6อาโดนีเบเซกหนีไป แต่พวกเขาได้ไล่ล่าตามไป จนจับตัวเขาไว้ได้ และตัดนิ้วหัวแม่มือ และนิ้วหัวแม่เท้าของเขาทิ้ง 7อาโดนีเบเซก พูดว่า “มีกษัตริย์เจ็ดสิบองค์ที่ถูกตัดนิ้วหัวแม่มือและนิ้วหัวแม่เท้า เก็บกินเศษอาหารอยู่ใต้โต๊ะของข้า ข้าได้ทำกับพวกเขายังไง พระเจ้าก็ได้ทำกับข้าอย่างนั้นเหมือนกัน” พวกเขาได้คุมตัวอาโดนีเบเซกไปที่เยรูซาเล็มและเขาก็ตายที่นั่น
8ชนเผ่ายูดาห์เข้าโจมตีและยึดเมืองเยรูซาเล็มไว้ได้ พวกเขาใช้ดาบไล่ฆ่าฟันชาวเมืองเยรูซาเล็ม และเผาเมืองทิ้ง 9ต่อมาชนเผ่ายูดาห์ได้ลงไปสู้รบกับคนคานาอัน ที่อาศัยอยู่ในแถบเทือกเขาเนเกบ และแถบที่ลุ่มเชิงเขาฝั่งตะวันตก#1:9 ที่ลุ่มเชิงเขาฝั่งตะวันตก หรือเชเฟลาห์ 10ชนเผ่ายูดาห์ได้ไปสู้รบกับชาวคานาอันที่อาศัยอยู่ในเฮโบรน (เมืองเฮโบรนเดิมชื่อ คิริยาทอารบา) และพวกเขาได้รบชนะตระกูลเชชัย อาหิมาน และทัลมัย
คาเลบและลูกสาวของเขา
11จากที่นั่น ชาวยูดาห์ได้บุกไปสู้รบกับชาวเมืองเดบีร์ (เมืองเดบีร์เดิมชื่อว่า เมืองคิริยาทเสเฟอร์) 12คาเลบพูดว่า “ใครที่โจมตีเมืองคิริยาทเสเฟอร์และยึดมันไว้ได้ เราจะยกอัคสาห์ลูกสาวของเราให้เป็นเมียผู้นั้น”
13โอทนีเอล ลูกชายเคนัส ตีเมืองนั้นได้ เคนัสเป็นน้องชายของคาเลบ คาเลบจึงยกอัคสาห์ลูกสาวของเขาให้เป็นเมียของโอทนีเอล 14เมื่อนางอัคสาห์มาหาโอทนีเอล โอทนีเอลได้บอกให้นางขอที่นากับพ่อของนาง 15เมื่อนางลงจากหลังลา คาเลบจึงถามนางว่า “ลูกมีอะไรให้พ่อช่วยหรือ”
นางจึงตอบว่า “ขอของขวัญให้กับลูกสักอย่างเถิด ไหนๆพ่อก็ให้ดินแดนแห้งแล้งแถบเนเกบกับลูกแล้ว ขอพวกตาน้ำให้กับลูกด้วยเถิด” คาเลบจึงยกตาน้ำที่อยู่ตอนบนกับตาน้ำที่อยู่ตอนล่างให้กับนาง
16ลูกหลานของคนเคไนต์ (คนเคไนต์สืบเชื้อสายมาจากพ่อตาของโมเสส) ได้ขึ้นไปจากเมืองต้นปาล์มอินทผลัม#1:16 เมืองต้นปาล์มอินทผลัม คือเมืองเยริโค พร้อมกับชนเผ่ายูดาห์ พวกเขาเข้าไปถึงถิ่นทุรกันดารยูดาห์ที่อยู่ในเนเกบ ใกล้กับอาราด แล้วพวกเขาก็ได้เข้าไปตั้งถิ่นฐานอยู่กับคนอามีลีไคที่นั่น 17ชนเผ่ายูดาห์ได้ไปร่วมรบกับชนเผ่าสิเมโอนพี่น้องของเขา และพวกเขาก็ได้ฆ่าคนคานาอัน ที่อาศัยอยู่ในเมืองเศฟัท และทำลายเมืองนั้นอย่างราบคาบ เขาจึงเรียกชื่อเมืองนั้นว่า “โฮรมาห์”#1:17 โฮรมาห์ แปลว่าเมืองที่ถูกทำลายลงอย่างสิ้นซาก
18ชนเผ่ายูดาห์ได้ยึดเมืองกาซา เมืองอัชเคโลนและเมืองเอโครน พร้อมกับอาณาเขตของสามเมืองนั้น 19พระยาห์เวห์อยู่ด้วยกับชนเผ่ายูดาห์ และพวกเขาได้ยึดครองพื้นที่แถบเทือกเขาไว้ได้ แต่ไม่สามารถขับไล่ชาวเมืองที่อยู่ในหุบเขาออกไป เพราะพวกนั้นมีรถรบเหล็ก
20คาเลบได้รับเมืองเฮโบรน ตามที่โมเสสได้สัญญาไว้ และเขาได้ขับไล่สามตระกูลที่สืบเชื้อสายมาจากอานาค#1:20 สามตระกูล … จากอานาค อานาคเป็นคนตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ สามเผ่านี้หมายถึงสามเผ่าในข้อ 10ออกไป
เผ่าเบนยามินในเยรูซาเล็ม
21แต่ชนเผ่าเบนยามินไม่ได้ขับไล่ชาวเยบุสที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มออกไป ดังนั้นคนเยบุสจึงอยู่ร่วมกับคนเบนยามินในเยรูซาเล็มจนถึงทุกวันนี้
ลูกหลานโยเซฟยึดเบธเอล
22ลูกหลานของโยเซฟได้ขึ้นไปต่อสู้กับเมืองเบธเอลด้วยเหมือนกัน และพระยาห์เวห์ได้อยู่กับพวกเขา 23คนของโยเซฟได้ส่งคนสอดแนมเข้าไปในเมืองเบธเอล (เมืองนี้เดิมชื่อว่าลูส)
24เมื่อพวกคนสอดแนมเห็นชายคนหนึ่งออกมาจากเมือง พวกเขาพูดกับชายคนนั้นว่า “บอกทางเข้าเมืองให้กับเราหน่อย และเราจะปรานีเจ้า” 25ชายคนนั้นก็บอกทางเข้าเมืองให้ พวกคนสอดแนมก็เอาดาบฆ่าฟันคนในเมือง แต่เขาปล่อยชายคนที่บอกทางคนนั้นกับครอบครัวของเขาไป 26ชายคนนั้นเข้าไปในดินแดนของชาวฮิตไทต์ และสร้างเมืองขึ้น เรียกว่า เมืองลูส และเมืองนั้นก็ยังมีชื่อว่าลูสมาจนถึงทุกวันนี้
คนตระกูลอื่นๆสู้รบกับคนคานาอัน
27เผ่ามนัสเสห์ไม่ได้ขับไล่คนที่อาศัยอยู่ในเมืองเบธชาน เมืองทาอานาค เมืองโดร์ เมืองอิบเลอัม เมืองเมกิดโด และชนบทรอบๆเมืองเหล่านั้น เพราะคนคานาอันไม่ยอมออกไปจากแผ่นดินนั้น 28เมื่อชาวอิสราเอลมีกำลังเข้มแข็งขึ้น พวกเขาก็ได้บังคับให้คนคานาอันทำงานอย่างทาส แต่ชาวอิสราเอลไม่ได้ไล่คนคานาอันออกไปให้หมด
29ชนเผ่าเอฟราอิมก็ไม่ได้ขับไล่คนคานาอันที่อาศัยอยู่ในเมืองเกเซอร์ออกไป แต่คนคานาอันและชนเผ่าเอฟราอิมต่างก็อยู่ร่วมกันในเมืองเกเซอร์ 30ชนเผ่าเศบูลุนไม่ได้ขับไล่ชาวคานาอันที่อาศัยอยู่ในเมืองคิทโรนกับเมืองนาหะโลลออกไป แต่คนคานาอันกับคนเศบูลุนก็ยังอยู่ร่วมกัน แต่คนคานาอันก็ได้ถูกบังคับให้ทำงานอย่างทาส
31ชนเผ่าอาเชอร์ก็ไม่ได้ขับไล่คนที่อาศัยอยู่ในเมืองอัคโค เมืองไซดอน เมืองอัคลาบ เมืองอัคซีบ เมืองเฮลบาห์ เมืองอาฟิก และเมืองเรโหบ 32คนเผ่าอาเชอร์ก็อยู่ร่วมกับคนคานาอันในแผ่นดินนั้น เพราะคนอาเชอร์ไม่ได้ขับไล่คนคานาอันออกไป
33ชนเผ่านัฟทาลีก็ไม่ได้ขับไล่คนที่อาศัยอยู่ในเมืองเบธเชเมช หรือในเมืองเบธอานาทออกไป แต่คนเผ่านัฟทาลีก็อยู่ร่วมกันกับคนคานาอันในแผ่นดินนั้น แต่ชาวเมืองเบธเชเมชและเมืองเบธอานาทได้ถูกบังคับให้ทำงานอย่างทาสให้กับชนเผ่านัฟทาลี 34คนอาโมไรต์ขับไล่คนเผ่าดานให้กลับไปที่แถบเทือกเขาและไม่ยอมให้พวกเขาลงมาที่หุบเขา
35คนอาโมไรต์ยังคงอาศัยอยู่ที่ภูเขาเฮเรส ในเมืองอัยยาโลน และในเมืองชาอัลบิม แต่ลูกหลานของโยเซฟเข้มแข็งกว่า และพวกเขาได้บังคับให้คนอาโมไรต์ทำงานอย่างทาส 36อาณาเขตของคนอาโมไรต์ เริ่มตั้งแต่ทางข้ามแมงป่องไปถึงเมืองเส-ลา และเรื่อยขึ้นไป
Currently Selected:
:
Highlight
Share
Copy
Want to have your highlights saved across all your devices? Sign up or sign in
Bible League International